การสอบ

เทคนิคเพิ่มเกรด ด้วยการเลือก ช่องเก็บคะแนน ตั้งแต่ต้นเทอม

เทคนิคเพิ่มเกรด ด้วยการเลือก ช่องเก็บคะแนน ตั้งแต่ต้นเทอม

            เคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมเพื่อนร่วมชั้นที่ได้เกรดดีๆ หลายคน ถึงดูไม่ค่อยตึงเครียดเหมือนกับเราในช่วงเวลาสอบ ราวกับว่ามันเป็นเรื่องง่ายดายเหลือเกิน ขณะที่เราอยากจะเพิ่มเกรดให้ดีกว่าเดิม ก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือมากขึ้น ติวกับเพื่อนมากขึ้น อดหลับอดนอนมากขึ้น สุดท้ายคะแนนก็ไม่ทิ้งห่างจากที่เคย มิหนำซ้ำบางวิชายังคะแนนต่ำกว่ามาตรฐานของตัวเองไปอีก ถ้าทุ่มสุดตัวขนาดนี้แล้วยังไม่ได้ผล ก็คงต้องมี เทคนิคเพิ่มเกรด และมาวางแผนแบบที่เด็กเก่งเขาทำกันบ้างแล้วนะ แนะนำ เทคนิคเพิ่มเกรด ให้กับเด็กๆ ที่จริงจังกับการเรียน                จุดสำคัญที่มีเด็กไม่กี่คนทำอย่างจริงจังในการเพิ่มเกรดก็คือ เทคนิคเพิ่มเกรด ด้วยการให้น้ำหนักกับคอร์สเซเลบัส หรือแผนการเรียนตลอดทั้งเทอม ปกติแล้วครูจะแจกให้ในวันแรกของการเรียน เราจะได้รู้ว่ามีเนื้อหาเรื่องอะไรบ้าง จะแบ่งวิธีการเก็บคะแนนเป็นอย่างไร และนี่แหละคือเคล็ดลับที่ช่วยให้เราไม่ต้องทำงานหนักเกินไป เพียงแค่รู้จักวางแผนให้เหมาะสมกับเป้าหมาย แล้วก็ทำตามแผนนั้นอย่างเคร่งครัด                ตัวอย่างใน เทคนิคเพิ่มเกรด จากการวิเคราะห์คอร์สเซเลบัสก็คือ ให้ดูว่ามีการเก็บคะแนนยิบย่อยรายทางมากน้อยแค่ไหน คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ แล้วประเมินควบคู่ไปกับความยากง่ายของเนื้อหา เราจะเก็บได้มากแค่ไหน ตรงนี้ยิ่งได้มากก็จะผ่อนแรงตอนสอบไปเยอะ หลายคนได้เกรด 3 ก่อนถึงวันสอบด้วยซ้ำไป การสอบกลางภาคก็สำคัญ ต้องดูว่าเนื้อหาส่วนไหนจะออกสอบบ้าง เราก็ตั้งใจเรียนและทำความเข้าใจบทนั้นแต่เนิ่นๆ                อีกอย่างหนึ่งคือ ให้รู้ว่า เทคนิคเพิ่มเกรด…

การเรียนแบบ Homeschool เป็นการศึกษา การเรียนแบบไหน ?

การเรียนแบบ Homeschool เป็นการศึกษา การเรียนแบบไหน ?

