ขณะที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว คนที่เกิดในยุคคาบเกี่ยวระหว่างความเปลี่ยนแปลงนั้นก็แบกรับภาระทางความคิดเอาไว้หลายอย่างเหมือนกัน อย่างเช่นประเด็นเรื่อง การเรียนต่อ สังคมส่วนหนึ่งยังคงมองว่ามันเป็นเรื่องน่าเสียดาย ที่คนๆ หนึ่งจะทิ้งความสามารถและทิ้งโอกาสของตัวเอง ด้วยการพาตัวเองออกจากระบบการศึกษา เว็บข้อมูล สอบ กพ การศึกษาไทย สอบสัมภาษณ์ ทีนี้ปัญหาก็คือแนวความคิดนี้กำลังบั่นทอนใครหลายคน จนเกิดเป็นความสับสนขึ้นในใจว่าแท้จริงตัวเองควรเลือกวิถีชีวิตแบบไหน อย่างไรก็ลองดูมุมมองเหล่านี้ก่อนดีกว่า การเรียนต่อ ไม่ได้เป็นตัววัดอนาคตอีกแล้ว หากย้อนกลับไปสมัยก่อนที่เรายังต้องพึ่งพาการทำงานกับหน่วยงานราชการหรือเอกชนเต็มรูปแบบ การเรียนต่อถือว่าเป็นอาวุธเดียวที่เรามีอยู่ ผู้คนที่ถึงวัยเหมาะสมจึงต้องเข้าไปเรียนในระบบ เพื่อให้สามารถเข้าทำงานในองค์กรที่ตัวเองใฝ่ฝันได้ แต่เดี๋ยวนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปมาก แต่ละคนสามารถสร้างอาชีพได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งใครเลย การศึกษาหาความรู้ใหม่นั้นยังสำคัญอยู่จริง แต่ไม่จำเป็นต้องเข้าเรียนในระบบอีกแล้ว การเรียนต่อได้ได้การันตีคุณภาพชีวิต ก่อนจะตัดสินว่าใครเป็นคนไม่เอาไหน อยากให้ลองไตร่ตรองดูก่อนว่าการเรียนต่อนั้น เป็นปัจจัยเดียวที่บอกได้ว่าคนๆ หนึ่งจะประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหนหรือไม่ อย่าว่าแต่ยุคที่เราไม่ต้องพึ่งหน่วยงานใหญ่แบบนี้เลย ในยุคก่อนก็มีคนที่ไม่ยอมรับการเรียนในระบบ แล้วก็สร้างรากฐานของตัวเองจากประสบการณ์ชีวิตแทน ที่น่าสนใจคือหลายคนมีคุณภาพชีวิตดีกว่าคนที่อยู่ในระบบด้วย ไม่เรียนต่อนั้นไม่ผิดถ้าไม่หยุดศึกษา เชื่อว่าแต่ละคนมีเรื่องที่ตัวเองสนใจเป็นพิเศษอยู่ การเลือกที่จะไม่เรียนต่อและเปลี่ยนไปเป็นการศึกษาเฉพาะเรื่องแทน น่าจะเป็นทางออกที่ตอบโจทย์คนยุคนี้ได้มากกว่าหลายเท่า เพราะการศึกษาเฉพาะเรื่องนั้นใช้เวลาน้อยและใช้ต้นทุนน้อยกว่า เราไม่ต้องเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่นำมาใช้ และสิ่งที่เราเรียนก็จะเชี่ยวชาญได้ง่ายเพราะผ่านการฝึกใช้ตลอดเวลา คุณภาพขององค์ความรู้ก็จะดีขึ้นด้วย
