การสอบ

การวางแผนที่ดี ทำให้การใช้ชีวิต มีประสิทธิภาพ มีชัยไปกว่าครึ่ง

การวางแผนที่ดี ทำให้การใช้ชีวิต มีประสิทธิภาพ มีชัยไปกว่าครึ่ง

หลายครั้งที่เรามักจะลืมนัด ทำงานไม่สำเร็จตามเป้าหมาย ทำขั้นตอนบางอย่างหล่นไป สิ่งเหล่านี้จะเกิดเมื่อเราเป็นคนที่ไม่ชอบวางแผนในการทำสิ่งต่างๆ ซึ่งการวางแผนเป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์ที่มากมาย ไม่ว่าจะทำให้เรามีการจัดระเบียบในการทำงานหรือชีวิตประจำวันได้ดี การวางแผน เป็นสิ่งที่จะทำให้เราสามารถมีทักษะในการทำงานที่ดีมากขึ้น เมื่อเราสามารถวางแผนการทำงานเป็นขั้นเป็นตอนที่มีประสิทธิภาพจะทำให้เราได้งานที่มีคุณภาพ และลดขั้นตอนที่ไม่มีประสิทธิภาพได้ บทความนี้จึงจะบอกเล่าถึงข้อดีต่างๆของ การวางแผนที่ดี ดังนี้ การวางแผนที่ดี ทำให้การใช้ชีวิต มีคุณภาพ งานมีประสิทธิภาพ เมื่อเราวางแผนการทำงานที่ดี มีลำดับขั้นตอนชัดเจน ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้ผลงานจะมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพที่ดี เป็นคนมีระเบียบ การวางแผนนั้นจะต้องคำนึงถึงหลายปัจจัยด้วยกัน รวมถึงการวางแผนนั้นจะต้องมีการทำตารางงานหรือการทำขั้นตอนต่างๆที่อาจจะยุ่งยาก แต่เมื่อแผนที่เสร็จสิ้นออกมา จะช่วยทำงานได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ลดความผิดพลาด การวางแผนนั้นมีการคำนึงถึงสถานการณ์ ขั้นตอน ปัจจัยต่างๆมากมาย ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาในการวางแผนค่อนข้างนาน เพื่อที่จะป้องกันการผิดพลาดต่างๆที่จะเกิดขึ้นได้ ซึ่งเมื่อเราวางแผนดี จะช่วยลดความผิดพลาดได้ค่อนข้างเยอะมากๆ เป้าหมายชัดเจน การวางแผนที่ดี นั้นจะต้องมีจุดประสงค์ในการทำ ซึ่งเมื่อเรามีจุดประสงค์ในการทำบางสิ่งบางอย่าง เราก็จะวางแผนได้ดีมากยิ่งขึ้น เพราะจุดประสงค์ชัดเจนจะทำให้เราไปถึงเป้าหมายที่ชัดเจนมากขึ้นด้วย ยกตัวอย่างเช่น การวางแผนในการอ่านหนังสือ จะต้องมีระยะเวลา หัวข้อในการอ่าน จุดประสงค์ที่ชัดเจน อาจจะเป็นเพื่อสอบวัดความรู้หรือสอบเพื่อนเก็บคะแนน เป็นต้น  เพิ่มแรงจูงใจในการทำงาน เป็นสิ่งที่สำคัญในการทำงานให้แก่ทั้งเจ้านายและลูกน้อง เพราะเมื่อมีแผนจะทำให้เรามีเป้าหมายและระยะเวลาในการทำงานอย่างชัดเจน…

