เปิดตำรา เคล็ดไม่ลับ เรียนเก่ง ง่าย ๆ แค่ 8 ขั้นตอน ที่ใครๆ ก็ทำได้

เปิดตำรา เคล็ดไม่ลับ เรียนเก่ง ง่าย ๆ แค่ 8 ขั้นตอน ที่ใครๆ ก็ทำได้

เปิดตำรา เคล็ดไม่ลับ เรียนเก่ง ง่าย ๆ แค่ 8 ขั้นตอน ที่ใครๆ ก็ทำได้

               เนื่องจากประเทศไทยในปัจจุบันการศึกษาถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ หลาย ๆ ครั้งที่ผลการเรียนหรือ “เกรด” มีผลต่อโอกาส เช่น การได้ทุนการศึกษา การทำงานในตำแหน่งหน้าที่ดี ๆ การเดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศ ทุกอย่างล้วนใช้ผลการเรียนเป็นตัวตัดสิน ทว่าการเรียนในแต่ละวันสำหรับนักเรียนนักศึกษาแล้วไม่ได้ง่ายเลย สังเกตได้จากนักเรียนนักศึกษาที่ยังติดศูนย์หรือติด F กัน ทว่าการเรียนก็ไม่ได้ยากมาก หากทุกคนทราบเคล็ดลับในการ เรียนเก่ง นั้นเอง ซึ่งในบทความได้รวบรวม 8 ขั้นตอนด้วยกัน  ดังนี้ รวบรวม 8 ขั้นตอนการ เรียนเก่ง ได้ง่ายๆ กำหนดเป้าหมาย หากเรียนไปโดยไร้จุดหมาย แน่นอน! ความสนใจหรือแรงจูงใจในการเรียนของทุกคนจะลดน้อยลง ดังนั้นอันดับแรกทุกคนต้องมีเป้าหมายในใจหรือเขียนออกมาเลยว่า “ฉันเรียนไปเพื่ออะไร” เช่น ต้องการเรียนเพื่ออนาคตจะไปเป็นแพทย์ เป็นต้น วางแผนการเรียน เมื่อกำหนดเป้าหมายชัดเจน ทุกคนก็ศึกษาว่าในสิ่งที่เราจะเป็นนั้นต้องเรียนอะไร ใช้ผลการเรียนอย่างไร แล้วเขียนใส่กระดาษแล้วย้ำกับตนเองเสมอต้องทำตามแผนการให้ได้ แบ่งเวลาให้เป็น การเรียนสำคัญก็จริงแต่ประสบการณ์ชีวิตสำคัญกว่า ดังนั้นทุกคนควรแบ่งเวลาเรียนและเพิ่มพูนทักษะชีวิตควบคู่กันไปด้วย นอกจากจะ เรียนเก่ง แล้วการใช้ชีวิตก็ดีด้วย…

