Month: October 2020

สิ่งที่ควรแก้ไข หลังเหตุการณ์ ครูทำร้ายเด็ก (ฝั่งผู้บริหารสถานศึกษา)

          เหตุการณ์ ครูทำร้ายเด็ก นับได้ว่าข่าวที่สะเทือนใจผู้ที่เป็นพ่อแม่เมื่อได้พบภาพหลักฐาน ซึ่งตอนนี้ทางสถานศึกษาต้นเรื่องกำลังเผชิญมรสุมอย่างหนัก ในด้านภาพลักษณ์ของโรงเรียน จนผู้ปกครองบางส่วนแสดงความจำนงของย้ายโรงเรียน นี่จึงไม่ใช่บทเรียนของสถานศึกษาต้นเรื่องเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงสถานศึกษาเอกชน ที่ต้องกำชับมาตรการดูแลและให้ความสำคัญกับเด็ก เพื่อความสบายใจของผู้ปกครอง ดังต่อไปนี้ ครูทำร้ายเด็กเหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าคัดกรองบุคลากรดี           สิ่งสำคัญที่สุดผู้บริหารสถานศึกษาควรคัดกรองบุคลากรครูที่จะเข้ามาทำหน้าที่ ซึ่งนอกจากคุณสมบัติแล้ว จะต้องเพิ่มความละเอียดถึงภูมิหลังของผู้สมัคร สำรวจอุปนิสัยใจคอและความทัศนคติ ซึ่งมีผลกับการทำงานนี้อย่างมาก โดยอาจใช้การทดลองงานเป็นตัวทดสอบสำคัญ ขณะที่การรับบุคลากรครูชาวต่างชาติ ควรใช้บริการบริษัทนำเข้าที่มีคุณภาพ            สิ่งสำคัญประการต่อมา คือ การสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ปกครอง โดยต้องกล่าวก่อนว่าปัญหา ครูทำร้ายเด็ก นั้นมีมานานแล้ว เพียงแต่ในอดีตไม่มีกล้องวงจรปิดเหมือนเช่นปัจจุบัน ฉะนั้นหากผู้บริหารสถานศึกษาสามารถให้ผู้ปกครองเข้าถึงการชมภาพวงจรปิดได้ในขณะที่บุตรหลานอยู่โรงเรียน ซึ่งจะช่วยสร้างความสบายใจแก่ทั้งสองฝ่ายได้ระดับหนึ่ง           สิ่งสำคัญหลังเหตุการณ์ ครูทำร้ายเด็ก ประการสุดท้าย คือ การร่วมมือระหว่าง ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน และผู้ปกครอง โดยเฉพาะเมื่อใดก็ตามที่ผู้ปกครองรับรู้ร่วมกันเป็นส่วนใหญ่ว่า ครูผู้สอนในห้องนั้นไม่ปลอดภัยกับเด็ก สามารถที่จะแสดงความจำนงต่อผู้บริหารให้เข้ามาจัดการแก้ปัญหา เพราะจากกรณีที่เกิดขึ้นนี้สถานศึกษาแสดงความรับผิดชอบเพียงการไล่ครูต้นเรื่องพร้อมกับครูร่วมห้องอีก 3 คน ออกจากงานเท่านั้น ส่วนท่าทีของความรับผิดชอบยังถูกบ่ายเบี่ยง ซึ่งตรงจุดนี้หากไม่มีความร่วมมือจากผู้บริหารสถานศึกษา ย่อมสร้างผลเสียต่อสถานศึกษาเอง…

ผู้ปกครองเรียกร้อง ให้ติดกล้องวงจรปิดทั่ว โรงเรียนในเครือสารสาสน์ ทั้ง 49 แห่ง!

ผู้ปกครองเรียกร้อง ให้ติดกล้องวงจรปิด โรงเรียนในเครือสารสาสน์ ทั้ง 49 แห่ง!