เตรียมตัวสอบไฟนอล อย่างไรให้ไม่ตาย และไม่ต้องอดนอน

เตรียมตัวสอบไฟนอล อย่างไรให้ไม่ตาย และไม่ต้องอดนอน

การสอบมิดเทอมพึ่งจะผ่านพ้นไป เชื่อว่าน้องๆ จำนวนไม่น้อยต้องอดหลับอดนอนสำหรับการอ่านหนังสือ ซึ่งหากทำบ่อยๆไม่น่าใช่เรื่องที่ดีต่อสุภาพในระยะยาวแน่นอน ฉะนั้นวันนี้จะมาแนะนำ เคล็ดลับ เตรียมตัวสอบไฟนอล อย่างไรให้ไม่ตาย และไม่ต้องอดนอน เคล็ดลับ เตรียมตัวสอบไฟนอล 1.เรียนจบทุกคาบ สรุปเนื้อหาทันที ใน 1 รายวิชา ในการเรียน 1  คาบ ย่อมมีเนื้อหาอัดแน่น น้องๆ หลายคนเมื่อจบคาบก็เก็บเลคเชอร์ไว้โดย ไม่ได้กลับมาเปิดอ่านอีก และสะสมแบบนี้ทุกอาทิตย์ มาเปิดอ่านและสรุปทีเดียวช่วงไฟนอล อีกทั้งถ้ามีหลายวิชาสอบติดกัน บอกได้เลยว่าน้อง ๆ ตายเรียบแน่นอน ฉะนั้นวิธีแก้ จบคาบเรียนสรุปเนื้อหาทันทีให้เสร็จในวันนั้น หรือทำในช่วงวันหยุด ให้อ่านแล้วกระชับแต่เข้าใจรายละเอียดที่สุด เมื่อถึงไฟนอลน้องๆ จะได้ไม่ต้องอ่านหนังสือย้อนหลังหนักเกินไป 2.วางแผนอ่านหนังสือล่วงหน้า ก่อนไฟนอล 1 เดือน ในช่วง 1 เดือนสุดท้าย ก่อนไฟนอล น้องๆ ต้อง เตรียมตัวสอบไฟนอล โดยการนำเนื้อหาที่เลคเชอร์ไว้มาอ่านอย่างละเอียด และอ่านสรุปที่ทำไว้ในทุกคาบมาอ่านประกอบด้วย ซึ่งการวางแผนล่วงหน้า 1…

เตรียมตัวสอบ อย่างไรถึงจะทำให้ได้คะแนน หรือผลการสอบดี

เตรียมตัวสอบ อย่างไร ถึงจะทำให้ได้คะแนน หรือผลการสอบดี

               การเตรียมตัวสอบ นั้นสำคัญต่อใครหลายๆคน ที่ไม่ใช่เฉพาะนักเรียนที่จะสอบในรายวิชานั้นๆ หรือนักเรียนม.6 ที่กำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย ยังรวมไปถึงผู้ใหญ่หลายคนอีกด้วย เช่น ผู้ที่จะสอบวัดความรู้เพื่อเข้าทำงานในบริษัท ผู้ที่จะสอบวัดความรู้ในงานของตนเองประจำปี ผู้ที่สอบแข่งขันบรรจุเข้ารับราชการ เป็นต้น ซึ่งบทความนี้จะบอกเล่าถึงเทคนิคในการ เตรียมตัวสอบ กัน มีดังนี้ เทคนิคเตรียมตัวสอบให้ได้คะแนนดี วางแผนในการเตรียมตัว เมื่อเราจะสอบจะมีหัวข้อในการสอบอยู่ เราจะต้องวางแผนในการ เตรียมตัวสอบ ก่อน โดยคำนึงถึงระยะเวลาที่มีอยู่ก่อนสอบ จำนวนหัวข้อในการสอบ คะแนนในแต่ละหัวข้อ เพื่อดูว่าหัวข้อใดมีคะแนนที่เยอะกว่า เราจะต้องทุ่มเทในหัวข้อนั้นๆมากกว่าหัวข้อ เมื่อเรามีระยะเวลาที่ไม่มากพอ เมื่อเราทราบปัจจัยต่างๆแล้ว เราก็ควรจะวางแผนให้เหมาะสม ไม่หนักเกินไปหรือน้อยเกินความจำเป็น เพื่อที่จะให้ผลคะแนนออกมาดี ทีมอ่านหนังสือวนไป มีคนหลายประเภทที่เลือกจะอ่านหนังสือซ้ำๆวนไป จนกว่าจะถึงเวลาสอบ โดยจากการวางแผน เราจะรู้ว่าเรามีเวลาขนาดไหน และสามารถอ่านหนังสือซ้ำได้ถึงกี่รอบ ซึ่งการเตรียมตัวแบบนี้จะช่วยทำให้เราจำถึงรายละเอียดต่างๆได้แม่นยำ ทีม Short Note จากการที่เราเรียนหรืออ่านหนังสือ เราจะสรุปในส่วนสำคัญต่างๆ มาทำเป็นสรุปสั้นๆ เพื่อสะดวกในการจำและรู้ถึง Keyword ในแต่ละเรื่องแต่ละหัวข้อ ยิ่งถ้าหากเรามีการลำดับเนื้อหาได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย จะช่วยทำให้เรามีทักษะในการจัดการ…

ความสำคัญของ “เกรดเฉลี่ย” สามารถใช้วัดอะไรได้บ้าง ?