               การเรียนแบบ Homeschool ถือเป็นการเรียนการสอนอย่างหนึ่ง ที่อยู่ในหลักสูตรของการศึกษาของไทย อีกทั้งทั่วโลกเองก็ได้มีการรับรองการเรีนยการสอนแบบ Homeschool นี้ด้วยเหมือนกัน โดยหลักสูตรแบบนี้สามารถที่จะเรียนที่ได้บ้านได้เลย และไม่ต้องเดินทางมาโรงเรียนทุกวัน นอกจจากนี้ในเรื่องของเนื้อหาการเรียนก็จะค่อนข้างแตกต่างกับหลักสูตรในโรงเรียนปกติ แต่เด็กที่เรียนหลักสูตรนี้ ก็สามารถไปสอบหรือเทียบโอนการเรียนเหมือนเด็กทั่วไปได้เลย แนวทาง หลักสูตร Homeschool                โดยหลักสูตรของ Homeschool ได้ถูกพัฒนามาจากการเรียนการสอนแบบบูรณาการณ์ ที่จะเน้นให้เด็กได้ใช้ทักษะในการลงมือทำด้วยตัวเอง และพร้อมที่เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว แต่ก็จะมีการเน้นการสอนในเรื่องของวิชาการเสริมเข้าไปด้วย เพื่อเด็กได้เรียนรู้ในตำราเรียนเหมือนกับเด็กที่ไปโรงเรียน โดยผู้ปกครองเองก็ต้องจัดตารางการเรียนการสอนในแต่ละวัน ให้เหมาะสมกับพวกเขา                ซึ่งการจัดการในการวางแผนการเรีนยแบบ Homeschool นี้ ผู้ปกครองจะต้องมีความรับผิดชอบเป็นอย่างมาก เพราะในแต่วันนอกจากจะมีการเรียนการสอนแบบวิชาการแล้ว ก็ต้องคอยจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบอื่น ๆ เสริมเข้าไปอีกด้วย เพราะไม่ใช่ว่าจะปล่อยปะละเลยได้ ซึ่งผู้ที่เรียนแบบHomeschool ก็ต้องผ่านการประเมิณหรือแบบทดสอบเหมือนกัน อีกทั้งนี้ในหนึ่งสัปดาห์ก็ต้องไปเรียนกับคุณครูด้วยเช่นกัน เพื่อติวเกี่ยวกับวิชาที่ทางกระทรวงเขาได้กำหนดมาให้                และการเรียนแบบ Homeschool คือการเรียนที่บ้าน ซึ่งใครหลายคนคิดว่าสบาย แต่ใช้ว่าใครก็จะเรียนหลักสูตรนี้ได้ เนื่องจากว่าหลักสูตรHomeschool จะเหมาะกับเด็กที่อาจจะมีปัญหา…

สร้างความสุข และประสบความสำเร็จ ในการเรียนรู้ด้วย PERMA Model

สร้างความสุข และประสบความสำเร็จ ในการเรียนรู้ด้วย PERMA Model

               การประสบความสำเร็จในด้านการเรียน ใช้เพียงแค่เทคนิคในการพัฒนาทักษะ พัฒนาสมอง และเคล็ดลับการเรียนต่างๆ จากรุ่นพี่และสถาบันติว มันไม่เพียงพอ จำเป็นต้องมีระดับความสุขที่เหมาะสมในทุกครั้งที่เกิดการเรียนรู้ด้วย ซึ่ง PERMA Model ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการสร้างความสุขที่น่าสนใจ สามารถปรับใช้ได้กับทุกเรื่องในชีวิต ไม่ได้เฉพาะเจาะจงกับการศึกษาของเด็กๆ เท่านั้น และจากสถิติที่ผ่านมา พบว่าผู้ที่ใช้แนวทางนี้มีค่าความสุขเพิ่มขึ้นในระยะเวลาอันสั้น ใจความหลักของ PERMA Model                หากสรุปใจความหลักของ PERMA Model ให้เข้าใจได้ง่าย มันก็คือการมองโลกในแง่ดี แล้วอาศัยองค์ประกอบแวดล้อมเข้ามาช่วยสนับสนุน คำว่า PERMA เป็นการรวมของอักษรที่มีความหมายเฉพาะตัว ได้แก่ ตัวอักษร P- Positive Emotion ตัวอักษร E- Engagement ตัวอักษร R- Relationships ตัวอักษร M- Meaning และสุดท้ายตัวอักษร A- Accomplishments เหมือนกับการแบ่งเป็นหมวดหมู่ 5 หมวด…