               จากข่าวที่คุณครูอนุบาลโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ทำร้ายร่างกายเด็กอนุบาลด้วยการทุบตี ทั้งยังห้ามเข้าห้องน้ำ และให้เวลาในการรับประทานอาหารเพียงสิบนาที ทำให้ผู้ปกครองต่างลุกฮือและไม่ยอมอยู่เฉยเพราะการกระทำดังกล่าวถือเป็นเรื่องร้ายแรงและไม่ควรเกิดขึ้นกับเด็ก คุณครูที่ทำร้ายเด็กจึงต้องถูกลงโทษตามภาพในกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพการทำร้ายเด็กเอาไว้อย่างชัดเจน ล่าสุด ผู้ปกครองเรียกร้อง ให้ติดกล้องวงจรปิดทั่ว โรงเรียนในเครือสารสาสน์ ทั้ง 49 แห่ง! ขอให้ติดกล้องวงจรปิดของโรงเรียนในเครือสารสาสน์                ล่าสุด ผู้ปกครองเรียกร้อง ให้ติดกล้องวงจรปิดทั่ว โรงเรียนในเครือสารสาสน์ ทั้ง 49 แห่ง! นอกจากโรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ราชพฤกษ์ที่พบการทำร้ายเด็กนักเรียนหลายรายจากคุณครูหลายคนทั้งครูคนไทยและครูชาวฟิลิปปินส์แล้ว ผู้ปกครองของเด็กนักเรียนโรงเรียนในเครือสารสาสน์เช่นกัน คือ โรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ร่มเกล้าได้รวบรวมรายชื่อของผู้ปกครองในโรงเรียนกว่าสี่ร้อยรายชื่อเพื่อเข้าไปร้องขอกับทางโรงเรียนว่าช่วยให้ติดกล้องวงจรปิดในโรงเรียน เพื่อความปลอดภัยของลูก เพราะลูกของตนได้ถูกคุณครูตีด้วยไม้บรรทัดฟุตเหล็กจนมีบาดแผลตามตัวกว่าสิบห้าแห่ง ขณะนี้กำลังดำเนินคดี ซึ่งคดียืดเยื้อมาเป็นปีแล้วก็ยังไม่จบเนื่องจากทางโรงเรียนไม่มีมาตรการการติดกล้องวงปิดเอาไว ทำให้ทางผู้ปกครองดังกลางฟ้องศาลด้วยเพียงรูปถ่ายที่ถ่ายจากมือถือของตนเท่านั้น ไม่มีภาพเหตุการณ์ขณะที่คุณครูทำร้ายร่างกายนักเรียน ซึ่งไม่รู้ว่าลูกของคนอื่นก็โดนเช่นเดียวกันอีกหรือไม่เพราะเด็กวัยอนุบาล-ประถมยังเด็กมากจนสามารถบอกผู้ปกครองเมื่อถูกคุณครูทำร้ายร่างกายได้ หรืออาจถูกครูข่มขู่ไม่ให้บอกผู้ปกครองก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน โดยผู้ปกครองท่านนี้ขอร้องให้ติดกล้องวงจรปิดในทุกโรงเรียนของเครือสารสาสน์เพื่อความปลอดภัยของลูกตัวเองและลูกของคนอื่น ๆ ที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน                นอกจากผู้ปกครองเรียกร้องให้ ติดกล้องวงจรปิดทั่ว โรงเรียนในเครือสารสาสน์ ทั้ง 49 แห่งแล้ว ยังมีข้อเรียกร้องอีกอย่างหนึ่งคือขอให้มีการตรวจใบประกอบวิชาชีพของครูที่เข้ามาเป็นครูในโรงเรียนด้วยทุกคนอย่างไม่มีเว้น เพราะนี่อาจเป็นต้นเหตุของความรุนแรงที่เกิดขึ้นทั้งหมด เป็นคนร้ายที่อยู่ในร่างของครูก็เป็นได้ แล้วจะให้พ่อแม่ผู้ปกครองทั้งหลายสบายใจและปล่อยมาเรียนที่โรงเรียนแบบนี้ได้อีกอย่างไร หากยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจนแสดงถึงความปลอดภัยของเด็กเล็กที่ฝากให้คุณครูช่วยดูแล ทั้งนี้ที่ผู้ปกครองส่วนใหญ่ส่งลูกมาเรียนที่โรงเรียนเอกชนก็เพื่อที่จะให้อยู่ในสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดี…