ความสำคัญของ “เกรดเฉลี่ย” สามารถใช้วัดอะไรได้บ้าง ?

ในการเรียนนั้น จะมีการทดสอบความรู้จากการที่เราเรียนไปทั้งหมด โดยการสอบเพื่อเก็บคะแนน จากนั้นจะนำคะแนนในแต่ละวิชามาคิดเป็น เกรดเฉลี่ย จะมีตั้งแต่ 0.00 จนถึง 4.00 ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนมักจะใช้ในการตัดสินความเก่งหรือไม่เก่งของผู้อื่น หรือพ่อแม่หลายคนมักจะกดดันเด็กๆให้มีเกรดเฉลี่ยที่สูง ให้ทั้งเรียนพิเศษหรือกวดวิชาต่อจากการเรียนที่โรงเรียน ซึ่งในความเป็นจริงจะต้องเป็นเวลาพักของเด็กๆ สิ่งนี้จะทำให้เด็กๆรู้สึกเครียด กดดัน ไม่มีความสุขในการเรียน อาจจะนำไปสู่การหนีเรียนหรือไม่อยากเรียนหนังสืออีกต่อไปได้ ซึ่งในความเป็นจริงเกรดเฉลี่ยไม่ใช่ทั้งหมดของสิ่งที่บอกว่า คุณเก่งหรือไม่เก่ง แต่เป็นประสบการณ์ การใช้ชีวิตในอนาคต เป็นต้น เกรดเฉลี่ยสำคัญอย่างไร ? ผู้ใหญ่หลายคน รวมถึงในบริษัทบางบริษัทมักจะตั้งความหวังไว้ที่ เกรดเฉลี่ย ของเด็กๆว่าเกรดยิ่งสูง หมายความว่าเด็กคนนี้ยิ่งเก่ง แต่ลองกลับมุมมองดูว่า คนที่เกรดสูง เขาสามารถนำความรู้ที่เขามีไปใช้ได้หรือเปล่า? นำไปใช้ในชีวิตจริงได้หรือไม่? เขามีทักษะอื่นๆอีกหรือเปล่า? คนที่มีเกรดเฉลี่ยสูงบางคนอาจจะใช้ความรู้ไปประยุกต์ใช้ในอาชีพหรือการใช้ชีวิตไม่ได้เลย ไม่มีทักษะอื่นๆเลยก็อาจจะเป็นได้ บางคนที่มีเกรดเฉลี่ยที่ไม่ได้สูง แต่ลองมองมุมอื่นพวกเขาอาจจะเคยทำกิจกรรมมามากมายนับไม่ถ้วนก็ว่าได้ ดังนั้นเกรดเฉลี่ยไม่สามารถบอกถึงความเก่งได้อย่างเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ใช่ว่าเกรดเฉลี่ยจะไม่มีความหมายใดๆเลย แต่เกรดเฉลี่ยอาจจะบอกได้ถึงความขยัน ความถนัดในรายวิชานั้นๆ หรือความตั้งใจได้ในระดับหนึ่ง ดังนั้นไม่ว่าจะสำคัญมากขนาดไหน เราก็ต้องทำทุกอย่างในเต็มที่ เพื่อที่จะไม่ได้มานั่งเสียใจในภายหลังถ้าหากเกรดเฉลี่ยสำคัญในบริษัทที่เขาให้ความสำคัญต่อ เกรดเฉลี่ย ทั้งนี้จึงอยากให้ลองเปลี่ยนความคิดดูใหม่เกี่ยวกับเกรดเฉลี่ย เพื่อให้เด็กไม่เพียงแต่เลือกแค่การเรียนเพียงเท่านั้น แต่ให้เด็กๆสามารถทำกิจกรรมอื่นๆร่วมด้วย…