เคล็ดลับ ปรับสภาพร่างกาย และสมองเมื่อต้อง อดนอนก่อนสอบ

เคล็ดลับ ปรับสภาพร่างกาย และสมองเมื่อต้อง อดนอนก่อนสอบ

               คาดว่าน่าจะมีรุ่นพี่และเพื่อนๆ ที่เรียนเก่งหลายคน ให้แนวทางในการเตรียมสอบที่ยอดเยี่ยมเอาไว้แล้ว นั่นก็คืออย่าเร่งอ่านในช่วงสั้นๆ แต่ให้วางแผนการอ่านหนังสือสอบล่วงหน้าเป็นเดือน จะได้ทยอยอ่านและเก็บรายละเอียดได้แบบไม่หักโหมเกินไป พอเอาเข้าจริง หลายคนก็เลือกที่จะ อดนอนก่อนสอบ กันมากกว่าอ่านหนังสือล่วงหน้าอยู่ดี ส่วนหนึ่งก็เพราะมันมีกิจกรรมอย่างอื่นที่ดึงดูดความสนใจได้มากกว่า แล้วอีกส่วนหนึ่งก็กลัวจะลืมถ้าอ่านล่วงหน้านานเกินไป แต่ปัญหาคือ ได้อ่านหนังสือเต็มที่จริง แต่นอนไม่พอ เวลาสอบเลยคิดไม่ออก งั้นเราต้องมาหาตัวช่วยกันสักหน่อย ปรับสภาพร่างกายและสมอง จากการ อดนอนก่อนสอบ ดื่มน้ำเปล่าให้มากกว่าปกติ                ใครที่คิดว่า อดนอนก่อนสอบ แล้วจะต้องกินเครื่องดื่มชูกำลัง กาแฟ ชา หรืออะไรก็ตามที่น่าจะกระตุ้นระบบประสาทให้ตื่นตัวได้ บอกเลยว่าเป็นความคิดที่ผิดอย่างมาก การทำแบบนั้นมันจะช่วยให้รู้สึกดีแค่ช่วงสั้นๆ ไม่นานก็จะกลับสู่สภาพเดิม แถมหนักสมองมากกว่าเดิมอีกด้วย หันมาดื่มน้ำเปล่าให้มากขึ้นดีกว่า เพราะน้ำจะช่วยให้สมองมีพลังงานและมีสมาธิมากขึ้นได้ เลือกทานอาหารที่เพิ่มความสดชื่น                ยิ่งนอนน้อยก็ยิ่งต้องกิน แม้ว่าจะไม่รู้สึกหิวเลยก็ตามที ทุกครั้งที่ อดนอนก่อนสอบ ควรเลือกทานอาหารที่เพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย เช่น ผักอวบน้ำ ผลไม้รสอมเปรี้ยวอมหวาน ผลไม้ที่มีฉ่ำน้ำ เป็นต้น ตัวที่น่าสนใจที่สุดก็คือกลุ่มส้มและเบอร์รี่ นอกจากรสชาติอร่อยแล้วก็ยังกระตุ้นการหมุนเวียนเลือดในสมองได้ด้วย งีบหลับ…