โรงเรียนสารสาสน์ราชพฤกษ์

มาตรการเยียวยานักเรียน ที่ได้รับผลกระทบจากครูโหด โรงเรียนสารสาสน์ราชพฤกษ์

               จากข่าวที่ครูผู้ช่วยรวมถึงครูชาวฟิลิปปินส์ จากโรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ราชพฤกษ์ทำร้ายร่างกายเด็กอนุบาลหลายคนด้วยกัน พร้อมกับกล้องวงจรปิดจากทางโรงเรียนที่เป็นหลักฐานอย่างชัดเจนว่าคุณครูทำร้ายร่างกายเด็กจริง ทั้งการตบศีรษะ การตีหลัง รวมไปถึงการกระทำอื่น ๆ อีกมากมายเช่น ไม่อนุญาตให้เด็กเข้าห้องน้ำ และบังคับให้เด็กกินข้าวเพียงแค่สิบนาทีเท่านั้น จากการกระทำดังกล่าวจากตัวครูโหดคนนี้ทางโรงเรียนได้ออกมาเผย มาตรการเยียวยานักเรียน ที่ได้รับผลกระทบจากครูโหด โรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ราชพฤกษ์ เผยมาตรการเยียวยานักเรียนโรงเรียนสารสาสน์ราชพฤกษ์                เผย มาตรการเยียวยานักเรียน ที่ได้รับผลกระทบจากครูโหด โรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ราชพฤกษ์ โรงเรียนได้ออก 2 มาตรการมาเพื่อเยียวยาสำหรับเด็กที่ผู้ปกครองต้องการให้ออกจากโรงเรียนและเด็กที่ต้องการที่จะอยู่ต่อที่เดิม ทางโรงเรียนได้มีมาตรการชัดเจนที่จะคืนเงินค่าเทอมของนักเรียนในห้องทุกคนเป็นการชดเชยกับความผิดพลาดและความรุนแรงที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สำหรับผู้ปกครองที่ต้องการให้เด็กย้ายไปที่โรงเรียนอื่น โรงเรียนจะช่วยเหลือในการทำเรื่องส่งเอกสาร ทั้งยังมีมาตรการจ่ายค่าทำขวัญให้เด็กอีกด้วย นักเรียนที่ได้รับผลกระทบทางด้านจิตใจและร่างกายทางโรงเรียนยินดีรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ทั้งหมด ส่วนผู้ปกครองที่มีความประสงค์ให้เด็กอยู่ตอทางโรงเรียนยินดีที่จะช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายทางการแพทย์เช่นกัน พร้อมกับให้มีนักจิตวิทยาเด็กดูแลเด็กที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้น                ทั้งยังมีมาตรการในการติดกล้องวงจรปิดที่ผู้ปกครองสามารถดูแบบออนไลน์ได้ หรือผู้ปกครองท่านใดที่ต้องการเข้ามาเช็คเรื่องสุขอนามัยหรือการเรียนการสินด้วยตัวเองก็สามารถทำได้ด้วยเช่นกันโดยการเข้ามาที่โรงเรียนต้องไม่รบกวนการเรียนการสอนของนักเรียน หน้าห้องทุกห้องจะมีการติดใบประกอบอาชีพครูของครูทุกคนพร้อมภาพถ่ายและลงบนเว็บไซต์ของโรงเรียนให้สามารถตรวจสอบได้ นอกจากนี้เรื่องโภชนาการของเด็กจะได้รับการดูแลและแจ้งผู้ปกครองเกี่ยวกับอาหารในแต่ละวัน รวมถึงเพิ่มเวลาในการรับประทานอาหารกลางวันจากครึ่งชั่วโมงเป็น 40 นาที ทางด้านคุณครูที่โรงเรียนนั้นจะมีการอบรมคัดกรองด้านสุขภาพจิตของครูทั้งชาวไทยและต่างชาติทุกคน ระบบรับส่งของโรงเรียนจะมีการติดกล้องไว้ในห้องผู้โดยสารเพื่อให้สามารถตรวจสอบความปลอดภัยของเด็กทุกคนได้ การประชุมผู้ปกครองจะถูกจัดในทุกปีการศึกษาเพื่อให้ครูกับผู้ปกครองได้สื่อสารกันมากขึ้น (ด้วยสถานการณ์โควิดทำให้ผู้ปกครองกับคุณครูติดต่อกันน้อยลง และผู้ปกครองก็ไม่ได้มีโอกาสได้เข้าไปดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงเรียนเหมือนแต่ก่อน)                จาก มาตรการเยียวยานักเรียน ที่ได้รับผลกระทบจากครูโหด โรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ราชพฤกษ์ ทำให้โรงเรียนอื่น ๆ เริ่มตื่นตัวกับมาตรการในความปลอดภัยของเด็กนักเรียนมากขึ้น ติดตามบทความ การศีกษา ข่าวการศึกษา เคล็ดลับการสอบ เคล็ดลับการอ่านหนังสือ ได้ที่นี้

กลุ่มผู้ปกครองของโรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์บางบอนก็ได้รวบรวมรายชื่อของผู้ปกครองกว่า 150 รายชื่อ พร้อมเดินทางมาที่โรงเรียนเพื่อยื่น 3 ข้อเรียกร้องจากผู้ปกครอง เด็กที่โดนทำร้าย ถึงผู้บริหารโรงเรียนสารสาสน์

