ครู

วิธีการเพิ่มศักยภาพแห่งการเรียนรู้ ด้วยเทคนิค Brain Based Learning

วิธีการเพิ่มศักยภาพแห่งการเรียนรู้ ด้วยเทคนิค Brain Based Learning

               พอพูดถึงเรื่องการศึกษาทีไร เด็กวัยเรียนส่วนใหญ่ก็มักจะรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมาทุกที ไม่ใช่ว่าเด็กๆ ไม่สนใจใฝ่รู้ หรือเป็นคนขี้เกียจสันหลังยาว ต่อให้เป็นเด็กหลังห้องที่ถูกมองข้าม ก็มักจะมีนิสัยรักการเรียนรู้อยู่ในตัว นี่เป็นสิ่งที่คนในวงการการศึกษารู้ดี จึงมีการพัฒนาเทคนิคที่ชื่อว่า Brain Based Learning ขึ้นมา โดยมีเป้าหมายในการเสริมสร้างบรรยากาศที่กระตุ้นให้อยากเรียนรู้ และช่วยให้สมองทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพมากที่สุดด้วย เทคนิค Brain Based Learning การเรียนรู้อย่างมีความสุข                จากผลการวิจัยเทคนิค Brain Based Learning พบว่าเด็กทั้งหมดมีพัฒนาการในการเรียนรู้สูงกว่าเดิมถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เรียนอยู่ในสภาวะที่มีความสุขอยู่เสมอ ไม่ตึงเครียด ไม่ซึมเศร้า ซึ่งถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีมากในการปรับเปลี่ยนรูปแบบและวิธีการที่ครูใช้สอนนักเรียน เพราะมันจะได้ประโยชน์กันทุกฝ่าย แล้วเชื่ออย่างยิ่งเลยว่า เด็กๆ จะอยากมาเรียนกันมากขึ้น ไม่ต้องบังคับขู่เข็ญอย่างเช่นทุกวันนี้                วิธีการใช้เทคนิค Brain Based Learning ในชีวิตประจำวัน อันที่จริงควรเป็นการร่วมมือกันระหว่างครูและนักเรียน แต่ถ้าทางโรงเรียนไม่ได้เห็นความสำคัญ ตัวนักเรียนเองก็ปรับใช้เทคนิคนี้เป็นการส่วนตัวได้ โดยมันจะมีอยู่ 4…