ต้องอ่าน! กับ 5 เทคนิคเรียนเก่ง อย่างไร…? ให้ทำข้อสอบประสบผลสำเร็จ

ต้องอ่าน! กับ 5 เทคนิคเรียนเก่ง เรียนอย่างไร…? ให้ทำข้อสอบประสบผลสำเร็จ

               หลายคนเลยที่ไม่ทราบว่าเรียนหนักไปเพื่ออะไร…? บางคนเรียนดี ผลการเรียนติดอันดับต้น ๆ ของห้องเรียนหรือของโรงเรียน ทว่าทำไมไม่ประสบผลสำเร็จของการทำข้อสอบเลย ทั้ง ๆ ที่จดจำเนื้อหาได้ครบถ้วนแต่กลับตอบคำถามไม่ได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เชื่อเลยว่านักเรียนหลายคนกำลังพบเจออยู่แน่นอน! โดยสาเหตุหลักที่ทุกคนจำเนื้อหาได้แต่ไม่สามารถดึงความรู้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้นั้นก็เพราะไม่เข้าใจเนื้อหาจริง ๆ นั้นเอง บทความนี้จึงรวบรวม 5 เทคนิคเรียนเก่ง ให้ทำข้อสอบได้ ดังนี้ แนะนำ เทคนิคเรียนเก่ง เรียนอย่างไรให้ทำข้อสอบได้ดี เปลี่ยนตัวหนังสอให้เป็นภาพ คำว่า “ภาพ” ในที่นี่ หมายถึง การเรียนในห้องเรียนรวมถึงกลับมาทบทวนความรู้แล้วสามารถเขียนออกมาเป็นแผนภาพความรู้หรือสามารถมองเห็นภาพความเชื่อมโยงของเนื้อหาได้ในอากาศ เทคนิคเรียนเก่ง หากทุกคนสามารถทำในลักษณะนี้ได้รับรองการเรียนปัง! เชื่อมโยงความรู้ได้ การเชื่อมโยงความรู้คือการนำความรู้ที่เคยเล่าเรียนมาในอดีตใช้เป็นเหตุผลในการพิจารณาคำตอบได้นั้นเอง สอนเพื่อน หลายคนเมื่อเรียนเข้าใจแล้วเกิดอาการหวงวิชา ซึ่งการหวงวิชาเป็นสิ่งที่ไม่ดีเลยนะคะ ทุกคนต้องคิดใหม่ว่า…การสอนเพื่อนเป็นการทบทวนความรู้เพราะในเนื้อหาบางครั้งทุกคนไม่สามารถเข้าใจได้ 100% หรือหลงลืม แต่เมื่อสอนเพื่อนไป อ้าว! ตรงนี้ทุกคนไม่สามารถตอบเพื่อนได้ก็ต้องไปหาคำตอบมาส่งผลให้ความรู้ของทุกคนมีแต่เพิ่มพูน ข้อนี้เป็น เทคนิคเรียนเก่ง ของนักเรียนหัวกะทิเลยนะคะ ทบทวนโดยไม่ต้องอ่านหนังสือ ห้ามจดสรุปเป็นตัวหนังสือยาว ๆ คำว่า “สรุป” มันต้องกระชับ…

ส่องเคล็ดไม่ลับ! กับ 5 วิธีเพิ่มเกรด 3.5+ ง่าย ๆ ฉบับคนขี้เกียจ

ส่องเคล็ดไม่ลับ! กับ 5 วิธีเพิ่มเกรด 3.5+ ง่าย ๆ ฉบับคนขี้เกียจ

               เนื่องจากในปัจจุบันทุกคนไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า “การศึกษา” ไม่ใช่สิ่งสำคัญในการประกอบอาชีพ นักเรียนนักศึกษาในประเทศไทยใช้เวลากว่า 8 ชั่วโมงในการเล่าเรียนเพื่อนำความรู้ไปต่อยอดในระดับชั้นที่สูงขึ้นไป ทว่านักเรียนนักศึกษาหลายคนทุ่มเททั้งพลังกายพลังใจแต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่เป็นอย่างหวัง ผลการเรียนตก! เครียด! จะเพิ่มเกรดอย่างไร…? บทความนี้มี วิธีเพิ่มเกรด 3.5+ ง่าย ๆ ฉบับคนขี้เกียจมาแนะนำ แนะนำ วิธีเพิ่มเกรด 3.5+แบบง่าย ๆ ตั้งใจเรียนในห้องเรียน เป็นวิธีเพิ่มเกรด 3.5+แบบง่ายๆ ด้วยการฟังคุณครูสอนมาก ๆ ในห้องสามารถทำให้นักเรียนนักศึกษาไม่ต้องอ่านหนังสือหนัก ๆ ก่อนสอบก็เชื่อมโยงเนื้อหาถึงกันได้และยังเป็นความรู้ความเข้าใจที่ฝังแน่นในสมองที่คงทนมาก ๆ ทบทวนความรู้ การทบทวนความรู้ในที่นี่ คือ หากในเวลาเรียนทุกคนยังไม่เข้าใจอย่างถี่ถ้วนให้กลับมาอ่านหรือทำโจทย์ปัญหาทบทวนมาก ๆ และควรทำวันต่อวันทันที เพราะนักเรียนต้องเรียนหนังสือทุกวัน แต่ละวันมีการจัดการเรียนการสอนที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นควรตั้งใจทบทวนแต่ละวันให้ครบ ส่งงานให้ครบทุกรายวิชา ต้องบอกก่อนว่าภาระงานแต่ละชิ้นทุกคนอย่ามองข้าม! โดยอัตราส่วนการเก็บคะแนนจะแบ่งเป็นการสอบ 50 คะแนน ภาระงาน 50 คะแนน หากทุกคนสามารถกวาดคะแนนภาระงานได้ครบถ้วน ตั้งใจสอบอีก 30…

