ผู้ปกครอง

ข้อเท็จจริง การตีเด็ก คือความรุนแรง หรือ เพื่อการสั่งสอน ?

ข้อเท็จจริง การตีเด็ก คือความรุนแรง หรือ เพื่อการสั่งสอน ?

การตีเด็ก เป็นวิธีการหนึ่งที่สังคมไทยใช้มาอย่างยาวนานเพื่อลงโทษเด็กเมื่อกระทำผิด จนเคยมีคำกล่าวว่า “ไม้เรียวนั้นสร้างคนให้ได้ดีมานักต่อนัก” แต่ในปัจจุบันเริ่มมีแนวความคิดที่ต่างออกไป โดยมองว่าการตีนั้นไม่ได้ช่วยให้เด็กเกิดการเรียนรู้ อีกทั้งยังเป็นการปลูกฝังความรุนแรง นี่จึงการเป็นปัญหาที่ถูกถกเถียงว่าสุดท้ายแล้วการตีเด็กมันคือความรุนแรง หรือเพื่อการสั่งสอน การตีเด็ก ดาบสองคม สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ ประเด็นสำคัญนี้จะต้องย้อนไปถึงตัวพ่อแม่ ผู้ปกครอง เป็นสำคัญว่าการตีของเรานั้นเป็นอย่างไร หาก การตีเด็ก ด้วยความโกรธ ยกอารมณ์หรือความพอใจของตัวเองอยู่เหนือเหตุผล และขาดการพูดสั่งสอนหรืออธิบาย นั่นจึงเข้าข่ายเป็นการตีเด็กที่ใช้ความรุนแรง ซึ่งผลเสียของมันจะกระทบต่อเด็กโดยตรง เช่น เด็กจะซึมซับความรุนแรงตั้งแต่อายุยังน้อย เด็กจะไม่กล้าคิดกล้าแสดงออกเพราะเกรงกลัวว่าจะโดนตี และหากร้ายแรงที่สุดคือ ถ้าเด็กเหล่านี้เติบโตเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น อาจทำให้เด็กเหล่านี้เกิดความอึดอัดใจ และต้องการหาพื้นที่ที่สบายใจมารองรับ โดยเฉพาะการหันไปพึ่งพิงพื้นที่สังคมนอกบ้านแทน เพื่อฉีกตัวออกห่างจากพ่อแม่ ซึ่งจะเป็นความเสี่ยงอันตรายที่อาจทำให้เด็กเหล่านี้เดินทางชีวิตผิด ประเด็นสำคัญที่จะต้องทบทวนใหม่หากยังต้อง การตีเด็ก เพื่อสั่งสอน คือ การใช้เหตุและผลให้มากที่สุด โดยพ่อแม่ จะต้องเป็นผู้นำมาใช้และสร้างให้เป็นบรรทัดฐานแก่เด็ก และเมื่อใดที่เด็กกระทำผิดก็ต้องมีการอบรมสั่งสอนด้วยการพูดอธิบาย ว่าผิดอย่างไรทำไมถึงจะต้องโดนตี  การกระทำที่ถูกต้องควรปฏิบัติอย่างไร และตีสั่งสอนไป ซึ่งจะทำให้การตีเด็กมีผลดีกับตัวเด็กมากขึ้น อีกทั้งเด็กจะมีการเรียนรู้และปรับปรุงตัว เพื่อที่จะให้ตัวเองไม่โดนตีอีก นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือพ่อแม่ต้องปฏิบัติตัวเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีแก่เด็กเพื่อให้สิ่งที่ได้สอนไปนั้นเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ฉะนั้นแล้วจึงจะเห็นได้ว่า การตีเด็ก มีลักษณะเหมือนดาบสองคม…