สัญญาณเตือน ที่บ่งบอกว่า ลูกถูกทำร้ายร่างกาย ที่โรงเรียน

สัญญาณเตือน ที่บ่งบอกว่า ลูกถูกทำร้ายร่างกาย ที่โรงเรียน

จากข่าวโด่งดังที่กระฉ่อนไปทั่วสารทิศ ในเรื่องของครูทำร้ายเด็ก ซึ่งจากเดิมมองว่าน่าจะเป็นปัญหาจากครูเพียง 1 คน แต่จากนั้นได้กลายเป็น 4 และลามไปยังห้องอื่นๆ ที่พบในกรณีคล้ายๆกัน วันนี้จึงจะมาแนะนำถึง สัญญาณเตือน ที่บ่งบอกว่า ลูกถูกทำร้ายร่างกาย ที่โรงเรียน ที่พ่อแม่ผู้ปกครองต้องหมั่นสังเกตและเป็นหูเป็นตาที่ดี สังเกต สัญญาณเตือน ลูกถูกทำร้ายร่างกาย 1.เด็กมีอาการไม่อยากไปโรงเรียน อาการลักษณะนี้สามารถเกิดได้หลายสาเหตุ เช่น เด็กอยากอยู่บ้าน เด็กไม่ชอบเข้าสังคม โดยในจุดนี้ผู้ปกครองควรประเมินด้วยว่าลูกของตนเองนั้นมีลักษณะอุปนิสัยอย่างไร แต่ถ้าหากตัดสาเหตุเหล่านี้ออกไป ผู้ปกครองต้องหมั่นสังเกตให้ดี เช่น จากเดิมเด็กชอบไปโรงเรียน แต่ทำไมพอเลื่อนระดับชั้นเรียนกลับไม่อยากไป หรือหากผู้ปกครองพาเด็กไปเรียนพิเศษ ไปทำกิจกรรมนอกเหนือที่เรียนในโรงเรียน แล้วเด็กแสดงอาการที่แตกต่างอยากสิ้นเชิง อาทิ ชอบไปเรียนพิเศษ มากกว่าไปโรงเรียน จุดนี้ผู้ปกครองควรหมั่นสังเกตอาการและเก็บไว้เป็นข้อมูล 2.เด็กมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป หากเมื่อใดก็ตามที่ผู้ปกครองสังเกตเห็น สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่า ลูกถูกทำร้ายร่างกาย จากพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป การพูดคุยเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญอย่างมาก แต่ในบางครั้งผู้ปกครองอาจละเลยไป การพูดคุยกับเด็กแน่นอนว่าการถามตรงๆ แล้วเอาคำตอบจากปากเด็กในครั้งเดียวอาจไม่สามารถบ่งชี้ได้ชัด เพราะพัฒนาการของเด็กยังไม่เทียบเท่ากับผู้ใหญ่ การพูดคุยให้เด็กเกิดความสบายใจและหาจังหวะวกกลับไปในสิ่งที่เราอยากรู้หลายๆครั้ง เช่น ไปโรงเรียนสนุกไหม คุณครูให้ทำอะไรอย่าง ซึ่งหากนานวันไปแล้ว…

สิ่งที่ควรแก้ไข หลังเหตุการณ์ ครูทำร้ายเด็ก (ฝั่งผู้บริหารสถานศึกษา)

          เหตุการณ์ ครูทำร้ายเด็ก นับได้ว่าข่าวที่สะเทือนใจผู้ที่เป็นพ่อแม่เมื่อได้พบภาพหลักฐาน ซึ่งตอนนี้ทางสถานศึกษาต้นเรื่องกำลังเผชิญมรสุมอย่างหนัก ในด้านภาพลักษณ์ของโรงเรียน จนผู้ปกครองบางส่วนแสดงความจำนงของย้ายโรงเรียน นี่จึงไม่ใช่บทเรียนของสถานศึกษาต้นเรื่องเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงสถานศึกษาเอกชน ที่ต้องกำชับมาตรการดูแลและให้ความสำคัญกับเด็ก เพื่อความสบายใจของผู้ปกครอง ดังต่อไปนี้ ครูทำร้ายเด็กเหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าคัดกรองบุคลากรดี           สิ่งสำคัญที่สุดผู้บริหารสถานศึกษาควรคัดกรองบุคลากรครูที่จะเข้ามาทำหน้าที่ ซึ่งนอกจากคุณสมบัติแล้ว จะต้องเพิ่มความละเอียดถึงภูมิหลังของผู้สมัคร สำรวจอุปนิสัยใจคอและความทัศนคติ ซึ่งมีผลกับการทำงานนี้อย่างมาก โดยอาจใช้การทดลองงานเป็นตัวทดสอบสำคัญ ขณะที่การรับบุคลากรครูชาวต่างชาติ ควรใช้บริการบริษัทนำเข้าที่มีคุณภาพ            สิ่งสำคัญประการต่อมา คือ การสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ปกครอง โดยต้องกล่าวก่อนว่าปัญหา ครูทำร้ายเด็ก นั้นมีมานานแล้ว เพียงแต่ในอดีตไม่มีกล้องวงจรปิดเหมือนเช่นปัจจุบัน ฉะนั้นหากผู้บริหารสถานศึกษาสามารถให้ผู้ปกครองเข้าถึงการชมภาพวงจรปิดได้ในขณะที่บุตรหลานอยู่โรงเรียน ซึ่งจะช่วยสร้างความสบายใจแก่ทั้งสองฝ่ายได้ระดับหนึ่ง           สิ่งสำคัญหลังเหตุการณ์ ครูทำร้ายเด็ก ประการสุดท้าย คือ การร่วมมือระหว่าง ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน และผู้ปกครอง โดยเฉพาะเมื่อใดก็ตามที่ผู้ปกครองรับรู้ร่วมกันเป็นส่วนใหญ่ว่า ครูผู้สอนในห้องนั้นไม่ปลอดภัยกับเด็ก สามารถที่จะแสดงความจำนงต่อผู้บริหารให้เข้ามาจัดการแก้ปัญหา เพราะจากกรณีที่เกิดขึ้นนี้สถานศึกษาแสดงความรับผิดชอบเพียงการไล่ครูต้นเรื่องพร้อมกับครูร่วมห้องอีก 3 คน ออกจากงานเท่านั้น ส่วนท่าทีของความรับผิดชอบยังถูกบ่ายเบี่ยง ซึ่งตรงจุดนี้หากไม่มีความร่วมมือจากผู้บริหารสถานศึกษา ย่อมสร้างผลเสียต่อสถานศึกษาเอง…