วิธีการเพิ่มศักยภาพแห่งการเรียนรู้ ด้วยเทคนิค Brain Based Learning

วิธีการเพิ่มศักยภาพแห่งการเรียนรู้ ด้วยเทคนิค Brain Based Learning

               พอพูดถึงเรื่องการศึกษาทีไร เด็กวัยเรียนส่วนใหญ่ก็มักจะรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมาทุกที ไม่ใช่ว่าเด็กๆ ไม่สนใจใฝ่รู้ หรือเป็นคนขี้เกียจสันหลังยาว ต่อให้เป็นเด็กหลังห้องที่ถูกมองข้าม ก็มักจะมีนิสัยรักการเรียนรู้อยู่ในตัว นี่เป็นสิ่งที่คนในวงการการศึกษารู้ดี จึงมีการพัฒนาเทคนิคที่ชื่อว่า Brain Based Learning ขึ้นมา โดยมีเป้าหมายในการเสริมสร้างบรรยากาศที่กระตุ้นให้อยากเรียนรู้ และช่วยให้สมองทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพมากที่สุดด้วย เทคนิค Brain Based Learning การเรียนรู้อย่างมีความสุข                จากผลการวิจัยเทคนิค Brain Based Learning พบว่าเด็กทั้งหมดมีพัฒนาการในการเรียนรู้สูงกว่าเดิมถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เรียนอยู่ในสภาวะที่มีความสุขอยู่เสมอ ไม่ตึงเครียด ไม่ซึมเศร้า ซึ่งถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีมากในการปรับเปลี่ยนรูปแบบและวิธีการที่ครูใช้สอนนักเรียน เพราะมันจะได้ประโยชน์กันทุกฝ่าย แล้วเชื่ออย่างยิ่งเลยว่า เด็กๆ จะอยากมาเรียนกันมากขึ้น ไม่ต้องบังคับขู่เข็ญอย่างเช่นทุกวันนี้                วิธีการใช้เทคนิค Brain Based Learning ในชีวิตประจำวัน อันที่จริงควรเป็นการร่วมมือกันระหว่างครูและนักเรียน แต่ถ้าทางโรงเรียนไม่ได้เห็นความสำคัญ ตัวนักเรียนเองก็ปรับใช้เทคนิคนี้เป็นการส่วนตัวได้ โดยมันจะมีอยู่ 4…