หลายคนยังไม่เข้าใจว่า การศึกษานอก ระบบคืออะไร วันนี้เราจะมาอธิบายให้คุณเข้าใจโดยแบบละเอียด หลายคนที่พลาดโอกาสที่จะได้เรียนหนังสือ อาจจะเพราะอายุเยอะ ไม่มีเงินเรียน จึงมาย้อนเรียนการศึกษานอกระบบเพื่อต่อยอดให้เรียนจบได้ในระดับปริญญาตรี การศึกษานอกระบบมีทุกชั้น ทำให้การพัฒนาไม่หยุดหากคุณตั้งใจที่จะหาความรู้ ไม่มีการจำกัดอายุ เอาง่ายๆ ว่าเราเลือกทางนี้เรียนได้ตลอดชีวิตเลยค่ะ เว็บข้อมูล สอบ กพ การศึกษาไทย สอบสัมภาษณ์ โดยที่เราสามารถเอาวุฒ พวกนี้ไปสมัครเรียนได้ จนจบตามหลักสูตร โดยที่การศึกษานอกระบบมีหลายชนิดโดยที่เราจะอธิบายให้คุณเข้าใจผ่านบทความนี้ค่ะ การศึกษานอก ระบบแบ่งออกเป็นตามนี้ การศึกษาแบบต่อเนื่อง แบบการเทียบโอน แบบการส่งเสริมส่วนบุคคล แบบการสอดคล้องกับการใช้ชีวิตในอนาคต เพื่อการมีรายได้ เพื่อการยกระดับชีวิตที่ดีขึ้นด้วย เป็นการเรียนรู้เมื่อการเรียนรู้ทางหนังสือแล้ว การศึกษาทางไกล การเรียนรู้ระบบทางไกล เป็นการเรียนรู้แบบคนที่ไม่มีความเข้าเรียน เลือกเรียนผ่านการเรียนในด้านของวีดีโอ แม้จะอยู่ไกลกับสถานที่เรียนก็สามารถเลือกเรียนได้ ไม่ต้องใช้การระบุเวลา ก็สามาถเรียนรู้ได้ตามต้องการ การศึกษาแบบผู้ใหญ่ ไม่มีการจำกัดอายุ และส่วนมากคนที่ได้มาเรียนจะมีฐานะที่ยากจนต้องเรียนและทำงานไปด้วย ทำให้ต้องมาเรียนการศึกษาผู้ใหญ่ ไม่มีการเรียนทุกวัน เราจึงเลือกเวลาการเรียนได้ โดยที่วิชาที่มุ่งเน้นจะเป็น คณิต สังคม อังกฤษ คหกรรมและอื่นๆ อีกด้วยนั่นเอง การศึกษาชุมชน…
การศึกษาไม่ใช่มีแค่การศึกษาของคนทั่วไปค่ะ การศึกษาของคนพิการหรือ การศึกษาพิเศษ มีทั่วไปที่ส่งตรให้คนบกพร่องทางร่างกายและทางสมองได้เข้าเรียนเหมือนการศึกษาทั่วไป โดยที่บทความนี้เราอยากให้ผู้ปกครองทำความเข้าใจก่อนว่าลูกหลานของตัวเอง ประเมินแล้วสามารถเข้าเรียนได้ไหม การเรียนในที่นี้หมายถึง กลุ่มคนที่บกพร่องทาง จิตใจ อารมณ์ และการเรียนรู้ในที่ต่างๆ เว็บข้อมูล สอบ กพ การศึกษาไทย สอบสัมภาษณ์ ด้อยโอกาสที่จะรับรู้จึงได้มีการศึกษาของคนพิการเกิดขึ้นมาเพื่อตอบสนอง กับกลุ่มคนที่ต้องเจอปัญหาชนิดนี้อยู่ ทำให้เด็กๆ ได้ใช้ชีวิตและเรียนทางด้านวิชากาได้ดีอีกด้วยนั่นเองค่ะ แบ่ง การศึกษาพิเศษ ได้ดังนี้ที่ผู้ปกครองต้องรู้ เด็กที่มีความสามารถพิเศษ เด็กที่มีความพิการ และขากความเรียนรู้ในด้านร่างกายต่างๆ เด็กที่ด้อยโอกาส ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด มีรูปแบบการเรียนดังต่อไปนี้ รูปแบบการเรียนร่วม เป็นเด็กพิเศษที่เรียนร่วม ได้ทั้งแบบเต็มเวลาและการเรียนบางวิชาเท่านั้นค่ะ รูปแบบการศึกษาพิเศษ เด็กที่มีความด้อยในเรื่องทางล่างกายเช่นหูหนวก ตาบอด โรงเรียนจัดการเรียนแบบพิเศษ รูแบบใช้ครูหมุนเวียน