การเตรียมตัวสอบ ทบทวนความรู้ เพื่อผลคะแนนในการสอบที่ดี

การเตรียมตัวสอบ ทบทวนความรู้ เพื่อผลคะแนนในการสอบที่ดี ต้องทำอย่างไร

               ในการสอบ ก็คือการวัดความรู้ ความเข้าใจของบุคคล ซึ่งการสอบนั้นอาจจะกระทำก่อนหรือหลังจากการสอนหรือมีความรู้ก็ได้ โดยการสอบก่อนเรียนจะช่วยทำให้เราทราบถึงพื้นฐานในความรู้ของเรื่องนั้นๆ และเมื่อเราผ่านการรับความรู้ต่างๆหรือได้รับการสอน การอ่านหนังสือต่างๆ การสอบหลังจากมีความรู้เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะจะสามารถวัดความรู้ ความเข้าใจของเราได้ แต่การที่เราจะสอบหลังจากมีความรู้นั้น มีหลายวิธีด้วยที่จะช่วยให้เราทำการทดสอบแล้วได้คะแนนที่ดี หลายคนมักจะอ่านหนังสือทวนอีกรอบ เพื่อทำความเข้าใจด้วยตนเองอีกครั้งก่อนสอบ หรือบางคนเลือกที่จะจดโน้ตสั้น เพื่อกลับมาทบทวนอีกครั้งหนึ่งก่อนที่จะสอบ ซึ่งในแต่ละคนก็จะมีเทคนิคของตัวเองใน การเตรียมตัวสอบ แต่สำหรับบางคนนั้น การเตรียมตัวสอบนั้นไม่จำเป็นเลยด้วยความที่พวกเขาอาจจะเรียนรู้อย่างเต็มที่ ในขณะที่เรียนหรืออ่านหนังสือ ทำให้พวกเขามีความรู้อย่างแน่นและเต็มอยู่แล้ว การเตรียมตัวสอบที่ดีต้องทำอย่างไร                การเตรียมตัวสอบ จะช่วยทำให้เรามีผลคะแนนที่ดีและสามารถรู้ถึงความรู้ ความสามารถของตนเองได้อีกด้วย ยกตัวย่างเช่น การเรียนการสอนของโรงเรียนในมัธยมแตกต่างจากการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยเป็นอย่างมาก ทำให้เด็กๆที่สอบเข้ามาในมหาวิทยาลัยในชั้นปีที่ 1 มักจะต้องตกใจหรือจะต้องปรับตัวกันยกใหญ่ รวมไปถึงการสอบในมหาวิทยาลัยที่ค่อนข้างจะยากและเข้มข้นมากๆ ทำให้ใครหลายคนมักจะเสียใจหรือมีน้ำตากับผลการสอบครั้งแรกในชีวิตมหาวิทยาลัย ทั้งนี้สิ่งที่จะช่วยได้ก็คือ เราจะต้องรู้ถึงความถนัดใน การเตรียมตัวสอบ ของตนเองก่อน ไม่ว่าจะอ่านหนังสือซ้ำๆวนๆไป หรือจดโน้ตสั้นเพื่อช่วยจำ Keyword มากขึ้น หรืออาจจะทำทั้งสองอย่าง เพื่อจะช่วยทำให้เราได้เข้าใจในความรู้นั้นมากขึ้น เราก็ควรที่จะลองหาวิธีที่เหมาะกับตัวเอง เพื่อที่ในการสอบครั้งถัดไป จะสามารถทำคะแนนให้ได้ดีมากกว่าเดิม และเมื่อผลการสอบดี ทำให้เรารู้สึกสบายใจ…