3 ข้อเรียกร้องจากผู้ปกครอง เด็กที่โดนทำร้าย ถึงผู้บริหารโรงเรียนสารสาสน์

              เมื่อเกิดข่าวที่มีครูทำร้ายนักเรียนอนุบาลในเครือสารสาสน์ได้ไม่นานกลุ่มผู้ปกครองจากโรงเรียนต่าง ๆ ในเครือสารสาสน์ก็เริ่มตื่นตัวถึงความไม่ปลอดภัยของบุตรหลานตัวเองที่ส่งให้มาอยู่ที่โรงเรียนแพง ๆ นอกจากโรงเรียนวิเทศน์ราชพฤกษ์ที่เกิดข่าวไปแล้ว ผู้ปกครองของโรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ร่มเกล้า และล่าสุดกลุ่มผู้ปกครองของโรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์บางบอนก็ได้รวบรวมรายชื่อของผู้ปกครองกว่า 150 รายชื่อ พร้อมเดินทางมาที่โรงเรียนเพื่อยื่น 3 ข้อเรียกร้องจากผู้ปกครอง เด็กที่โดนทำร้าย ถึงผู้บริหารโรงเรียนสารสาสน์ รวม 3 ข้อเรียกร้องจากผู้ปกครองถึงผู้บริหารโรงเรียนสารสาสน์               รวม 3 ข้อเรียกร้องจากผู้ปกครอง เด็กที่โดนทำร้าย ถึงผู้บริหารโรงเรียนสารสาสน์ ข้อแรกคือขอให้มีการติดกล้องวงจรปิดทั่วทุกห้องและทุกระดับชั้นในโรงเรียน เพื่อให้ผู้ปกครองสามารถเช็คได้เมื่อเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงหรือเหตุการณ์อื่น ๆ เกี่ยวกับลูกของตนเอง ข้อสองคืออยากให้โรงเรียนมีการตรวจเช็คและอบรมครูเกี่ยวกับการดูแลเด็ก ซึ่งทางตัวผู้ปกครองไม่ทราบว่าทางโรงเรียนมีมาตรการนี้อยู่แล้วหรือไม่แต่ก็อยากให้มีเพื่อให้ครูที่สอนและดูแลลูกของตนมีคุณภาพไม่ทำร้ายเด็กทั้งทางวาจาหรือร่างกาย ข้อสุดท้ายคือทางผู้ปกครองอยากให้มีนักจิตวิทยาเด็กประจำโรงเรียน เพื่อให้ลูกได้ปรึกษาหรือเพื่อให้คำแนะนำกับคุณครูในการดูแลเด็กเล็ก เพื่อให้เด็กและครูมีสภาพจิตที่ดี ทั้งสามข้อเรียกร้องดูจะเป็นข้อเรียกร้องที่ไม่มากเกินไปเพราะเป็นสิ่งที่ทางโรงเรียนควรมีอยู่แล้วเพื่อความปลอดภัยของเด็ก รวมถึงคุณภาพของเด็กนักเรียนหลังจากเรียนจบจากที่โรงเรียน               จาก 3 ข้อเรียกร้องจากผู้ปกครอง เด็กที่โดนทำร้าย ถึงผู้บริหารโรงเรียนสารสาสน์ เนื่องจากข้อเรียกร้องนี้เพิ่งยิงกับทางโรงเรียนได้ไม่นานก็ต้องดูกันต่อไปว่าทางโรงเรียนในเครือสารสาสน์ทั้งหมดจะมีมาตรการใดออกมารองรับเพื่อป้องกันปัญหาความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้อีกหากคุณครูไม่มีคุณภาพ และการตรวจตราของทางโรงเรียนไม่แน่นพอ เหล่าผู้ปกครองยังย้ำอีกด้วยว่าเด็กไม่ใช่ที่ระบายความรุนแรงของใคร ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรก็ไม่ควรเอามาลงกับเด็กที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ผู้ปกครองของเด็กแต่ละคนก็คอยเลี้ยงดูลูกให้ดีที่สุด บางคนยังไม่เคยตีลูกของตัวเองเลยด้วยซ้ำกลับต้องมาเจอความรุนแรงที่โรงเรียนแทน เด็กเล็กที่ไม่สามารถเรียกร้องสิทธิของตัวเองได้เพราะไม่รู้ความแต่ความทรงจำที่ถูกครูทำร้ายจะเป็นบาดแผลภายในใจตลอดไปได้ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและสำคัญต่อพัฒนาการทางด้านบุคลิกและความสนใจในการเรียนของเด็กอย่างมากจึงควรใส่ใจดูแลเป็นพิเศษ ติดตามบทความ การศีกษาไทย เคล็ดลับการสอบ เคล็ดลับการอ่านหนังสือ ข่าวการศึกษา ได้ที่นี้ ข่าวเด่น คุรุสภาเอาจริง…

ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา การศึกษาที่ไม่เท่าเทียมกันของไทย ในปัจจุบัน

ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา การศึกษาที่ไม่เท่าเทียมกันของไทย ในปัจจุบัน