เพราะครูขาดแคนมากที่จะสอนเดกพิเศษ จึงต้องรู้จัก ศูนย์การเรียนรู้ขึ้นมา ตรงนี้เป็นข้อสำคัญที่ผู้ปกครองหลายท่านยังไม่รู้ ว่าจะเลือกให้ลูกเรียนแบบไหน เราแนะนำว่าบทความจากทางเรามีประโยชน์ให้กับคุณได้อย่างแน่นอนค่ะ และมีข้อดีดังต่อไปนี้ การเลือกเรียนร่วมเด็กๆ จะได้ปรับทัศนคติเชิงบวก ระหว่างผู้ปกครองและเด็กๆ ได้ด้วย และยังได้พัฒนาตัวตนได้มากขึ้นด้วย ประหยัดในด้านของค่าใช้จ่าย…
มาดู การศึกษาในไทย ของเราอาจเป็นการศึกษาที่ถือว่ามีหลักสูตรเยอะแยะมากมายเต็มหมด แต่จริง ๆ แล้วก็มีบางหลักสูตรหรือบางวิชาที่จะต้องเพิ่มเข้าไป ใครอ่านมาถึงตรงนี้ก็อาจจะตกใจ แต่ความจริงแล้วก็ควรที่จะมีเพิ่ม และไปลดบางอย่างที่ไม่จำเป็นลงจะเป็นการดีกว่า ซึ่งวิชาที่จะเพิ่มจะช่วยทำให้การใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น เว็บข้อมูล สอบ กพ การศึกษาไทย สอบสัมภาษณ์ และทำให้อยู่โลกที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วได้อย่างมีคุณภาพและความรู้เหล่านี้ก็สามารถใช้ได้ตลอดชีวิต การศึกษาในไทย 3 หลักสูตรที่ควรเรียนเพื่อใช้ชีวิตต่อในวันข้างหน้า การเงิน จัดว่าเป็นหลักสูตรสำคัญที่ควรมีในวิชาหลักของการศึกษา ไม่ใช่การคำนวณเลขแต่อย่างใด แต่ฝึกฝนให้เด็กรู้จักการใช้จ่ายเงิน รู้จักการออมเงิน รู้จักเกี่ยวกับเรื่องของภาษี หรือการเงินอะไรก็ตามแต่ที่เกี่ยวกับโลกผู้ใหญ่ที่ต้องเจอ เช่น การกู้หนี้ยืมสิน การเซ็นคำประกัน สิ่งเหล่านี้ควรมีสอนตั้งแต่เด็กๆ กฎหมาย ทุกพื้นที่บนโลกต่างก็อยู่ภายใต้กฎหมายที่ผู้คนต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบ ควรให้ความรู้ในแง่กฎหมายที่สำคัญ ๆ เพื่อให้เข้าใจและสามารถปลูกฝังเรื่องคุณธรรมต่าง ๆ ผ่านวิชาเรียนกฎหมายได้เป็นอย่างไร เช่น การใช้โซเชียลในการคอมเมนต์ด่าคนอื่นจะได้รับโทษอย่างไร และเหตุใดถึงไม่ควรทำเช่นนั้น ฉุกเฉิน อ่านคำนี้ใครหลายคนก็อาจสงสัย วิชาฉุกเฉินที่ว่านี้ คือ เป็นการสมมติเหตุการณ์ที่อาจพบเจอปัญหาได้ในแต่ละวัน และฝึกให้เด็กแก้ปัญหาต่าง ๆ ตามอายุช่วงวัย…
อย่าเพิ่งตกใจว่า ห้องเรียนกลับด้าน เป็นการเรียนในห้องเรียนเอียงๆ หรือกลับด้านแบบเอาขาชี้ฟ้า… แต่เป็นการเรียนการสอนแบบใหม่ที่ปฏิวัติการศึกษาและความเชื่อเดิมๆ ของทั้งครูและนักเรียน ซึ่งทางอเมริกาเขาวิจัยมาแล้วว่าทำให้นักเรียนมีผลการเรียนดีขึ้นอย่างชัดเจน มาดูกันว่าคืออะไร ห้องเรียนกลับด้าน คืออะไร ดีอย่างไร ห้องเรียนแบบเก่า สิ่งที่เกิดในห้องเรียนจะมีการเรียนการสอนปกติ บางโรงเรียนที่มีเทคโนโลยีหน่อยก็จะให้นักเรียนศึกษาหาความรู้ผ่านทางอินเทอร์เน็ต และเมื่อนักเรียนกลับบ้านแล้วก็จะมีการบ้านติดตัวไปให้ทำเพื่อฝึกฝน ห้องเรียนกลับด้านหรือที่เรียกว่า Flipped Classroom มีรายละเอียดที่น่าศึกษา ดังนี้ สิ่งที่เกิดในห้องเรียน คือ จัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อการเรียนรู้ (เป็นการจัดกิจกรรมหรือให้ทำงานที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในวิดีโอที่ให้นักเรียนดู โดยครูมีหน้าที่ชี้แนะแต่ไม่ชี้นำ เรียกว่าเป็นผู้ช่วยเหลือในยามที่เด็กติดขัดและกระตุ้นให้สามารถคิดด้วยตัวเอง) ที่สำคัญการเรียนการสอนแบบใหม่นี้ยังเปิดโอกาสให้นักเรียนนำการบ้านมาทำได้ ซึ่งการทำการบ้านในห้องเรียนมีข้อดีหลายประการ ได้แก่ 1. ช่วยลดปัญหาการลอกการบ้านเพื่อนในทุกเช้า หากเด็กบางคนไม่สามารถทำเองได้ 2. เด็กสามารถปรึกษาเพื่อน นั่งทำการบ้านกันเป็นกลุ่มๆ ได้ 3. เด็กสามารถสอบถามการบ้านจากครูผู้สอนเพื่อความกระจ่าง 4. เด็กมีเวลาส่วนตัวมากขึ้นเมื่อกลับบ้านแล้ว 5. เด็กเรียนอย่างมีความสุขเพราะไม่มีการบ้านต้องทำที่บ้าน และการทำการบ้านที่ห้องเรียนก็ไม่ต่างจากการทำกิจกรรมสนุกๆ กับเพื่อน สิ่งที่เกิดนอกห้องเรียน สิ่งที่เกิดนอกห้องเรียน (นอกเวลาเรียน) ของห้องเรียนกลับด้าน คือ จัดให้นักเรียนศึกษาหาความรู้ผ่านทางอินเทอร์เน็ต …
ทำความเข้าใจกับทฤษฎีหมวก 6 ใบภายใน 1 นาที ทฤษฎีหมวก 6 ใบ ก็คือการฝึกคิดอย่างเป็นระบบ รอบด้าน และครอบคลุม โดยใช้หมวกสมมติหรือหมวกจริง 6 ใบ 6 สีเป็นอุปกรณ์ ซึ่งหมวกแต่ละใบคือตัวแทนของการคิดด้วยมุมมองต่างๆ เรียนรู้ให้เข้าใจ ทฤษฎีหมวก 6 ใบ หมวกแต่ละสีแตกต่างกันอย่างไร? – หมวกสีขาว คือตัวแทนของการคิดในมุมมองของข้อมูลหรือข้อเท็จจริงเบื้องต้น (ตัวเลข ผลพิสูจน์) โดยไม่มีการแสดงความรู้สึกหรือความคิดเห็นลงไป ซึ่งผู้ที่มีความคิดโน้มไปทางหมวกสีขาวจะเชื่อสิ่งใดก็ต่อเมื่อมีการพิสูจน์แล้ว – หมวกสีแดง คือตัวแทนของการคิดในมุมมองของอารมณ์ความรู้สึกล้วนๆ โดยไม่ต้องมีเหตุผลมารองรับ เรียกว่าชอบก็บอกชอบกันตรงๆ สำหรับผู้ที่มีความคิดโน้มไปทางหมวกสีแดงจะมีความชัดเจนในตัวเองและกล้าแสดงออก – หมวกสีดำ คือตัวแทนของการคิดในมุมมองของเหตุและผลล้วนๆ บอกข้อดีและข้อเสียต่างๆ ที่คิดได้รวมถึงอุปสรรคที่อาจมี ซึ่งผู้ที่มีความคิดโน้มไปทางหมวกสีดำจะมีความรอบคอบและระมัดระวังสูง – หมวกสีเหลือง คือตัวแทนของการคิดในมุมมองที่เป็นบวก เป็นการเล็งเห็นข้อมูลเชิงบวก ประโยชน์ ข้อดี หรือจุดเด่นที่มีเพื่อนำไปสู่การพัฒนา และสำหรับผู้ที่มีความคิดโน้มไปทางหมวกเหลืองจะมีความสามารถในการต่อยอด – …