การอ่านหนังสือ ขึ้นอยู่กับความชอบ และความสนใจ ของแต่ละคน

การอ่านหนังสือ ขึ้นอยู่กับความชอบ และความสนใจ ของแต่ละคน

การอ่านหนังสือ เป็นสิ่งที่เราต้องทำกันตั้งแต่ตอนที่เรายังเรียนอยู่ในโรงเรียน ซึ่งช่วงเวลาที่เราอ่านหนังสือมากที่สุดก็จะเป็นช่วงเวลาก่อนสอบเพียงแค่ 1-2 สัปดาห์ เพื่อที่จะเตรียมตัวกับการสอบที่จะมาถึงการทบทวนเนื้อหาต่างๆในหนังสือถือเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่หลังจากที่เราเรียนหนังสือจบมาแล้วไม่ว่าจะเป็นในระดับโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย หลังจากนั้นเชื่อว่าหลายๆคนร้านอ่านหนังสือน้อยลงอย่างแน่นอน การอ่านหนังสือ จะยากหรือง่าย อยู่ที่ความชอบ การอ่านหนังสือ เป็นเรื่องยากสำหรับใครหลายๆคนจริงๆนะสำหรับผู้เขียนก็เช่นเดียวกันสมัยที่เรียนหนังสืออยู่ การอ่านหนังสือนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะเกิดขึ้นเพราะว่าเพียงแค่หยิบหนังสือขึ้นมาเปิดหนังสืออ่านเพียงแค่ 2-3 หน้าก็เหมือนยานอนหลับ พอเริ่มอ่านไปได้เพียงแค่สักพักเดียวหนังสือก็ตกใส่หัวซะแล้ว เรียกแล้วว่าอ่านไม่นานก็ง่วงเอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า และเหตุการณ์ที่ได้ยกตัวอย่างมาข้างต้นนี้ก็คงจะเกิดกับใครหลายคนเช่นเดียวกัน ในประเทศไทยเคยมีการทำวิจัยมาแล้วว่าคนไทยอ่านหนังสือจำนวนน้อยมาก ยิ่งในยุคปัจจุบันที่มีการนำโซเชียลมีเดียเข้ามาในประเทศทำให้การอ่านหนังสือยิ่งน้อยลงไปอีก จริง ๆ แล้วการอ่านหนังสือไม่ใช่เรื่องที่ยากมากมายอะไร เพียงแค่เราได้อ่านหนังสือที่เราไม่ได้ชอบเพียงแค่นั้นเอง สมัยเรียนอยู่คงมีเพื่อนๆของผู้อ่านหลายคนอ่านหนังสือนิยายเป็นเล่ม ๆ โดยที่ไม่รู้สึกเบื่อ พอถึงเวลาว่างก็จะหยิบหนังสือนิยายขึ้นมาอ่าน ใช่แล้วครับสิ่งที่ผู้เขียนกำลังจะบอกก็คือการอ่านหนังสือเรียนนั้นเป็นสิ่งที่นักเรียนไม่ชอบแต่ถ้านักเรียนได้มาอ่านหนังสือที่ตัวเองชอบอย่างหนังสือนิยายก็จะสามารถอ่านจบภายในระยะเวลาอันรวดเร็วแถมยังจำเนื้อหาได้อย่างแม่นยำอีกด้วย สิ่งนี้มันเป็นสิ่งที่เรียกว่าความสนใจของแต่ละคน หากว่าสนใจในสิ่งไหนสิ่งนั้นก็จะเป็นสิ่งที่ทำให้จดจำรายละเอียดได้ดียิ่งขึ้น  พอผู้เขียนได้มาเขียนบทความหรือว่า การอ่านหนังสือ นั้นไม่ใช่เรื่องยากแต่เป็นเรื่องของความชอบมากกว่า หากว่าได้อ่านหนังสือเล่มที่ชอบแม้หนังสือจะยาวขนาดไหนก็อ่านมันทุกหน้า แต่เมื่อเป็นหนังสือที่ไม่ได้ชอบแค่บทนำก็ยังไม่อยากอ่านเลย  ย้อนกลับสมัยที่เรียนหนังสือสาเหตุที่เราไม่ได้ชอบอ่านหนังสือเรียนก็คงจะเป็นเพราะว่ามันไม่ได้มีความน่าสนใจในหนังสือเรียนมากเท่าไหร่ ถ้าหากว่ามีการปรับเปลี่ยนให้มีเนื้อหาที่ได้รับความสนใจจากนักเรียนแล้วการอ่านหนังสือก็คงจะเป็นเรื่องที่น่าสนุกน่าดู  ติดตามบทความ การศีกษา เคล็ดลับการอ่านหนังสือ การสอบ ข่าวการศึกษา ได้ที่นี้ แนะนำ เทคนิคการอ่านหนังสือ อ่านยังไงให้สอบผ่านฉลุยทุกวิชา

การสอบที่อังกฤษ ในปีหน้า จะล่าช้าออก ไปสามสัปดาห์ เพื่อให้มีเวลาสอนเพิ่ม

การสอบที่อังกฤษ ในปีหน้า จะล่าช้าออก ไปสามสัปดาห์ เพื่อให้มีเวลาสอนเพิ่ม

การสอบที่อังกฤษ ในปีหน้ากำลังจะดำเนินต่อไป แต่ส่วนใหญ่จะเลื่อนออกไปเป็นเวลาสามสัปดาห์เพื่อให้โรงเรียนมีเวลาสอนเพิ่มขึ้นรัฐบาลกล่าว เกวิน วิลเลี่ยมสัน เลขาธิการด้านการศึกษายืนยันว่า GCSEs และ A-levels จะจัดขึ้นในช่วงฤดูร้อนโดยมีการปรับหลักสูตรเล็กน้อยที่กำหนดโดยหน่วยงานควบคุมคุณสมบัติ Ofqual แจ้งความล่าช้าของ การสอบที่อังกฤษ เขากล่าวว่า การสอบที่อังกฤษ นี้เป็นวิธีที่ยุติธรรมที่สุดในการดำเนินการสำหรับนักเรียนที่การศึกษาหยุดชะงักไปแล้ว แต่อาจารย์ใหญ่และสหภาพแรงงานปฏิเสธการประกาศว่า “โหดร้าย” และ “ไม่เพียงพอ” และกล่าวว่าการวางแผนฉุกเฉินเพื่อหยุดชะงักต่อไปนั้นสายเกินไปเจฟฟ์ บาร์ตัน เลขาธิการทั่วไปของสมาคมผู้นำโรงเรียนและวิทยาลัยกล่าวว่า เรารู้สึกผิดหวังกับการประกาศครั้งนี้ รัฐบาลต้องใช้เวลาชั่วนิรันดร์ในการตอบสนองที่ไม่เพียงพอต่อขนาดของความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้าสำหรับนักเรียนที่กำลังสอบ GCSEs และ A-level ในปีหน้า เขากล่าวเสริมว่า: การชะลอ การสอบที่อังกฤษ ภายในสามสัปดาห์เป็นประโยชน์เล็กน้อยเมื่อเทียบกับการสูญเสียการเรียนรู้จากประเทศต้องหยุดชะงัก ดร. แมรี่ บูสเตด เลขาธิการร่วมของสหภาพการศึกษาแห่งชาติกล่าวว่า นี่เป็นเรื่องที่โหดร้าย การประกาศในวันนี้เป็นการละทิ้งหน้าที่ของรัฐบาลต่อนักเรียนผู้ปกครองและผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา ครูใหญ่เรียกร้องให้นักเรียนเลือกหัวข้อในการสอบมากขึ้นโดยคำนึงถึงความจริงที่ว่าพวกเขาจะไม่สามารถครอบคลุมหลักสูตรทั้งหมดได้ พวกเขายังแนะนำให้นักเรียนนั่งสอบน้อยลงในแต่ละวิชา อย่างไรก็ตามคนวงในกล่าวว่ารัฐบาลยืนยันว่าการสอบจะต้องเข้มงวดและไม่ควรมีการ“ ลดทอน” หรือเจาะลึกเพื่อกดดันจากภายในภาคส่วนให้มีการทบทวนระบบการประเมินอย่างเต็มรูปแบบหลังจากผลการประเมินในปีนี้ล่มสลาย ชุดการสอบภาคฤดูร้อนจะเริ่มในวันที่ 7 มิถุนายน 2021 และสิ้นสุดในวันที่ 2…