               เด็กๆทุกคนจะต้องได้รับการศึกษาที่เท่าเทียมกัน แต่ในปัจจุบันนั้นเรามักจะเห็นถึง ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ความแตกต่างระหว่างโรงเรียนนอกเมืองและโรงเรียนในเมืองอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นปัญหาที่ใหญ่ในประเทศก็ว่าได้ การศึกษาในประเทศไทยนั้นมีข้อกำหนดหรือกฎหมายให้ศึกษาในขั้นพื้นฐานคือระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 แต่ในปัจจุบันเด็กจำนวนมากที่ไม่ได้เข้าถึงการศึกษาเลยแม้แต่น้อย สาเหตุจากหลายประการ เช่น ฐานะทางบ้าน ค่าใช้จ่ายไม่เพียงพอ ขาดโอกาสในการศึกษา อยู่ไกลจากพื้นที่การศึกษา เป็นต้น ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในปัจจุบันของประเทศไทย                ในประเทศที่พัฒนาแล้วการศึกษาในทุกพื้นที่จะมีความเท่าเทียมกัน โดยในขั้นพื้นฐานนั้น จะมีประสิทธิภาพและคุณภาพของการศึกษา แต่ถ้าหากต้องการสิ่งที่อำนวยความสะดวกที่มากกว่าก็อาจจะอยู่ในส่วนของโรงเรียนสังกัดเอกชน แต่โดยพื้นฐานแล้วการศึกษานั้น จะต้องมีคุณภาพและประสิทธิภาพมากพอที่จะทำให้เด็กๆมีความรู้ ความสามารถและสามารถนำความรู้ ความสามารถเหล่านั้นไปใช้ชีวิตในอนาคตได้ดี ซึ่งแตกต่างอย่างมากกับในประเทศไทย ที่ในแต่ละพื้นที่ แต่ละโรงเรียนจะเห็นได้ว่ามี ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา มีการเรียนการสอนที่ไม่เท่าเทียมกัน เช่น หนังสือเรียน อุปกรณ์การเรียน คอมพิวเตอร์ สื่อการเรียนต่างๆ เป็นต้น บางโรงเรียนมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพียงพอต่อจำนวนนักเรียนทุกคน ทำให้เด็กๆสามารถเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่และสามารถเข้าใจในสิ่งต่างๆได้โดยไม่จำกัด แต่ในบางโรงเรียนสิ่งอำนวยความสะดวกบางประการไม่เพียงพอหรือบางครั้งอาจจะไม่มีเลยก็ว่าได้ ซึ่งทำให้เด็กๆไม่สามารถเรียนรู้ได้ เช่น คอมพิวเตอร์ ในปัจจุบันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะโลกได้เปลี่ยนแปลงไปในทางเทคโนโลยีมากขึ้น โรงเรียนในเมืองอาจจะมีจำนวนของคอมพิวเตอร์ที่เพียงพอต่อจำนวนนักเรียนทุกคน แต่ในโรงเรียนนอกเมืองนั้น ไม่เพียงพอเลย บางครั้งคอมพิวเตอร์จำนวน 1…

Application MEB แหล่งรวมหนังสือ แบบออนไลน์ สะดวกและง่ายในการอ่าน

Application MEB แหล่งรวมหนังสือ แบบออนไลน์ สะดวกและง่ายในการอ่าน

สำหรับในช่วงนี้ก็คงเป็นช่วงที่นักอ่านและนักเขียนหลาย ๆ คนเดินทางออกไปซื้อหนังสือที่งานสัปดาห์หนังสือในกรุงเทพฯ เพื่อที่เราจะได้มีหนังสือที่เราอยากอ่านมาไว้อ่านในครอบครองของเราเอง แต่มันก็คงเป็นปัญหากับใครหลาย ๆ คนที่อยู่ต่างจังหวัด การที่จะเข้าไปในกรุงเทพฯถือเป็นเรื่องที่ลำบากและใช้ค่าใช้จ่ายเยอะ จึงทำให้อาจจะพลาดงานดี ๆ งานนี้ไปได้ แต่ผู้เขียนอยากบอกกับผู้อ่านว่าไม่ต้องเสียใจไปเรายังมี Application ที่จะทำให้เราได้อ่านหนังสือออนไลน์ได้อย่าง Application MEB Application MEB แหล่งรวมหนังสือที่มากมาย           Application MEB แหล่งรวมหนังสือในหมวดหมู่ต่าง ๆ ไว้มากมายไม่ว่าจะเป็นข่าวสาร เทคโนโลยี ความรู้ การเงินการลงทุน การพัฒนาตัวเอง และอื่นๆอีกมากมาย ให้เพื่อนๆได้เลือกหนังสืออ่านการซึ่งมันก็มีทั้งหนังสือที่ให้อ่านฟรี และหนังสือซื้ออ่าน ซึ่งมันก็เป็นข้อดีสำหรับคนที่ไม่มีเวลาออกจากบ้านไปซื้อหนังสือมาอ่านการที่เรามี Application ร้านหนังสือออนไลน์ก็จะทำให้เรานั้นอ่านหนังสือที่ไหนก็ได้ นอกจากหนังสืออ่านแล้วMEBยังรวบรวมหนังสือเสียงให้เพื่อน ๆ ได้โหลดมาเปิดฟังการในยามที่ไม่มีเวลาว่างในการมาอ่านหนังสืออีกด้วย นับว่าเป็นความสะดวกสบายของคนที่รักการอ่านเลยล่ะครับ           ในช่วงนี้เป็นช่วงสัปดาห์หนังสือและในMEBก็ได้จัดโปรโมชั่นลดราคาหนังสือเอาใจคนที่รักการอ่านเป็นชีวิตจิตใจเป็นจำนวนมากในทุกหมวดหมู่ ไม่ว่าจะเป็นนิยายรัก การเงิน การพัฒนาตัวเอง เป็นต้น เพื่อที่จะให้นักอ่านทุก ๆ คนได้ซื้อหนังสือกันอย่างจุใจ ซึ่งการลดราคาของแต่ละหมวดหมู่ของหนังสือและหนังสือแต่ละเล่มก็จะมีการลดราคาที่ไม่เท่ากัน อย่างไรก็ตามมันก็ถือว่าถูกกว่าที่เราจะไปซื้อในช่วงที่ไม่ได้ลดราคา…