ชีทสรุป ที่มีขายแบบออนไลน์ ช่วยเพิ่มเกรดได้จริงหรือไม่

ชีทสรุป ที่มีขายแบบออนไลน์ ช่วยเพิ่มเกรดได้จริงหรือไม่

            เคยหาซื้อสมุดขนาดพกพาเล่มสวย กับปากกาหลากสีสัน เพื่อมาจดสรุปเนื้อหาวิชาที่เรียนไปแล้วกันบ้างไหม บ้างก็เรียนไปจดไป บ้างก็เอาไปสรุปแบบให้มันน่าอ่านหลังเลิกเรียน สุดท้ายเราก็เอา ชีทสรุป เหล่านี้มาอ่านทบทวนก่อนสอบ และแน่นอนว่าจะมีเพื่อนบางคนมาขอยืมสรุปของเราไปถ่ายเอกสารเพื่ออ่านสอบด้วยเช่นกัน ใครที่เรียนเก่งๆ และจดประเด็นสำคัญของเนื้อหาได้ครบถ้วน ก็จะเป็นที่รักของเพื่อนๆ มากหน่อยในช่วงสอบนี้ ชีทสรุป ช่วยน้องๆ นักเรียน ได้จริงหรือ                และด้วยวงจรการทำ ชีทสรุป แบบนี้นี่เอง ที่ทำให้เกิดเป็นธุรกิจการเขียนสรุปเพื่อจำหน่ายให้เด็กนักเรียนโดยเฉพาะ เราจะเห็นว่ามีขายในสื่อโซเชียลค่อนข้างมาก ลักษณะของชีทก็จะทำไว้แบบแยกรายวิชา เน้นสีสันและรูปภาพน่ารักสดใส แล้วเนื้อหาก็ไม่ยืดเยื้อจนน่ารำคาญ เน้นให้เอาไปอ่านทำความเข้าใจได้ในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งก็ได้การตอบรับจากนักเรียนดีมากๆ เพราะหลายคนก็มองว่าเรียนในห้องไม่เข้าใจเลย เพื่อนก็ไม่มีใครเข้าใจ การได้รุ่นพี่ที่จบไปแล้วมาสรุปให้ก็น่าจะดีกว่า                คำถามก็คือว่า การซื้อ ชีทสรุป เหล่านี้มาใช้มันจะได้ประโยชน์จริงๆ หรือไม่ ทำไมคนที่ยืมสรุปของเพื่อนไปอ่านถึงได้คะแนนน้อยกว่าเพื่อนที่ทำสรุปเสมอกันหล่ะ มันก็เข้าทำนองเดียวกันคือ ถ้าเราเป็นคนตั้งใจเรียนในห้องอยู่แล้ว เข้าใจและจับประเด็นได้ เพียงแค่ขี้เกียจอ่านเนื้อหาหลายรอบ แถมไม่ชอบเขียนสรุป ชีทที่วางขายแบบนี้จะเป็นประโยชน์มากทีเดียว                ในทางกลับกัน หากเวลาเรียนก็ไม่ได้สนใจอะไรมากอยู่แล้ว คิดแค่ว่าเดี๋ยวอาศัยการอ่าน ชีทสรุป…

การปรับตัวครั้งใหญ่ กับ โรงเรียนในเขตนวัตกรรม นักเรียนควรทำอย่างไร

การปรับตัวครั้งใหญ่ ให้เข้ากับ โรงเรียนในเขตนวัตกรรม นักเรียนควรทำอย่างไร

               เคยได้ยินข่าวคราวของ โรงเรียนในเขตนวัตกรรม กันบ้างหรือไม่ นี่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงในวงการศึกษาที่น่าจับตามองอย่างมากทีเดียว เพราะหากระบบมีความเสถียรและลงตัวทุกช่องทางเรียบร้อยแล้ว มันจะลดความเหลื่อมล้ำของนักเรียนไปได้มาก แล้วก็จะเกิดความสร้างสรรค์ภายในโรงเรียนมากกว่าเดิมอีกด้วย ซึ่งในตอนนี้ก็จะมีเพียงแค่บางพื้นที่เท่านั้นที่อยู่ในโครงการ คาดว่าเป็นการทดลองเพื่อวัดประสิทธิภาพ ก่อนที่จะทำเป็นแผนการจริงจังเพื่อขยายไปสู่เขตอื่นๆ ทำความรู้จัก โรงเรียนในเขตนวัตกรรม                ต้นกำเนิดของ โรงเรียนในเขตนวัตกรรม เริ่มมาจาก โครงการสร้างพื้นที่ย่านนวัตกรรมของภาครัฐและเอกชน โดยจับเอาพื้นที่เศรษฐกิจที่มีแนวโน้มว่าจะทำกำไรให้กับประเทศได้ในด้านในด้านหนึ่ง มาพัฒนาต่อยอดให้มีความสามารถในด้านนวัตกรรม เข้าถึงเทคโนโลยีได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างของพื้นที่เหล่านี้ได้แก่ เชียงใหม่ ของแก่น ระยอง ชลบุรี เป็นต้น พอกลายเป็นพื้นที่นวัตกรรมแล้ว การศึกษาในย่านนั้นก็ต้องพัฒนาในสอดคล้องกันไปด้วย งานนี้โรงเรียนเลยต้องปรับตัวกันยกใหญ่ ไม่เว้นว่าจะเป็นโรงเรียนขนาดไหน                ทางโรงเรียนจะต้องจัดหลักสูตรให้เอื้อต่อการเรียนรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมของนักเรียน อย่างน้อยต้องมีคอมพิวเตอร์ให้นักเรียนได้ใช้กัน โรงเรียนในเขตนวัตกรรม ที่เป็นโรงเรียนประจำอำเภอ หรือโรงเรียนประจำจังหวัด ก็จะไม่ค่อยมีปัญหาในเรื่องนี้เท่าไร เนื่องจากมีทุนสนับสนุนอยู่แล้ว แต่ในโรงเรียนที่ค่อนข้างห่างไกล บางแห่งก็ยังต้องรอรับอุปกรณ์ต่างๆ ที่โรงเรียนใหญ่โละทิ้งอยู่เลย ทำให้การเรียนรู้ของเด็กไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร แต่อย่างไรเสียการบังคับให้เกิดการเรียนรู้ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี                ทีนี้มันก็ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีอย่างเดียว โรงเรียนในเขตนวัตกรรม จะต้องมีโครงการให้เด็กๆ รู้จักใช้ประโยชน์จากนวัตกรรม โดยให้มีความสอดคล้องกับท้องถิ่นด้วย…