เก่งอังกฤษได้ไม่ต้องง้อติวเตอร์

อัพสกิล ด้วยตัวเองอย่างไรให้ เก่งอังกฤษได้ไม่ต้องง้อติวเตอร์

         ภาษาอังกฤษ นับได้ว่าเป็นภาษาสากลของโลกที่นับวันจะยิ่งทวีความสำคัญมากยิ่งขึ้น แต่ข้อจำกัดในโรงเรียนที่อยู่ห่างไกล ภาษาอังกฤษถูกจำกัดแค่ในห้องเรียน จึงไม่ถูกนำไปต่อยอดนอกห้องเรียน ต่างจากน้อง ๆ  ที่มีภูมิลำเนาหรือที่พักอยู่ในเมืองใหญ่ หรือเมืองท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติในจำนวนมาก ซึ่งจะมีโอกาสได้ใช้ภาษาอังกฤษมากกว่า ขณะที่ น้อง ๆ ในพื้นที่ที่ขาดการต่อยอดการใช้ภาษาอังกฤษเหล่านั้น หลายคนจึงเลือกที่จะไปเรียนติวเตอร์เสริม ซึ่งหารู้ไม่ว่าการอัพสกิลด้านภาษาสิ่งสำคัญคือการฝึกฝนและใช้บ่อย ๆ เก่งอังกฤษได้ไม่ต้องง้อติวเตอร์ ที่สามารถทำง่ายๆ ได้ด้วยตัวเอง ในยุคที่มีเทคโนโลยีมากมาย เคล็ดลับ เก่งอังกฤษได้ไม่ต้องง้อติวเตอร์ อัพสกิล เก่งอังกฤษได้ไม่ต้องง้อติวเตอร์ด้วยการเปิดสื่อภาษาอังกฤษ โดยอาจเริ่มจากสิ่งที่ชอบ  เช่น การฟังเพลง และเปิดดูเนื้อร้อง การดูฟุตบอลแล้วเปิดเสียงพากษ์อังกฤษ หรือการฟังข่าวภาษาอังกฤษ  โดยทั้งหมดนี้ควรอย่างยิ่งที่จะฟังบ่อยๆ ฟังซ้ำๆ และปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งทั้งหมดจะช่วยอัพสกิลในเรื่องการฟังได้อย่างมาก อัพสกิล เก่งอังกฤษได้ไม่ต้องง้อติวเตอร์ด้วยติดตามสื่อโซเชียลต่างประเทศ เช่น ใน Facebook, Instargam และ ทวิตเตอร์ ซึ่งอาจติดตามสำนักข่าวต่างประเทศ ศิลปินนักร้อง นักกีฬา บุคคลสำคัญ ซึ่งการอัพสกิลด้วยวิธีนี้ จะทำให้น้อง…

เตรียมตัวสอบไฟนอล อย่างไรให้ไม่ตาย และไม่ต้องอดนอน

เตรียมตัวสอบไฟนอล อย่างไรให้ไม่ตาย และไม่ต้องอดนอน

การสอบมิดเทอมพึ่งจะผ่านพ้นไป เชื่อว่าน้องๆ จำนวนไม่น้อยต้องอดหลับอดนอนสำหรับการอ่านหนังสือ ซึ่งหากทำบ่อยๆไม่น่าใช่เรื่องที่ดีต่อสุภาพในระยะยาวแน่นอน ฉะนั้นวันนี้จะมาแนะนำ เคล็ดลับ เตรียมตัวสอบไฟนอล อย่างไรให้ไม่ตาย และไม่ต้องอดนอน เคล็ดลับ เตรียมตัวสอบไฟนอล 1.เรียนจบทุกคาบ สรุปเนื้อหาทันที ใน 1 รายวิชา ในการเรียน 1  คาบ ย่อมมีเนื้อหาอัดแน่น น้องๆ หลายคนเมื่อจบคาบก็เก็บเลคเชอร์ไว้โดย ไม่ได้กลับมาเปิดอ่านอีก และสะสมแบบนี้ทุกอาทิตย์ มาเปิดอ่านและสรุปทีเดียวช่วงไฟนอล อีกทั้งถ้ามีหลายวิชาสอบติดกัน บอกได้เลยว่าน้อง ๆ ตายเรียบแน่นอน ฉะนั้นวิธีแก้ จบคาบเรียนสรุปเนื้อหาทันทีให้เสร็จในวันนั้น หรือทำในช่วงวันหยุด ให้อ่านแล้วกระชับแต่เข้าใจรายละเอียดที่สุด เมื่อถึงไฟนอลน้องๆ จะได้ไม่ต้องอ่านหนังสือย้อนหลังหนักเกินไป 2.วางแผนอ่านหนังสือล่วงหน้า ก่อนไฟนอล 1 เดือน ในช่วง 1 เดือนสุดท้าย ก่อนไฟนอล น้องๆ ต้อง เตรียมตัวสอบไฟนอล โดยการนำเนื้อหาที่เลคเชอร์ไว้มาอ่านอย่างละเอียด และอ่านสรุปที่ทำไว้ในทุกคาบมาอ่านประกอบด้วย ซึ่งการวางแผนล่วงหน้า 1…