คุณอาจเคยบริหารแขนขา บริหารรูปร่างให้สวยงามด้วยการออกกกำลังกาย หรือ Exercises แล้ว แต่รู้ไหมว่า สมองของเราก็ต้องการการบริหารเช่นกัน เพื่อช่วยให้สมองมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในเด็กวัยเรียน การออกกำลังกายนอกจากจะช่วยให้เขามีสุขภาพที่แข็งแรง และช่วยกระตุ้นการเติบโตของร่างกายแล้ว การออกกำลังกาย ยังช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองได้เป็นอย่างดี การออกกำลังกาย ดีต่อสมองเพราะอะไร การออกกำลังกายช่วยพัฒนาสมองซีกขวา ออกกำลังกายยังดีต่อสุขภาพของสมองอย่างยิ่ง เนื่องจากเมื่อเราออกกำลังกาย ก็จะช่วยพัฒนาสมองซีกขวา ที่เป็นส่วนสำคัญในการจินตนาการสร้างสรรค์ ทำให้เรามีไอเดียใหม่ๆ เสมอ ดังนั้นหากได้ออกกำลังกายบ่อย ๆ เราก็จะสดชื่นและรู้สึกว่าสมองรับสิ่งใหม่ ๆ ได้ตลอด การออกกำลังกายช่วยทำให้สมองทั้งสองซีกทำงานร่วมกันได้ดี การออกกำลังกายไม่เพียงแต่ช่วยเรื่องสมองซีกขวาเท่านั้น แต่ยังช่วยให้การทำงานของสมองทั้งสองซีกสอดประสาน ทำงานสัมพันธ์กันได้ดีขึ้น เนื่องจากเมื่อเราได้ออกกำลังกาย โดยฉพาะการออกกำลังกายแบบที่มีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาค่อนข้างนาน ก็จะช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองทั้งสมองซีกให้ทำงานร่วมกันได้ดี การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ การออกกำลังกายยังช่วยกระตุ้นให้สมองเกิดการเรียนรู้ และสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว แม้แต่เด็กวัยเรียนที่มีความผิดปกติทางสมองในระดับที่เรียนรู้ได้ หากได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยกระตุ้นให้สมองมีพัฒนาการที่ดีขึ้น แม้จะใช้เวลานานกว่าเด็กปกติ แต่ก็จะเกิดการพัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไปได้ การออกกำลังกายช่วยพัฒนาสมองช่วยเรื่องการเรียน การออกกำลังกายจะช่วยทำให้ระบบการสื่อสารดี ทั้งในการพูด การเขียน และการอ่าน ช่วยกระตุ้นสมองในด้านการสั่งการเพื่อให้เกิดความสมดุล ทำให้การเคลื่อนไหวคล่องตัว…