เรียนออนไลน์ การศึกษาในอนาคต

เรียนออนไลน์ กับระบบการศึกษา ของเด็กไทยในอนาคต

            มีคนเคยกล่าวไว้ว่า เมื่อไรที่มีวิกฤติเข้ามา มันก็จะมีโอกาสใหม่ๆ เกิดขึ้นด้วยเสมอ เราได้เห็นภาพชัดของประโยคนี้ก็ตอนที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์โรคระบาดไวรัสโควิด-19 นี่เอง นักเรียนทั่วทั้งประเทศมีโอกาสได้ เรียนออนไลน์ โดยพร้อมเพรียงกัน แม้แต่โรงเรียนในเขตทุรกันดาร ที่ครูเองก็ยังไม่ได้เชี่ยวชาญระบบอินเตอร์เน็ตมากนัก ก็ถูกบังคับด้วยนโยบายฉุกเฉิน ที่ต้องให้นักเรียนได้เรียนรู้ต่อไปได้ ไม่ว่าภาวะโควิดจะเป็นไปในทางใดก็ตาม เรียนออนไลน์ การศึกษาในอนาคต                ในช่วงแรกของการ เรียนออนไลน์ บอกได้คำเดียวว่าวุ่นวายอย่างที่สุด โรงเรียนในเมืองก็นับว่ามีความพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงแบบนี้อยู่แล้ว แค่เสริมทุกอย่างให้เป็นระบบแบบเข้าที่เข้าทางก็ใช้งานได้ แถมหลายสถานศึกษาก็ให้นักเรียนเจออาจารย์พร้อมส่งงานแบบออนไลน์มาก่อนที่จะมีประกาศเสียอีก แต่พอออกมาต่างจังหวัดหน่อย ระบบก็ไม่พร้อม อุปกรณ์ก็ไม่พร้อม สะเทือนไปจนถึงพ่อแม่ผู้ปกครองก็ไม่พร้อมจ่ายเงินค่าอุปกรณ์เสริมให้ลูกๆ ด้วยเหมือนกัน                มันจึงเกิดเสียงแตกเป็นหลายกระแส ฝ่ายที่พร้อมกับการ เรียนออนไลน์ ก็มองว่าทันสมัยและสะดวกดี ฝ่ายที่ไม่พร้อมก็บ่นกันหนาหูว่าแนวคิดนี้สร้างภาระให้มาก จนท้ายที่สุดก็เหมือนว่าโครงการนี้จะไม่เป็นเอกฉันท์ ใครทำได้ก็ทำ ใครทำไม่ไหวก็ต้องชะลอการเล่าเรียนออกไป อย่างไรก็ตาม ถ้ามองอย่างเป็นกลาง ระบบการเรียนสมัยใหม่ก็ควรปรับเป็นออนไลน์ได้แล้ว ค่อยๆ เปลี่ยนก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเสียเลย                เพราะการ เรียนออนไลน์ จะช่วยให้เด็กๆ จัดตารางชีวิตของตัวเองได้ดีกว่า ยืดหยุ่นเวลาได้มากขึ้น แถมยังประหยัดงบประมาณในส่วนอื่นไปได้อีกมาก…