โรงเรียนสารสาสน์ราชพฤกษ์

มาตรการเยียวยานักเรียน ที่ได้รับผลกระทบจากครูโหด โรงเรียนสารสาสน์ราชพฤกษ์

               จากข่าวที่ครูผู้ช่วยรวมถึงครูชาวฟิลิปปินส์ จากโรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ราชพฤกษ์ทำร้ายร่างกายเด็กอนุบาลหลายคนด้วยกัน พร้อมกับกล้องวงจรปิดจากทางโรงเรียนที่เป็นหลักฐานอย่างชัดเจนว่าคุณครูทำร้ายร่างกายเด็กจริง ทั้งการตบศีรษะ การตีหลัง รวมไปถึงการกระทำอื่น ๆ อีกมากมายเช่น ไม่อนุญาตให้เด็กเข้าห้องน้ำ และบังคับให้เด็กกินข้าวเพียงแค่สิบนาทีเท่านั้น จากการกระทำดังกล่าวจากตัวครูโหดคนนี้ทางโรงเรียนได้ออกมาเผย มาตรการเยียวยานักเรียน ที่ได้รับผลกระทบจากครูโหด โรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ราชพฤกษ์ เผยมาตรการเยียวยานักเรียนโรงเรียนสารสาสน์ราชพฤกษ์                เผย มาตรการเยียวยานักเรียน ที่ได้รับผลกระทบจากครูโหด โรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ราชพฤกษ์ โรงเรียนได้ออก 2 มาตรการมาเพื่อเยียวยาสำหรับเด็กที่ผู้ปกครองต้องการให้ออกจากโรงเรียนและเด็กที่ต้องการที่จะอยู่ต่อที่เดิม ทางโรงเรียนได้มีมาตรการชัดเจนที่จะคืนเงินค่าเทอมของนักเรียนในห้องทุกคนเป็นการชดเชยกับความผิดพลาดและความรุนแรงที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สำหรับผู้ปกครองที่ต้องการให้เด็กย้ายไปที่โรงเรียนอื่น โรงเรียนจะช่วยเหลือในการทำเรื่องส่งเอกสาร ทั้งยังมีมาตรการจ่ายค่าทำขวัญให้เด็กอีกด้วย นักเรียนที่ได้รับผลกระทบทางด้านจิตใจและร่างกายทางโรงเรียนยินดีรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ทั้งหมด ส่วนผู้ปกครองที่มีความประสงค์ให้เด็กอยู่ตอทางโรงเรียนยินดีที่จะช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายทางการแพทย์เช่นกัน พร้อมกับให้มีนักจิตวิทยาเด็กดูแลเด็กที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้น                ทั้งยังมีมาตรการในการติดกล้องวงจรปิดที่ผู้ปกครองสามารถดูแบบออนไลน์ได้ หรือผู้ปกครองท่านใดที่ต้องการเข้ามาเช็คเรื่องสุขอนามัยหรือการเรียนการสินด้วยตัวเองก็สามารถทำได้ด้วยเช่นกันโดยการเข้ามาที่โรงเรียนต้องไม่รบกวนการเรียนการสอนของนักเรียน หน้าห้องทุกห้องจะมีการติดใบประกอบอาชีพครูของครูทุกคนพร้อมภาพถ่ายและลงบนเว็บไซต์ของโรงเรียนให้สามารถตรวจสอบได้ นอกจากนี้เรื่องโภชนาการของเด็กจะได้รับการดูแลและแจ้งผู้ปกครองเกี่ยวกับอาหารในแต่ละวัน รวมถึงเพิ่มเวลาในการรับประทานอาหารกลางวันจากครึ่งชั่วโมงเป็น 40 นาที ทางด้านคุณครูที่โรงเรียนนั้นจะมีการอบรมคัดกรองด้านสุขภาพจิตของครูทั้งชาวไทยและต่างชาติทุกคน ระบบรับส่งของโรงเรียนจะมีการติดกล้องไว้ในห้องผู้โดยสารเพื่อให้สามารถตรวจสอบความปลอดภัยของเด็กทุกคนได้ การประชุมผู้ปกครองจะถูกจัดในทุกปีการศึกษาเพื่อให้ครูกับผู้ปกครองได้สื่อสารกันมากขึ้น (ด้วยสถานการณ์โควิดทำให้ผู้ปกครองกับคุณครูติดต่อกันน้อยลง และผู้ปกครองก็ไม่ได้มีโอกาสได้เข้าไปดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงเรียนเหมือนแต่ก่อน)                จาก มาตรการเยียวยานักเรียน ที่ได้รับผลกระทบจากครูโหด โรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ราชพฤกษ์ ทำให้โรงเรียนอื่น ๆ เริ่มตื่นตัวกับมาตรการในความปลอดภัยของเด็กนักเรียนมากขึ้น ติดตามบทความ การศีกษา ข่าวการศึกษา เคล็ดลับการสอบ เคล็ดลับการอ่านหนังสือ ได้ที่นี้