การศึกษาของ ชาวไทใหญ่

เหตุผลที่ทำไม? ชาวไทใหญ่ ถึงไม่ค่อยเรียนหนังสือ

          การศึกษานับเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกประเทศล้วนแต่ให้ความสำคัญ อีกทั้งในหมู่ผู้ปกครองก็ต่างมุ่งหวังส่งบุตรหลานของตนเข้าเรียนในสถานศึกษาที่มีคุณภาพ แต่ขณะเดียวกัน ชาวไทใหญ่ ที่อาศัยอยู่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมาร์ (อาณาเขตตั้งแต่บริเวณภาคเหนือของไทย ถึงตอนใต้ของจีน ) กลุ่มผู้ปกครองกลับมีค่านิยมไม่ส่งเสริมให้บุตรหลานเรียนในระดับที่สูงนัก  การศึกษาของชาวไทใหญ่           โดยการอื่นต้องย้อนไปก่อนว่าประเทศเมียนมาร์หลังการรัฐประหาร 1962 รัฐบาลมีนโยบายสร้างชาติด้วยอัตลักษณ์ความเป็นเมียนมาร์ ทำให้สถานศึกษาทุกแห่งต้องเรียนภาษาพม่า ประวัติศาสตร์ชาตินิยมพม่า ขณะที่ชีวิตประจำวันชาวไทใหญ่ พูดภาษาไต มีประวัติศาสตร์ของตัวเอง มีสถาบันศูนย์รวมจิตใจอย่างเจ้าฟ้า ส่วน ชาวไทใหญ่ คือ ชาวล้านนาเดิม แต่เมื่อมีการขีดเส้นแบ่งแดนระหว่างไทย เมียนมาร์ และอังกฤษ  พวกเขาถูกขีดให้อยู่ใต้อธิปไตยของเมียนมาร์            ขณะที่ ชาวไทใหญ่ มองว่าตัวเองไม่ใช่เมียนมาร์ ซึ่งการต้องเข้าเรียนในสถานศึกษาของรัฐ  เสมือนเข้าไปอยู่ในโลกอีกกใบ เพราะพวกเขาต้องศึกษาเล่าเรียนในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนของเขา ส่งผลให้ผู้ปกครองชาวไทใหญ่จำนวนมาก ไม่นิยมส่งบุตรหลานเข้าเรียน หรือหากส่งเรียนก็เพื่อให้มีความรู้อ่านออก เขียนได้ เท่านั้น โดยทางเลือกสำหรับเด็กผู้ชายในการศึกษาหาความรู้ของชาวไทใหญ่ คือการส่งลูกหลานไปบวชเรียนและเป็นพระ ซึ่งส่วนมากเมื่อเติบใหญ่จนมีวุฒิภาวะ ก็จะสึกออกมาช่วยพ่อแม่ทำไร่นา หรือหากคิดถึงความก้าวหน้าก็จะข้ามไปทำงานในฝั่งไทยเมื่อมีเงินก้อนถึงจะกลับ ส่วนผู้หญิงทางเลือกค่อนข้างแคบกว่าผู้ชาย เพราะการบวชเรียนไม่เป็นที่นิยมนัก ฉะนั้นหากมีฐานะก็เลือกที่จะส่งบุตรหลานมาเรียนในสถาศึกษาทางภาคเหนือฝั่งไทยมากกว่า…