การบังคับลูกในเรื่องเรียน ความปรารถนาดีของพ่อแม่หรือผู้ใหญ่ อาจมีผลเสียต่อเด็ก

การบังคับลูกในเรื่องเรียน ความปรารถนาดีของพ่อแม่หรือผู้ใหญ่ อาจมีผลเสียต่อเด็ก

               ทุกคนล้วนมีความฝันหรืออาชีพที่ตนเองอยากทำ ซึ่งในบางครอบครัวก็เปิดโอกาสให้แก่เด็กๆหรือลูกหลานของพวกเขาได้เดินไปตามความฝันของตนเอง แต่ในบางครอบครัวมีการกำหนดหรือออกคำสั่ง แนวทางในการใช้ชีวิต อาชีพ การเรียน เป็นต้น ซึ่ง การบังคับลูกในเรื่องเรียน นั้นจะทำให้เด็กๆไม่สามารถแสดงศักยภาพ ความสามารถ ความรู้ของตนเองออกมาได้เต็มที่เท่าที่ควร ยิ่งถ้าหากเส้นทางที่ครอบครัวได้ขีดไว้นั้น ไม่ใช่แนวทางความฝันของเด็กๆจะยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกแย่ รู้สึกไม่ดี กดดัน และไม่มีความสุขกับการใช้ชีวิตเลย การบังคับลูกในเรื่องเรียน อาจไม่เป็นผลดีต่อเด็ก                การบังคับลูกในเรื่องเรียน ในผู้ใหญ่หลายๆคนมักจะคิดว่าตนเองมีความรู้หรือการใช้ชีวิตที่มากแล้ว พบเจอกับสิ่งต่างๆมามากแล้ว แต่ในปัจจุบันนั้นโลกได้เปลี่ยนไปไกลมากกว่าที่ใครหลายคนจะตามทัน สิ่งต่างๆได้เปลี่ยนแปลงไป อาชีพต่างๆที่มีมากมายนับไม่ถ้วน ไม่ได้มีเพียงแค่อาชีพที่ผู้ใหญ่ได้คิดเพียงเท่านั้น ซึ่งอาชีพที่ผู้ใหญ่มักจะขีดเส้นหรือชี้นำแนวทางให้แก่เด็ก เช่น ตำรวจ ทหาร ปลัด นายอำเภอ เป็นต้น โดยอาชีพเหล่านั้นส่วนใหญ่จะเป็นอาชีพข้าราชการ ที่พ่อแม่หรือครอบครัวมักจะบอกว่าเป็นอาชีพที่ดี เงินเดือนดี สวัสดิการต่างๆเพียบพร้อม เป็นการทำงานที่มีเกียรติและศักดิ์ศรีทั้งตัวเด็กเองและครอบครัว เป็นที่น่าเชิดหน้าชูตาแก่วงตระกูล อาจจะจริง แต่เราทุกคนควรมองว่าอาชีพทุกอาชีพมีเกียรติและศักดิ์ศรีที่เท่าเทียมกัน ให้ความสำคัญต่ออาชีพทุกอาชีพ ไม่ควรเหยียดหรือให้ค่าแต่ละอาชีพไม่เท่ากัน                ในบางครอบครัวอาจจะมีธุรกิจส่วนตัวที่สืบทอดมาสู่รุ่นต่อรุ่นแล้ว จึงทำให้เด็กๆในครอบครัวจะต้องอาจจะมี การบังคับลูกในเรื่องเรียน หรือการประกอบอาชีพที่สามารถนำไปสู่การสานต่อธุรกิจของทางครอบครัว…

สิ่งที่ควรแก้ไข หลังเหตุการณ์ ครูทำร้ายเด็ก (ฝั่งผู้บริหารสถานศึกษา)