รู้เรื่อง การศึกษาไทย 4.0 ว่าจะมีทิศทางแนวโน้ม ในทิศทางที่ดีหรือถอยหลัง

รู้เรื่อง การศึกษาไทย 4.0 ว่าจะมีทิศทางแนวโน้ม ในทิศทางที่ดีหรือถอยหลัง

               เป็นคำถามของหลายๆคนว่า การศึกษาไทย 4.0 จะเดินไปในทิศทางใด จะลดลงหรือด้อยคุณภาพ มันเกิดอะไรขึ้นในยุคนี้ ที่เราควรจะต้องรู้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาของครูที่สอนแบบไม่ครบสาระวิชา ความรู้อาจจะมีความล้าสมัยอย่างรวดเร็ว และไม่มีประโยชน์ ส่วนหลายคนที่ต้องการรู้ว่าประเทศไทย มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดนั้นจะทำอย่างไร จะต้องทำอะไรที่ถูกต้องตลอดระยะเวลาในศตวรรษที่ 20 การศึกษานั้น เป็นเรื่องน่าเศร้าเพราะโลกของนอกโรงเรียนที่เปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างรวดเร็ว โลกแห่งความคุ้นเคยจากความเชี่ยวชาญในระบบการศึกษา อาจจะใช้ไม่ได้ ต้องอาศัยทักษะแห่งโลกอนาคต การเตรียมหลักสูตรอย่างเดียวคงไม่พอแน่สำหรับนักเรียนนักศึกษาในยุคอนาคต ทิศทางการศึกษาไทย 4.0 ในยุคปัจจุบัน                หลายคนบอกว่าการศึกษาของไทยในบ้านเรา ค่อนข้างจะเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน มีการแบ่งสังคมมากกว่าแบ่งเรื่องของความถนัดของเด็ก ปัจจุบันก็จะเห็นว่าอาชีพมากมายมากกว่าครึ่ง ไม่ได้มีการเรียนอยู่ในหนังสือ ทำให้มองเห็นว่าในอนาคตข้างหน้าเด็ก ก็จะเรียนรู้ได้เอง ซึ่งโลกได้เปลี่ยนไปหมดแล้ว การเรียนรู้ของเด็กก็จะเปลี่ยนไปด้วยเช่นเดียวกัน                ส่วนคำถามคือพ่อแม่จะต้องปรับตัวอย่างไรใน การศึกษาของไทยสิ่งที่ชัดเจนที่สุดก็คือควรจะเปิดประตูให้พวกเขาได้สัมผัสและได้ก้าวเข้าสู่โลกอนาคต ซึ่งถึงเวลาแล้วที่พ่อแม่ไม่ควรปิดกั้นลูกของตนเอง และพยายามให้เด็กๆได้เรียนรู้เพื่อเตรียมความพร้อมกับการตัดสินใจของตนเอง                จากสถิติ การศึกษาไทย 4.0 ในปัจจุบัน ที่นักวิจัยบอกว่าเป็นความล้าหลัง โดยพบว่านักเรียนทั้งหมด 175,000 คน เฉพาะในกรุงเทพฯมีนักเรียนทั้งหมด 23,000…

ความรู้รอบตัว วิชาที่ได้ใช้จริง

ความรู้รอบตัว เป็นพื้นฐานของการเรียนรู้ เป็นเหมือนวิชาที่ได้นำมาใช้ในชีวิตจริง

               หากพ่อแม่เป็นสื่อกลางให้การส่งเสริมความรู้รอบตัวให้กับลูกของเรา ก็จะทำให้โลกกว้างของการเรียนรู้นั่นเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น จนนำพาไปสู้พื้นฐานของการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา และทำให้เด็กเปิดรับสิ่งที่แปลกใหม่อยู่เสมอ เพราะ ความรู้รอบตัว ก็เหมือนวิชาที่ได้นำมาใช้ในชีวิตจริงเลย แล้วมันจะทำให้มุมมองของเด็กมีวิสัยทัศน์ก้าวไกลในภายภาคหน้าได้อีกโดย ความรู้รอบตัวการเรียนรู้แบบไม่มีวันจบสิ้น                ซึ่งความรู้รอบตัวก็ไม่มีการจำกัดความ สามารถที่จะเรียนรู้ได้ตอลดเวลาแบบไม่มีวันจบสิ้น เหมือนเป็นการต่อยอดให้เขาได้เข้าใจบนโลกกว้างใบนี้มากขึ้น และในบางครั้ง ความรู้รอบตัว ก็ไม่สามารถที่จะหาจากห้องเรียนได้ อีกทั้งไม่เหมือนกับพวกวิชาการทั่วไป เพราะความรู้รอบตัวสามารเรียนรู้ได้จากสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัวของเราเอง ไม่ว่าจะเป็น สิ่งของ เครื่องใช้ อุปกรณ์บริโภคอุปโภค หรือแม้แต่ธรรมชาติที่อยู่ใกล้ ๆ ล้วนนำมาประยุกต์เพื่อเป็นสื่อการเรียนการสอนได้                อย่างความรู้รอบตัวที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ เวลา อาหาร ยารักษาโรค เครื่องยนต์พาหะนะ เชื้อชาติ รวมไปถึงวิถีการดำเนินชีวิตต่าง ๆ ก็สามารถหยิกยกนำมาสอนพวกเขาได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้สื่อการเรียนการสอนในห้องเรียนเลย เพียงเท่านี้พวกเขาก็สนุกการเรียนรู้พร้อมเปิดโลกกว้างพร้อมกับพวกเราแล้ว เหมือนคำที่ว่าครูคนแรกของลูกก็คือพ่อและแม่นั่นเอง                โดยความรู้รอบตัวก็ยังมีมากมายจากนอกบ้านของเรา ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เด็ก ๆ ได้ไปเรียนรู้กัน เพียงแต่ว่าสถานที่พวกนี้พ่อและแม่หรือผู้ปกครองต้องมีใจร่วมด้วย…