การซิ่วไม่ใช่เป็นสิ่งที่ผิด แต่ขึ้นอยู่กับตัวเราเองต่างหากที่จะมองว่ามันคือสิ่งที่ดีหรือไม่ดีอย่างไร เวลาที่มีอยู่ เราจะต้องทำมันออกมาให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้

ทำความเข้าใจ ข้อดีของการซิ่ว ทั้งซิ่วไปเรียนและซิ่วอยู่บ้าน ใช่ว่าจะแย่เสมอไป

               บางครั้งการเลือกคณะที่ใช่ สาขาที่ชอบก็เป็นเรื่องที่ยากสำหรับเด็กม.6 มากๆ เพราะเนื่องการศึกษาที่ยังไม่ชัดเจนในเรื่องการต่อยอดในอนาคต หรือแม้กระทั่งในบางโรงเรียนก็มีประสบการณ์ ข่าวสารหรือสื่อที่บ่งบอกในการเลือกคณะ สาขาหรืออาชีพในปัจจุบันที่ไม่ได้มาก จนทำให้เด็กม.6หลายคนที่ยังไม่รู้ตัวเองว่าชอบสิ่งใดหรืออยากจะประกอบอาชีพใด สิ่งนี้ทำให้พวกเขาเหล่านั้นเลือกคณะหรือสาขาที่ตนเองต้องการไม่ได้ แต่เมื่อถึงเวลาในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย การเลือกคณะหรือสาขาก็เป็นเรื่องยากมากๆสำหรับพวกเขา เพราะว่าถ้าเลือกคณะหรือสาขาที่ตนเองไม่ชอบและไม่สามารถเรียนได้ สิ่งนี้จะนำไปสู่หนทางในการซิ่ว โดยการซิ่วเป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่หลายๆคนมักจะเป็นกังวลมากต่อบุตรหลาน แต่ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีข้อดีและข้อเสียในตัวของมันเสมอ บทความนี้จะนำท่านผู้อ่านได้ทราบถึง ข้อดีของการซิ่ว ดังนี้ แนะนำ ข้อดีของการซิ่ว ข้อดีของการซิ่ว มีเวลาในการเตรียมตัวมาก การซิ่วเพื่อเตรียมตัวในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในคณะที่ใช่ สาขาที่ชอบนั้นมีระยะเวลาในการเตรียมตัวอย่างน้อย 1 ปี ซึ่งเป็นเวลาที่ค่อนข้างจะมาก ทำให้เราสามารถวางแผนในการอ่านหนังสือเยอะมาก โดยเฉพาะถ้าหากเราเตรียมตัวทุกอย่างเสร็จก่อนกำหนดสอบ ก็จะมีเวลาในการทบทวนบทเรียนอีกครั้งก่อนเข้าสู่สนามสอบอีกด้วย ข้อดีของการซิ่ว มีสมาธิกับหนังสือ ในกรณีนี้หมายถึงการซิ่วอยู่บ้าน ซึ่งเราจะมีสมาธิและจดจ่ออยู่แต่กับหนังสือและเป้าหมายในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยตามที่ฝันไว้ อีกทั้งที่บ้านเป็นที่ๆเราอยู่แล้วสบายใจและรู้สึกดี ยิ่งทำให้เราไม่รู้สึกเครียดกับกับอ่านหนังสือมากเกินไปอีกด้วย ข้อดีของการซิ่ว ค้นหาสิ่งที่ใช่สำหรับตัวเองจริงๆ ในการที่เราซิ่วออกมานั้น เพราะว่าคณะที่เราสอบเข้าไปได้ ไม่ใช่คณะที่เราชอบจริงๆหรือต่อให้คณะที่เราชอบจริงๆแต่เมื่อสอบเข้าไปแล้ว เรากลับไม่สามารถเรียนได้เลย ก็เป็นเหตุผลในการซิ่วได้ ซึ่งในระยะเวลาที่เตรียมตัวนั้น เราสามารถที่จะค้นหาตัวเองใหม่อีกครั้ง ศึกษาข้อมูลในคณะต่างๆอาชีพต่างๆว่าสิ่งใดที่เหมาะกับเราและเราสามารถเรียนได้ หรืออาชีพนั้นเป็นอาชีพที่จะอยู่กับเราไปอีกครึ่งค่อนชีวิตหรือไม่               การซิ่วไม่ใช่เป็นสิ่งที่ผิด แต่ขึ้นอยู่กับตัวเราเองต่างหากที่จะมองว่ามันคือสิ่งที่ดีหรือไม่ดีอย่างไร…