          เหตุการณ์ ครูทำร้ายเด็ก นับได้ว่าข่าวที่สะเทือนใจผู้ที่เป็นพ่อแม่เมื่อได้พบภาพหลักฐาน ซึ่งตอนนี้ทางสถานศึกษาต้นเรื่องกำลังเผชิญมรสุมอย่างหนัก ในด้านภาพลักษณ์ของโรงเรียน จนผู้ปกครองบางส่วนแสดงความจำนงของย้ายโรงเรียน นี่จึงไม่ใช่บทเรียนของสถานศึกษาต้นเรื่องเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงสถานศึกษาเอกชน ที่ต้องกำชับมาตรการดูแลและให้ความสำคัญกับเด็ก เพื่อความสบายใจของผู้ปกครอง ดังต่อไปนี้ ครูทำร้ายเด็กเหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าคัดกรองบุคลากรดี           สิ่งสำคัญที่สุดผู้บริหารสถานศึกษาควรคัดกรองบุคลากรครูที่จะเข้ามาทำหน้าที่ ซึ่งนอกจากคุณสมบัติแล้ว จะต้องเพิ่มความละเอียดถึงภูมิหลังของผู้สมัคร สำรวจอุปนิสัยใจคอและความทัศนคติ ซึ่งมีผลกับการทำงานนี้อย่างมาก โดยอาจใช้การทดลองงานเป็นตัวทดสอบสำคัญ ขณะที่การรับบุคลากรครูชาวต่างชาติ ควรใช้บริการบริษัทนำเข้าที่มีคุณภาพ            สิ่งสำคัญประการต่อมา คือ การสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ปกครอง โดยต้องกล่าวก่อนว่าปัญหา ครูทำร้ายเด็ก นั้นมีมานานแล้ว เพียงแต่ในอดีตไม่มีกล้องวงจรปิดเหมือนเช่นปัจจุบัน ฉะนั้นหากผู้บริหารสถานศึกษาสามารถให้ผู้ปกครองเข้าถึงการชมภาพวงจรปิดได้ในขณะที่บุตรหลานอยู่โรงเรียน ซึ่งจะช่วยสร้างความสบายใจแก่ทั้งสองฝ่ายได้ระดับหนึ่ง           สิ่งสำคัญหลังเหตุการณ์ ครูทำร้ายเด็ก ประการสุดท้าย คือ การร่วมมือระหว่าง ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน และผู้ปกครอง โดยเฉพาะเมื่อใดก็ตามที่ผู้ปกครองรับรู้ร่วมกันเป็นส่วนใหญ่ว่า ครูผู้สอนในห้องนั้นไม่ปลอดภัยกับเด็ก สามารถที่จะแสดงความจำนงต่อผู้บริหารให้เข้ามาจัดการแก้ปัญหา เพราะจากกรณีที่เกิดขึ้นนี้สถานศึกษาแสดงความรับผิดชอบเพียงการไล่ครูต้นเรื่องพร้อมกับครูร่วมห้องอีก 3 คน ออกจากงานเท่านั้น ส่วนท่าทีของความรับผิดชอบยังถูกบ่ายเบี่ยง ซึ่งตรงจุดนี้หากไม่มีความร่วมมือจากผู้บริหารสถานศึกษา ย่อมสร้างผลเสียต่อสถานศึกษาเอง…

ผู้ปกครองเรียกร้อง ให้ติดกล้องวงจรปิดทั่ว โรงเรียนในเครือสารสาสน์ ทั้ง 49 แห่ง!

ผู้ปกครองเรียกร้อง ให้ติดกล้องวงจรปิด โรงเรียนในเครือสารสาสน์ ทั้ง 49 แห่ง!