ระบบการศึกษาของมาเลเซีย เป็นอย่างไร มีความน่าสนใจ อย่างไรบ้าง

เจาะลึก ระบบการศึกษาของมาเลเซีย ว่าเป็นอย่างไร มีความน่าสนใจ อย่างไรบ้าง

          ประเทศมาเลเซีย บ้านใกล้เรือนเคียงของประเทศไทย ซึ่งน้อยคนนักที่จะรู้ถึงระบบการศึกษาของประเทศนี้ ที่จัดได้ว่ามีมาตรฐานในระดับนานาชาติพอตัว สามารถสร้างประชากรที่มีคุณภาพมากมาย ซึ่งในวันนี้เราจะมา เจาะลึก ระบบการศึกษาของมาเลเซีย ว่ามีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ทำความรู้จักแบบเจาะลึกถึงระบบการศึกษาของมาเลเซีย           ระบบการศึกษาของมาเลเซีย ในระดับชั้นประถมมีความคล้ายคลึงกับไทย ขณะที่ระดับชั้นมัธยมมีความแตกต่างเล็กน้อย คือเรียน 5 ปี และอีก 1 ปี จะเป็นปีแห่งการเรียนรู้เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งหลักสูตรเตรียมความพร้อม 1 ปี นี้ จะช่วยให้เด็กมั่นใจกับสิ่งที่ตนจะเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย อีกทั้งช่วยลดโอกาสเด็กซิ่วได้              ระบบการศึกษาของมาเลเซีย ในระดับชั้นประถมและมัธยม ผู้ปกครองจะมีวัฒนธรรมส่งบุตรหลานเข้าโรงเรียนตามกลุ่มชาติพันธุ์ของครอบครัว เพื่อให้ทายาทได้ศึกษาองค์ความรู้ของชาติพันธุ์แม่ ทั้งวัฒนธรรมและภาษา แต่ถึงกระนั้นโรงเรียนทุกกลุ่มชาติพันธุ์จะต้องมีสอนภาษาภาคบังคับจากรัฐบาล คือ ภาษามลายูและภาษาอังกฤษ ทำให้เด็กอินเดียและจีน ได้เปรียบกว่าเด็กมลายู เพราะเด็กทั้งสองกลุ่มชาติพันธุ์ ได้เรียนรู้ภาษาแม่กับภาษามลายูและอังกฤษ รวมเป็นสามภาษา ขณะที่เด็กมลายูจะได้เพียง สองภาษา คือ มลายูและอังกฤษแต่อย่างไรก็ตามในระดับมหาวิทยาลัยเด็กทุกชาติพันธุ์ ทั้งมลายู จีน และอินเดีย…