ทำความเข้าใจ ประโยนช์ของการทำกิจกรรม

ประโยนช์ของการทำกิจกรรม ระหว่างเรียน มีผลดีอย่างไร

การที่เราได้เข้ามาศึกษาในมหาวิทยาลัย หน้าที่หลักๆของเราก็คือการเรียนหนังสือ แต่สิ่งที่ตามมาไม่แพ้กันก็คือ กิจกรรมต่างๆ การเป็นน้องใหม่หรือเฟรชชี่ กิจกรรมจะมีเยอะมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการปฐมนิเทศ การรับน้อง การบำเพ็ญประโยชน์ ซึ่งในบางกิจกรรมก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จนทำให้ใครหลายๆคนรู้สึกเหนื่อยมากๆ เพราะต้องเรียนและทำกิจกรรมควบคู่กัน หากว่าเราบริหารเวลาไม่ดีพอ การทำกิจกรรมก็อาจจะกระทบกับการเรียน จนทำให้ผลการเรียนไม่ดีได้ จนผู้ปกครองหรือน้องๆหลายคนตั้งคำถามว่า ประโยนช์ของการทำกิจกรรม ระหว่างเรียน มีผลดีอย่างไร ? เราจึงมีคำตอบมาให้ผู้อ่านกัน ประโยนช์ของการทำกิจกรรมระหว่างเรียน การบริหารเวลา เมื่อเราต้องเรียนและทำกิจกรรมควบคู่กันไป เราจึงต้องบริหารเวลาให้เหมาะสม โดยการเรียงลำดับความสำคัญ และวัน เวลาที่จะต้องทำล่วงหน้า ซึ่งการบริหารเวลาจะทำให้เราทำทั้งสองอย่างได้เป็นอย่างดี สร้างความเป็นผู้นำ ในบางสถานการณ์ เราต้องแสดงถึงบทบาทและหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย หรือหากเป็นในค่ายอาสา การเป็นผู้นำในผู้อื่นในค่ายมักจะทำให้เรามีประสบการณ์ที่ดี กล้าแสดงออก การทำกิจกรรมทำให้เราได้กล้าคิด กล้าทำและกล้าที่จะแสดงความคิดเห็นต่างๆให้ผู้อื่นเห็น การเสียสละเพื่อส่วนรวม บางครั้งการทำกิจกรรมทำให้ไม่มีเวลาในการพักผ่อนเหมือนเพื่อนคนอื่น เวลาในการทบทวนเนื้อหาที่เรียนน้อยกว่าผู้อื่น การสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น นี้คือ ประโยนช์ของการทำกิจกรรม ที่ทำให้เราได้พบปะกับผู้คนมากหน้าหลายตา ทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก ทำให้เราได้มีทักษะในการเข้าสังคม การทำความรู้จักกับผู้อื่น การสร้างมิตรไมตรีที่ดี การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การทำงานทุกอย่างมักจะมีปัญหาเกิดขึ้น…