อัพเดท ค่าตอบแทนวิชาชีพหมอ เพื่อเป็นข้อมูล สำหรับเด็กจบใหม่

ต่อให้ยุคสมัยจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรมากเพียงไร การทำงานสายอาชีพในกลุ่มการแพทย์ก็ยังได้รับความนิยมอยู่เสมอ ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะ ค่าตอบแทนวิชาชีพหมอ นั้นค่อนข้างสูง ทำให้คนเป็นพ่อแม่ผู้ปกครองต่างใฝ่ฝันว่าลูกจะสามารถสอบติดและเรียนในคณะแพทย์ศาสตร์หรือคณะอื่นที่เกี่ยวข้องได้ จริงอยู่ว่าการแข่งขันค่อนข้างสูง และต้องเป็นคนที่มีใจรักในด้านนี้เท่านั้น ถึงจะบากบั่นเล่าเรียนจนสำเร็จการศึกษาได้ในที่สุด แต่ทั้งหมดก็แลกมากับความมั่นคงในช่วงชีวิตการทำงานนั่นเอง ข้อมูลเกี่ยวกับค่าตอบแทนวิชาชีพหมอ                นอกจากในปัจจุบันความต้องการของตลาดที่ไม่ว่ายังไง ปริมาณของหมอก็ไม่เคยพอ มีงานรองรับเสมอทั้งภาครัฐและเอกชนแล้ว ค่าตอบแทนวิชาชีพหมอ ก็ยังสูงและคุ้มค่ากับองค์ความรู้ ถ้าเลือกไปทำงานกับโรงพยาบาลเอกชนก็ไม่ต้องพูดถึง ทั้งค่าแรงและค่าใช้จ่ายพิเศษต่างๆ ย่อมสูงมากอยู่แล้ว เราจึงจะมาดูในกลุ่มของโรงบาลรัฐบาลกันเป็นหลัก ว่าน้อยที่สุดที่เด็กจบสายหมอจะได้รับอยู่ที่ประมาณเท่าไรในตอนนี้                เฉพาะในส่วนของเงินเดือนตามกำหนดจะอยู่ที่ 18,000 บาท ซึ่งก็ดูไม่ได้มากมายอะไร แต่ว่า ค่าตอบแทนวิชาชีพหมอ ไม่ได้มีแค่นี้ ยังมีค่าตำแหน่ง ค่าหัตถการทางการแพทย์ เงินเวร เงินไม่ทำคลินิก และเงินยิบย่อยอื่นๆ อีกพอสมควร สามารถประมาณเป็นก้อนกลมๆ ได้เท่ากับ 55,000 บาท แลกกับการทำงาน 370 ชั่วโมงต่อเดือน อย่างไรก็ตามเงินพิเศษในแต่ละโรงพยาบาลก็ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับพื้นที่ว่ามีความเสี่ยงหรือทุรกันดารมากน้อยแค่ไหน                พอได้เห็น ค่าตอบแทนวิชาชีพหมอ เป็นตัวเลขกันแล้ว คนที่มีใจอยากเรียนสายนี้เป็นทุนเดิมก็คงพอมีกำลังใจมากขึ้น…

รูมเมท ผู้ที่เข้าทำให้เราไม่เงียบเหงา หรือโดดเดี่ยวอีกต่อไป

“รูมเมท” ผู้ร่วมห้อง ที่เข้ามาทำให้เราไม่เงียบเหงา หรือโดดเดี่ยวอีกต่อไป

นอกจากการอยู่บ้าน แล้วอีกสถานที่หนึ่งที่นักเรียนหรือนักศึกษามักจะเลือกอาศัยก็คือ “หอพัก” ซึ่งหอพักก็จะมีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นอพาร์ทเม้นท์ แมนชั่น หอพักนักเรียนหรือนักศึกษา หรือห้องเช่าต่างๆ โดยในหอพักบางแห่งนั้น ก็สามารถที่จะเช่าอยู่คนเดียวได้ แต่ในบางครั้งก็ต้องแชร์พื้นที่ห้องกับผู้อื่น ซึ่งผู้ที่มาแชร์ห้องร่วมกับเรา นั่นคือ รูมเมท รูมเมทผู้ที่ต้องมาอยู่ห้องพักในหอพักเดียวกับเรา แต่โดยส่วนใหญ่หอพักในมหาวิทยาลัย มักจะมีการสุ่ม รูมเมท ในแต่ละห้อง ซึ่งการสุ่มรูมเมท ทำให้เราไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าใครจะมาเป็นผู้ที่ร่วมแชร์พื้นที่ให้ห้องของเรากัน ในสังคมมหาวิทยาลัยเป็นสังคมที่ขนาดใหญ่ ทำให้การได้รูมเมทจึงมีความหลากหลายของนักศึกษาเป็นอย่างมาก เราอาจจะได้รูมเมทต่างชั้นปี ต่างคณะที่เรียน หรือคณะเดียวกันแต่คนละสาขาก็เป็นได้ แต่สิ่งที่เป็นไปไมได้เลยในหารอยู่หอพักในมหาวิทยาลัยคือ การอยู่หอพักรวมชาย-หญิง โดยทางมหาวิทยาลัย จะไม่มีหอพักที่สามารถอยู่ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง เพราะเนื่องด้วยความเหมาะสม ความปลอดภัย และเป็นการตัดปัญหาต่างๆที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นเหตุเลย ถ้าหากถามว่าเป็นหอพักข้างนอกโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย เช่น แมนชั่น อพาร์ทเม้นท์ หรือห้องเช่าต่างๆ เราจะมีรูมเมทได้อย่าง? คำตอบก็คือ รูมเมท จากการที่เราได้ตกลงกันไว้ว่าจะอยู่ด้วยกัน เช่น เพื่อนสนิท เพื่อนในสาขาหรือคณะที่เรียนด้วยกัน หรือเพื่อนจากโรงเรียนเก่า เป็นต้น รูมเมทไม่เพียงแต่จะเป็นคนที่เกิดจากการสุ่มเท่านั้น แต่คำว่ารูมเมทนั้น ยังหมายถึงเพื่อนหรือผู้ที่อยู่ร่วมบ้านหรือหอพักในห้องเดียวกันอีกด้วย…