เคล็ดลับ ติวสอบเข้า ป.1 อย่างไร ไม่ให้ลูกเครียดจนเกินไป

               การติวสอบเข้า ป.1 ในสมัยนี้ก็เหมือนเป็นการแข่งขันวัดความสามารถ วัดความรู้ของบุตรหลานของเรา เพื่อให้พวกเขาได้สอบเข้าในโรงเรียนที่พ่อแม่หวังไว้ เพราะการติวสอบเข้า ป.1 จะช่วยให้ลูกของเราได้มีพื้นฐานการเรียนที่ขึ้น อีกทั้งรวมไปถึงเวลาที่พวกเขาได้เข้าสนามสอบ จะได้มีความพร้อมและความมั่นใจในการทำข้อสอบนั่นเอง แต่จะทำอย่างไรให้การ ติวสอบเข้า ป. 1 ในครั้งนี้เหมือนเป็นเรื่องง่ายสำหรับลูก และไม่กดดันจนพวกเขาเครียดจนเกินไป เคล็ดลับดีๆกับการ ติวสอบเข้า ป.1แบบที่เด็กๆไม่เครียด                ซึ่งการเตรียมสอบเข้า ป. 1 หากจะทำให้ถูกทางและไม่ทำให้เด็กเครียดจนเกินไป ก็ควรเลือกแนวข้อสอบ หรือติววิชาที่จะไปสอบให้ตรงกับโรงเรียนที่เราได้เลือกไว้ เพราะเหมือนเป็นการจำกัดเฉพาะทางไปเลย ไม่ต้องลงเรียนหลายวิชาหรือด้านที่ไม่ได้ไปสอบอาจจะทำให้เยอะจนเกินไป อย่างถ้าจะไปสอบแนวสาธิต ก็ควรเลือกเรียน ติวสอบเข้า ป. 1 แนวสาธิตไปเลย ซึ่งทางด้านนี้เขาจะเน้นในเรื่องของเชาว์ปัญญาเป็นหลัก และส่วนใหญ่โรงเรียนติวทั้งหลายเขาจะนำแนวการสอบนั้นมาให้ลูกของเราได้เรียน                หรือพ่อแม่บางคนเลือกสายคาทอลิก ซึ่งด้านนี้มักจะเน้นไปทางด้านวิชาการเป็นหลัก เด็ก ๆ ต้องอ่านโจทย์และทำข้อสอบเอง รวมไปถึงการเขียนกระดาษคำตอบ และด้านนี้ก็ดูเหมือนจะยากกว่า แต่ถ้าเด็กได้รับการฝึกฝนทางด้านนี้โดยตรง รับรองว่าเมื่อไปลงสนามสอบจริง ๆ พวกเขาจะทำได้ดีเลยทีเดียว เพราะได้รับการปูพื้นฐานด้านนี้มาโดยตรง…

สิ่งที่น้อง ๆ ม.6 ต้องรู้ไว้เพื่อ เตรียมตัวเข้ารั้วมหาวิทยาลัย มีอะไรบ้าง ?

สิ่งที่น้อง ๆ ม.6 ต้องรู้ไว้เพื่อ เตรียมตัวเข้ารั้วมหาวิทยาลัย มีอะไรบ้าง

          การเรียนในระดับชั้นประถมศึกษา 6 ปี และมัธยมศึกษา 6 ปี แน่นอนว่ากรอบการเรียนรู้ย่อมแตกต่างกัน ยิ่งเลื่อนระดับชั้นมากเท่าใดก็ยิ่งหล่อหลอมให้ตัวน้อง ๆ เป็นผู้ใหญ่ที่มากขึ้น ขณะที่การก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยของน้อง ๆ ชั้น ม.6  อาจกล่าวได้ว่าเป็นก้าวใหญ่ครั้งสำคัญของน้อง ๆ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นน้อง ๆจะต้องพบอะไรบ้าง กับชีวิตการเรียนในชั้นมหาวิทยาลัย วันนี้พี่ในฐานะเด็ก59 จะเปิดประสบการณ์ตรงเพื่อให้น้อง ๆ ไว้เตรียมรับมือ สิ่งที่น้อง ๆ ม.6 ต้องรู้ไว้เพื่อ เตรียมตัวเข้ารั้วมหาวิทยาลัย มีอะไรบ้าง ? การเตรียมตัวเข้ารั้วมหาวิทยาลัยสำหรับเด็ก ม.6 มีอะไรบ้าง           สิ่งแรกที่ต้อง เตรียมตัวเข้ารั้วมหาวิทยาลัย คือ การจัดตารางชีวิตของตนเอง เพราะการเรียนมหาวิทยาลัยไม่มีการเข้าแถวตอนเช้า น้อง ๆ จะต้องมีระเบียบวินัยในตัวเองเพื่อพาตัวเองมาเข้าเรียนอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งการไม่มาเข้าชั้นเรียนในระดับมหาวิทยาลัยแม้ไม่มีรายงานให้ผู้ปกครองทราบ แต่หากมีการเช็คชั่วโมงเรียนแล้วขาดเกินเกณฑ์ น้อง ๆ ก็อาจจะต้องถอนรายวิชานั้นไป            สิ่งต่อมาที่ต้อง…