               จากข่าวที่คุณครูอนุบาลโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ทำร้ายร่างกายเด็กอนุบาลด้วยการทุบตี ทั้งยังห้ามเข้าห้องน้ำ และให้เวลาในการรับประทานอาหารเพียงสิบนาที ทำให้ผู้ปกครองต่างลุกฮือและไม่ยอมอยู่เฉยเพราะการกระทำดังกล่าวถือเป็นเรื่องร้ายแรงและไม่ควรเกิดขึ้นกับเด็ก คุณครูที่ทำร้ายเด็กจึงต้องถูกลงโทษตามภาพในกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพการทำร้ายเด็กเอาไว้อย่างชัดเจน ล่าสุด ผู้ปกครองเรียกร้อง ให้ติดกล้องวงจรปิดทั่ว โรงเรียนในเครือสารสาสน์ ทั้ง 49 แห่ง! ขอให้ติดกล้องวงจรปิดของโรงเรียนในเครือสารสาสน์                ล่าสุด ผู้ปกครองเรียกร้อง ให้ติดกล้องวงจรปิดทั่ว โรงเรียนในเครือสารสาสน์ ทั้ง 49 แห่ง! นอกจากโรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ราชพฤกษ์ที่พบการทำร้ายเด็กนักเรียนหลายรายจากคุณครูหลายคนทั้งครูคนไทยและครูชาวฟิลิปปินส์แล้ว ผู้ปกครองของเด็กนักเรียนโรงเรียนในเครือสารสาสน์เช่นกัน คือ โรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ร่มเกล้าได้รวบรวมรายชื่อของผู้ปกครองในโรงเรียนกว่าสี่ร้อยรายชื่อเพื่อเข้าไปร้องขอกับทางโรงเรียนว่าช่วยให้ติดกล้องวงจรปิดในโรงเรียน เพื่อความปลอดภัยของลูก เพราะลูกของตนได้ถูกคุณครูตีด้วยไม้บรรทัดฟุตเหล็กจนมีบาดแผลตามตัวกว่าสิบห้าแห่ง ขณะนี้กำลังดำเนินคดี ซึ่งคดียืดเยื้อมาเป็นปีแล้วก็ยังไม่จบเนื่องจากทางโรงเรียนไม่มีมาตรการการติดกล้องวงปิดเอาไว ทำให้ทางผู้ปกครองดังกลางฟ้องศาลด้วยเพียงรูปถ่ายที่ถ่ายจากมือถือของตนเท่านั้น ไม่มีภาพเหตุการณ์ขณะที่คุณครูทำร้ายร่างกายนักเรียน ซึ่งไม่รู้ว่าลูกของคนอื่นก็โดนเช่นเดียวกันอีกหรือไม่เพราะเด็กวัยอนุบาล-ประถมยังเด็กมากจนสามารถบอกผู้ปกครองเมื่อถูกคุณครูทำร้ายร่างกายได้ หรืออาจถูกครูข่มขู่ไม่ให้บอกผู้ปกครองก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน โดยผู้ปกครองท่านนี้ขอร้องให้ติดกล้องวงจรปิดในทุกโรงเรียนของเครือสารสาสน์เพื่อความปลอดภัยของลูกตัวเองและลูกของคนอื่น ๆ ที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน                นอกจากผู้ปกครองเรียกร้องให้ ติดกล้องวงจรปิดทั่ว โรงเรียนในเครือสารสาสน์ ทั้ง 49 แห่งแล้ว ยังมีข้อเรียกร้องอีกอย่างหนึ่งคือขอให้มีการตรวจใบประกอบวิชาชีพของครูที่เข้ามาเป็นครูในโรงเรียนด้วยทุกคนอย่างไม่มีเว้น เพราะนี่อาจเป็นต้นเหตุของความรุนแรงที่เกิดขึ้นทั้งหมด เป็นคนร้ายที่อยู่ในร่างของครูก็เป็นได้ แล้วจะให้พ่อแม่ผู้ปกครองทั้งหลายสบายใจและปล่อยมาเรียนที่โรงเรียนแบบนี้ได้อีกอย่างไร หากยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจนแสดงถึงความปลอดภัยของเด็กเล็กที่ฝากให้คุณครูช่วยดูแล ทั้งนี้ที่ผู้ปกครองส่วนใหญ่ส่งลูกมาเรียนที่โรงเรียนเอกชนก็เพื่อที่จะให้อยู่ในสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดี…

กลุ่มผู้ปกครองของโรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์บางบอนก็ได้รวบรวมรายชื่อของผู้ปกครองกว่า 150 รายชื่อ พร้อมเดินทางมาที่โรงเรียนเพื่อยื่น 3 ข้อเรียกร้องจากผู้ปกครอง เด็กที่โดนทำร้าย ถึงผู้บริหารโรงเรียนสารสาสน์