คุรุสภาเอาจริง ใครไม่มี ใบประกอบอาชีพครู ระวังโทษจำคุก 3 ปีปรับ 6 หมื่นบาท

คุรุสภาเอาจริง ใครไม่มี ใบประกอบอาชีพครู ระวังโทษจำคุก 3 ปีปรับ 6 หมื่นบาท

จากข่าวที่คุณครูอนุบาลทำร้ายนักเรียนด้วยความรุนแรงเป็นเวลายาวนาน ซึ่งมีข่าวว่าเมื่อสี่ปีก่อนก็เคยมีเหตุการณ์ที่ครูทำร้ายนักเรียนและโดนให้ออกไปแล้วยกชุดแต่เหมือนว่าครูที่อยู่ในช่วงวัยเดียวกันที่เคยเห็นการกระทำรุนแรงจากครูรุ่นก่อนก็เกิดการทำพฤติกรรมเดียวกันกับเด็กของตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่เกินจรรยาบรรณของครูที่ทำร้ายนักเรียนวัยอนุบาลที่อายุเพียงไม่กี่ขวบ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้หลายหน่วยงานและผู้คนทั่วไปเกิดความข้องใจว่าครูเหล่านี้มีใบประกอบวิชาชีพครูหรือไม่หรือเป็นครูเถื่อนที่เข้ามาทำงานในคราบครูเท่านั้น ทางคุรุสภาเองก็ไม่นิ่งนอนใจและเตรียมเข้าตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยความจริงจัง คุรุสภาเอาจริง ใครไม่มี ใบประกอบอาชีพครู ระวังโทษจำคุก 3 ปีปรับ 6 หมื่นบาท คุรุสภาแจ้งครูทุกคนต้องมีใบประกอบอาชีพครู                นายดิศกุล เกษมสวัสดิ์ เลขาธิการคุรุสภา ออกมาแสดงเจตจำนงชัดเจนว่า คุรุสภาเอาจริง ใครไม่มี ใบประกอบอาชีพครู ระวังโทษจำคุก 3 ปีปรับ 6 หมื่นบาท ซึ่งเป็นโทษที่ทางคุรุสภาชี้แจงออกมาให้ทราบทั่วกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงในโรงเรียนที่เกิดจากครูที่ไม่มีจรรยาบรรณและทำให้สถาบันการศึกษาเกิดความเสียหาย โดยผู้สอนที่โรงเรียนที่ไม่มีใบประกอบอาชีพครูให้ระวางจำคุก 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ทางคุรุสภาได้เตรียมตัวเข้าตรวจใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูของครูทุกคนที่โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ โรงเรียนที่เป็นข่าวของความรุนแรงที่เกิดจากครูอนุบาลต่อเด็กอนุบาล ซึ่งไม่ใช่เพียงครูไทยเท่านั้น ครูฟิลิปปินส์จากโรงเรียนเดียวกันก็มีพฤติกรรมรุนแรงต่อเด็กเล็กเช่นเดียวกัน ดังนั้นทางคุรุสภาจะเข้าตรวจใบประกอบอาชีพครูของครูทั้งหมด 120 คนและหากพบใครที่ไม่มีใบประกอบจำเป็นจะต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย การดำเนินการในครั้งนี้จากที่เคยตั้งเอาไว้ที่ 180 วันลดลงมาที่ 90 วันเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาโดยเร็วเพื่อความสบายใจของพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กที่ปล่อยลูกมาเรียนที่โรงเรียนซึ่งคิดว่าจะเป็นที่ปลอดภัยแต่กลับอันตรายต่อลูกเพราะอาจมีครูที่ไม่มีใบประกอบอาชีพครู                คุรุสภาเอาจริง ใครไม่มี ใบประกอบอาชีพครู ระวังโทษจำคุก…