คนในโลกส่วนใหญ่ มักจะถนัดขวามากกว่าซ้ายหลายเท่า ดังนั้นเราจึงมองว่าคนที่ถนัดซ้ายมีความแตกต่างจากเรา หรือพิเศษกว่าคนทั่วไป ซึ่งเรื่องความถนัดของมือซ้ายนี้หลายคนมักยังไม่รู้ข้อมูล และมีความลับของคนถนัดมือซ้ายอีกมากมายที่จะทำให้คุณแปลใจ ยิ่งถ้าคุณเป็น คนถนัดซ้าย ที่อยู่ในวันศึกษาเล่าเรียน ก็ควรสนใจเรื่องนี้อย่างยิ่ง เพราะสามารถทำนายแนวโน้มเรื่องการเรียนจากมือซ้ายข้างถนัดของคุณได้ แนวโน้ม เรื่องการเรียนของ คนถนัดซ้าย คนถนัดซ้ายเรียนวิชาที่สนใจได้ดี เชื่อกันว่าถ้าคนถนัดซ้ายสนใจเรื่องราว หรือวิชาใดเป็นพิเศษ เขาจะเป็นอัจฉริยะในวิชานั้นไปเลย เนื่องจากเขาจะลงลึกจนถึงขั้นหมกมุ่นเลยทีเดียว คนถนัดซ้ายจะมีพรสวรรค์ บ่อยครั้งที่คนถนัดซ้ายไม่ได้มีพื้นฐานในวิชา หรือทักษะนั้น ๆ มาก่อนเลย แต่ในครั้งแรกเขาก็ทำได้ดีจนน่าตกใจ เหมือนคนที่มีพรสวรรค์ติดตัวมาแต่เกิด คนถนัดซ้ายจะมีไอคิวสูง ถ้ามีการวัดไอคิว คนถนัดซ้ายมักจะไอคิวเฉลี่ยสูงกว่าคนที่ถนัดขวา แต่แม้คนถนัดซ้ายที่มีไอคิวต่ำ เขาก็มีความสนใจพิเศษ หรือเรียนบางเรื่องได้ดี คนถนัดซ้ายจะเรียนรู้ได้หลายอย่าง คนที่ถนัดซ้ายจะมีความสามารถในการทำสิ่งต่าง ๆ หลายอย่างพร้อมกัน และทำได้ดีมาก ซึ่งเขาจะมักจะไม่เกิดความสับสน หรือหลงลืมสิ่งที่เคยเรียนรู้มาก่อน คนถนัดซ้ายจะทำโจทย์ยาก ๆ ซับซ้อนได้ ถ้ามีข้อสอบหรือโจทย์ยาก ๆ ที่มีความซับซ้อน ก็ต้องส่งมาให้คนถนัดซ้ายเลย เพราะเขาจะมีกระบวนการคิดที่แตกต่างสร้างสรรค์กว่าคนอื่น และเขามักจะมีวิธีคิดที่ไม่เหมือนคุณครูสอน คนดังที่ถนัดมือซ้าย สิงห์อีซ้ายที่มีชื่อเสียง…
กลุ่มเด็กในช่วงวัย 6-14 ปี นับว่าอยู่ในช่วงของการเรียนรู้สิ่งต่างๆในระดับพื้นฐาน ก่อนที่จะถูกต่อยอดหลังจากนั้น ทำให้การอ่านหนังสือของเด็ก ก็มีความสำคัญที่จะช่วยให้เด็กเหล่านี้เติบโตไปแบบมีคุณภาพ แต่ถึงกระนั้นในโลกที่มีเทคโนโลยี และสิ่งเร้าเกิดขึ้นมากมาย ทำให้เด็กในช่วงวัยนี้หันเหไปยังสิ่งอื่นที่ไม่ใช่การอ่านหนังสือ ซึ่งจะมี สาเหตุเด็กไม่อ่านหนังสือ อะไรบ้างเราไปดูกัน สรุปผลสำรวจ สาเหตุเด็กไม่อ่านหนังสือ 8.9% สาเหตุเด็กไม่อ่านหนังสือ เพราะชอบเล่นเกม หากจะว่าไปเกมก็มีข้อดีอยู่ในตัว เพราะช่วยผ่อนคลายความเครียดได้ แต่ต้องมีการแบ่งเวลาที่เป็นสัดส่วนและเหมาะสม ซึ่งหากเอนเอียงไปทางเล่นเกมจนละเลยการอ่านหนังสือ ก็ย่อมไม่เป็นผลดีต่อตัวเด็กที่อาจส่งผลถึงการเรียนให้ต่ำกว่ามาตรฐานลง 17.9% ไม่ชอบ ในส่วนนี้อาจจะไม่ใช่กลุ่มที่ต้องกังวล เพราะในบางครั้งเด็กเหล่านี้เจอหนังสือที่ไม่ถูกใจ หรือไม่ตรงกับความชื่นชอบของตัวเอง ฉะนั้นในส่วนนี้หากเสริมจิตวิทยาแก่เด็กให้รู้จักคิดและค้นหาตัวตน อาจทำให้เด็กรู้จักตัวเองและรู้ว่าตัวเองชอบอะไร แล้วหลังจากนั้นตัวเด็กจะเป็นฝ่ายออกไปตามหาหนังสือในเรื่องที่เขาชื่นชอบ 