3 ข้อเรียกร้องจากผู้ปกครอง เด็กที่โดนทำร้าย ถึงผู้บริหารโรงเรียนสารสาสน์

              เมื่อเกิดข่าวที่มีครูทำร้ายนักเรียนอนุบาลในเครือสารสาสน์ได้ไม่นานกลุ่มผู้ปกครองจากโรงเรียนต่าง ๆ ในเครือสารสาสน์ก็เริ่มตื่นตัวถึงความไม่ปลอดภัยของบุตรหลานตัวเองที่ส่งให้มาอยู่ที่โรงเรียนแพง ๆ นอกจากโรงเรียนวิเทศน์ราชพฤกษ์ที่เกิดข่าวไปแล้ว ผู้ปกครองของโรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ร่มเกล้า และล่าสุดกลุ่มผู้ปกครองของโรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์บางบอนก็ได้รวบรวมรายชื่อของผู้ปกครองกว่า 150 รายชื่อ พร้อมเดินทางมาที่โรงเรียนเพื่อยื่น 3 ข้อเรียกร้องจากผู้ปกครอง เด็กที่โดนทำร้าย ถึงผู้บริหารโรงเรียนสารสาสน์ รวม 3 ข้อเรียกร้องจากผู้ปกครองถึงผู้บริหารโรงเรียนสารสาสน์               รวม 3 ข้อเรียกร้องจากผู้ปกครอง เด็กที่โดนทำร้าย ถึงผู้บริหารโรงเรียนสารสาสน์ ข้อแรกคือขอให้มีการติดกล้องวงจรปิดทั่วทุกห้องและทุกระดับชั้นในโรงเรียน เพื่อให้ผู้ปกครองสามารถเช็คได้เมื่อเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงหรือเหตุการณ์อื่น ๆ เกี่ยวกับลูกของตนเอง ข้อสองคืออยากให้โรงเรียนมีการตรวจเช็คและอบรมครูเกี่ยวกับการดูแลเด็ก ซึ่งทางตัวผู้ปกครองไม่ทราบว่าทางโรงเรียนมีมาตรการนี้อยู่แล้วหรือไม่แต่ก็อยากให้มีเพื่อให้ครูที่สอนและดูแลลูกของตนมีคุณภาพไม่ทำร้ายเด็กทั้งทางวาจาหรือร่างกาย ข้อสุดท้ายคือทางผู้ปกครองอยากให้มีนักจิตวิทยาเด็กประจำโรงเรียน เพื่อให้ลูกได้ปรึกษาหรือเพื่อให้คำแนะนำกับคุณครูในการดูแลเด็กเล็ก เพื่อให้เด็กและครูมีสภาพจิตที่ดี ทั้งสามข้อเรียกร้องดูจะเป็นข้อเรียกร้องที่ไม่มากเกินไปเพราะเป็นสิ่งที่ทางโรงเรียนควรมีอยู่แล้วเพื่อความปลอดภัยของเด็ก รวมถึงคุณภาพของเด็กนักเรียนหลังจากเรียนจบจากที่โรงเรียน               จาก 3 ข้อเรียกร้องจากผู้ปกครอง เด็กที่โดนทำร้าย ถึงผู้บริหารโรงเรียนสารสาสน์ เนื่องจากข้อเรียกร้องนี้เพิ่งยิงกับทางโรงเรียนได้ไม่นานก็ต้องดูกันต่อไปว่าทางโรงเรียนในเครือสารสาสน์ทั้งหมดจะมีมาตรการใดออกมารองรับเพื่อป้องกันปัญหาความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้อีกหากคุณครูไม่มีคุณภาพ และการตรวจตราของทางโรงเรียนไม่แน่นพอ เหล่าผู้ปกครองยังย้ำอีกด้วยว่าเด็กไม่ใช่ที่ระบายความรุนแรงของใคร ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรก็ไม่ควรเอามาลงกับเด็กที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ผู้ปกครองของเด็กแต่ละคนก็คอยเลี้ยงดูลูกให้ดีที่สุด บางคนยังไม่เคยตีลูกของตัวเองเลยด้วยซ้ำกลับต้องมาเจอความรุนแรงที่โรงเรียนแทน เด็กเล็กที่ไม่สามารถเรียกร้องสิทธิของตัวเองได้เพราะไม่รู้ความแต่ความทรงจำที่ถูกครูทำร้ายจะเป็นบาดแผลภายในใจตลอดไปได้ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและสำคัญต่อพัฒนาการทางด้านบุคลิกและความสนใจในการเรียนของเด็กอย่างมากจึงควรใส่ใจดูแลเป็นพิเศษ ติดตามบทความ การศีกษาไทย เคล็ดลับการสอบ เคล็ดลับการอ่านหนังสือ ข่าวการศึกษา ได้ที่นี้ ข่าวเด่น คุรุสภาเอาจริง…