แนะนำเทคนิคการจดโน้ตที่ดี

เทคนิคการจดโน้ต ที่ดีอยู่เสมอระหว่างเรียน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ

            ถึงแม้ว่าตอนนี้หลายสถานศึกษาจะปรับการเรียนเป็นแบบออนไลน์ แต่สุดท้ายเราก็ยังต้องพึ่งพา เทคนิคการจดโน้ต ที่ดีอยู่เสมอ เพราะเนื้อหาที่เรียนส่วนใหญ่ ไม่สามารถย้อนกลับมาดูซ้ำได้อีก และต่อให้ดูวนได้หลายรอบก็นับว่าเป็นการเสียเวลามากเกินไป สู้ตั้งใจเรียนทีเดียว แล้วโน๊ตประเด็นสำคัญไว้ทบทวนดีกว่า อย่าลืมนะว่าเราไม่ได้เรียนกันแค่วิชาเดียว ขืนมัวดูเนื้อหาวนอยู่ รับรองว่ายังไงก็ไม่ทัน ดังนั้นลองมาใช้วิธีการจดโน้ตที่ทรงประสิทธิภาพเหล่านี้กันดีกว่า แนะนำเทคนิคการจดโน้ตที่ดี อย่าจดทุกอย่างแต่ให้เลือกส่วนสำคัญเท่านั้น เทคนิคการจดโน้ต ที่ใช้ได้ดีในทุกรายวิชาก็คือ เลือกจดเฉพาะส่วนสำคัญ อย่างเช่น หัวข้อ แก่นของเนื้อหา ส่วนที่อาจารย์พูดย้ำบ่อยครั้ง เป็นต้น การมัวจดทุกรายละเอียดจะทำให้เราเสียสมาธิระหว่างเรียนไปมาก แล้วก็ไม่มีทางจดทันทั้งหมด จะดีกว่ามากถ้าจดส่วนหลักแล้วเพิ่มการอธิบายประกอบด้วยถ้อยคำของตัวเองเพียงเล็กน้อย จดแบบแผนผังโดยไม่ต้องสนใจเส้นบรรทัด เคยได้ยินใช่ไหมว่า สมุดที่ไม่มีเส้นจะช่วยเสริมสร้างจินตนาการได้ดีกว่า นี่เป็นอีกหนึ่ง เทคนิคการจดโน้ต ที่น่าสนใจ ความจริงแล้วจะใช้สมุดแบบไหนก็ไม่ว่ากัน แต่เวลาจด ลองเปลี่ยนการเขียนเป็นบรรทัดตามเส้นบนกระดาษ มาเป็นการลงหัวข้อใหญ่ไว้กลางหน้า แล้วลากโยงกับหัวข้อย่อยในลักษณะแตกแขนงออกไป แบบนี้จะช่วยให้จดจำได้ดีพร้อมกับเชื่อมโยงเนื้อหาส่วนต่างๆ ได้ยอดเยี่ยมมาก จดโน้ตโดยใช้สีสันเข้ามาช่วย ข้อดีของ เทคนิคการจดโน้ต โดยใช้สีที่หลากหลายก็คือ ช่วยกระตุ้นสมองให้จดจำได้ดีขึ้น และเวลาเปิดสมุดก็มีความสวยงาม เพิ่มความรู้สึกอยากอ่านมากขึ้น เคล็ดลับคือให้เลือกใช้สีที่สอดคล้องกับเนื้อหา เช่น เนื้อหาเกี่ยวกับพืชก็ใช้สีเขียว…