26.7% ชอบดูโทรทัศน์ เป็นเรื่องปกติที่ทุกบ้านต้องมีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ผู้ปกครองต้องกวดขันคือ ประเภทของรายการที่ดูและระยะเวลาในการรับชมต่อครั้ง เพื่อให้การดูโทรทัศน์เกิดประโยชน์และได้ความผ่อนคลาย มิใช่จนทำให้เป็น สาเหตุเด็กไม่อ่านหนังสือ เพราะหมดเวลาไปกับมันจนมากเกินไป กระทั่งส่งผลเสียต่อตัวเด็ก 35.6% อ่านไม่คล่อง ยังถือว่าไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติ เพราะภาษาไทยมีขั้นตอนการเรียนที่ซับซ้อน ฉะนั้นนอกเหนือจากการเรียนในห้อง ผู้ปกครองต้องทำหน้าเรื่องที่เป็นผู้ช่วยครูอีกทีหนึ่ง ด้วยการให้เด็กเริ่มอ่านจากสิ่งที่ชอบบ่อยๆ…
เครื่องดนตรีประจำถิ่นอีสานและลาวอย่างแคนนั้น ทราบหรือไม่ว่า ขั้นตอนการทำแคน ไม่ง่ายเลย อีกทั้งยังเป็นการพิสูจน์คุณภาพฝีมือของช่างทำแคนอีกด้วย ที่กว่าจะได้แคน 1 ตัว ต้องใช้เวลาเกือบ 2 สัปดาห์ ซึ่งจะต้องผ่านกรรมวิธีอะไรบ้าง วันนี้ได้นำมาสรุปแล้วด้านล่างนี้ ขั้นตอนการทำแคน เครื่องดนตรีเสียงสวรรค์ ของถิ่นอีสาน ขั้นตอนการทำแคนขั้นตอนแรกคือการออกไปหาไม้ซาง หรือเรียกในภาษาภาคกลางคือ ลำไผ่ไซส์เล็ก ซึ่งอยู่ตามซอกระหว่างหุบเขา โดยจะต้องตัดและวางทิ้งไว้แรมเดือน เพื่อให้เนื้อไม้ซางแห้งสนิท ปัจจุบันไม้ชนิดนี้หาได้ยากมากในประเทศไทย ตรงข้ามกับประเทศลาวและเวียดนามที่ยังมีอยู่มาก ทำให้ปัจจุบันช่างทำแคนนิยมซื้อไม้ซางจากลาวเพื่อความสะดวก ขั้นตอนการทำแคนขั้นตอนที่2 คือการคัดเลือกไม้ซาง โดยช่างแคนจะต้องคัดเลือกไม้ซางในขนาดที่ไม่บางเกินไปและไม่หนาเกินไป เพราะจะทำให้เป่ายากและเสียงเพี้ยน หลังจากได้ไม้ที่ต้องการแล้วจะต้องนำเหล็กร้อนมาเจาะบ่องไม้ซางให้ทะลุถึงกัน แล้วใช้ไม้กระดานดัดให้ไม้ซางตรง ขั้นตอนการทำแคนขั้นตอนที่3 คือการตีเงิน ช่างทำแคนจะต้องนำเงินไปเผาไฟ แล้วนำมาตีให้บางมากที่สุด ซึ่งนับว่าเป็นขั้นตอนที่ใช้เวลาในการทำนาน จากนั้นนำลิ้นเงินมาใส่ในลำไม้ซางเพื่อทำหน้าที่เป็นลิ้นแคนให้เกิดเสียง โดยจะต้องมีการทดลองเป่า ว่าเสียงได้ระดับที่ต้องการหรือยัง ขั้นตอนการทำแคนขั้นตอนที่4 ช่างแคนจะต้องไปหาแก่นไม้ โดยเฉพาะแก่นไม้คูน ที่จะขุดรากขึ้นมาแล้วทำการล็อคขนาดให้พอดี เพื่อเป็นรังเพลิงใส่ไม้ซาง ไม่เพียงเท่านั้น ช่างแคนจะต้องไปหาขุดรังมดที่อยู่ตามพื้นดินเพื่อเอาขี้สูดมายาเต้าแคน ไม่ให้ลมหลุดรอดออกมาได้ ขั้นตอนการทำแคนขั้นตอนที่5 คือการประกอบแคน ช่างจะเริ่มจากเรียงไม้ใส่รังเพลิงจนครบ…