เกาะรั้ว โรงเรียนนานาชาติ ในประเทศไทย

เกาะรั้ว “โรงเรียนนานาชาติ” สถานศึกษาระดับอินเตอร์ ของไทย

            อาจมีคนเคยสงสัยว่า โรงเรียนนานาชาติคืออะไร ต่างจากโรงเรียนหรือสถานศึกษาของไทยอย่างไรบ้าง วันนี้จะชวนคุณไปเกาะรั้วสถานศึกษาที่เรียกว่าโรงเรียนนานาชาติในเมืองไทยโรงเรียนนานาชาติก็คือสถานศึกษาที่ให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชนหลากหลายเชื้อชาติ ในแถบเอเชียอาคเนย์ ข้อมูลจากสมาคมโรงเรียนนานาชาติแห่งประเทศไทยระบุว่า  ปี 2560 โรงเรียนนานาชาติ ในประเทศไทยขยายตัวเติบโตมากที่สุดเฉลี่ยร้อยละ 18-20 ซึ่งถือว่าโตแบบก้าวกระโดด โดยมีจำนวนสถานศึกษามากกว่า 175 แห่ง จำนวนครู 7,200 คน และมีโรงเรียนนานาชาติในสัดส่วนสองในสามที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ การเรียนการสอนของโรงเรียนนานาชาติ            โรงเรียนนานาชาติในบ้านเรา แบ่งออกเป็น 4 หลักสูตร ได้แก่             1.หลักสูตรแห่งสหราชอาณาจักร อังกฤษ และเวลส์  (UK) จัดการศึกษาภาคบังคับในกลุ่มอายุ 5-16 ปี และใช้เวลาสองปีสำหรับหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนต้น มีวิชาบังคับอย่างน้อย 3 วิชาคือ อังกฤษ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ นอกนั้นคือวิชาเลือก ใช้ข้อสอบสากลร่วมกันทั่วโลก (เด็กไทยนิยมเรียนมากที่สุด)            2.หลักสูตรระบบอเมริกัน (US) ใช้ระบบการเรียนการสอนของตนเองอิงมาตรฐานระดับรัฐ และระดับชาติ ส่วนใหญ่จัดการวัดผลภายในเพื่อให้นักเรียนสะสมหน่วยกิตครบถ้วนตามระบบการศึกษาแบบอเมริกัน (เด็กไทยนิยมเรียนเป็นอันดับ…