การสอบที่อังกฤษ ในปีหน้า จะล่าช้าออก ไปสามสัปดาห์ เพื่อให้มีเวลาสอนเพิ่ม

การสอบที่อังกฤษ ในปีหน้า จะล่าช้าออก ไปสามสัปดาห์ เพื่อให้มีเวลาสอนเพิ่ม

การสอบที่อังกฤษ ในปีหน้ากำลังจะดำเนินต่อไป แต่ส่วนใหญ่จะเลื่อนออกไปเป็นเวลาสามสัปดาห์เพื่อให้โรงเรียนมีเวลาสอนเพิ่มขึ้นรัฐบาลกล่าว เกวิน วิลเลี่ยมสัน เลขาธิการด้านการศึกษายืนยันว่า GCSEs และ A-levels จะจัดขึ้นในช่วงฤดูร้อนโดยมีการปรับหลักสูตรเล็กน้อยที่กำหนดโดยหน่วยงานควบคุมคุณสมบัติ Ofqual แจ้งความล่าช้าของ การสอบที่อังกฤษ เขากล่าวว่า การสอบที่อังกฤษ นี้เป็นวิธีที่ยุติธรรมที่สุดในการดำเนินการสำหรับนักเรียนที่การศึกษาหยุดชะงักไปแล้ว แต่อาจารย์ใหญ่และสหภาพแรงงานปฏิเสธการประกาศว่า “โหดร้าย” และ “ไม่เพียงพอ” และกล่าวว่าการวางแผนฉุกเฉินเพื่อหยุดชะงักต่อไปนั้นสายเกินไปเจฟฟ์ บาร์ตัน เลขาธิการทั่วไปของสมาคมผู้นำโรงเรียนและวิทยาลัยกล่าวว่า เรารู้สึกผิดหวังกับการประกาศครั้งนี้ รัฐบาลต้องใช้เวลาชั่วนิรันดร์ในการตอบสนองที่ไม่เพียงพอต่อขนาดของความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้าสำหรับนักเรียนที่กำลังสอบ GCSEs และ A-level ในปีหน้า เขากล่าวเสริมว่า: การชะลอ การสอบที่อังกฤษ ภายในสามสัปดาห์เป็นประโยชน์เล็กน้อยเมื่อเทียบกับการสูญเสียการเรียนรู้จากประเทศต้องหยุดชะงัก ดร. แมรี่ บูสเตด เลขาธิการร่วมของสหภาพการศึกษาแห่งชาติกล่าวว่า นี่เป็นเรื่องที่โหดร้าย การประกาศในวันนี้เป็นการละทิ้งหน้าที่ของรัฐบาลต่อนักเรียนผู้ปกครองและผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา ครูใหญ่เรียกร้องให้นักเรียนเลือกหัวข้อในการสอบมากขึ้นโดยคำนึงถึงความจริงที่ว่าพวกเขาจะไม่สามารถครอบคลุมหลักสูตรทั้งหมดได้ พวกเขายังแนะนำให้นักเรียนนั่งสอบน้อยลงในแต่ละวิชา อย่างไรก็ตามคนวงในกล่าวว่ารัฐบาลยืนยันว่าการสอบจะต้องเข้มงวดและไม่ควรมีการ“ ลดทอน” หรือเจาะลึกเพื่อกดดันจากภายในภาคส่วนให้มีการทบทวนระบบการประเมินอย่างเต็มรูปแบบหลังจากผลการประเมินในปีนี้ล่มสลาย ชุดการสอบภาคฤดูร้อนจะเริ่มในวันที่ 7 มิถุนายน 2021 และสิ้นสุดในวันที่ 2…

ปัญหาระบบการศึกษาของไทย ที่ผู้เรียนยังคงได้รับผลกระทบ

ปัญหาระบบการศึกษาของไทย ที่ผู้เรียนในปัจจุบัน ยังคงได้รับผลกระทบ

               ปัญหาระบบการศึกษาของไทย เกิดขึ้นตั้งแต่เด็กวัยเข้าโรงเรียนจนกระทั่งวัยเข้ามหาวิทยาลัย มีการเปลี่ยนแปลงระบบหลายครั้ง การเปลี่ยนแต่ละครั้งเป็นการเปลี่ยนเพื่อแก้ปัญหาเดิม เช่น สถานที่สอบมีการจัดสอบหลายสถานที่ หลายจังหวัด ผู้เรียนในชนบทบางคนต้องเดินทางเข้ามาสอบใน กทม. ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างผู้เรียนในชนบทและผู้เรียนในเมือง มีผู้เรียนบางคนยังไม่มีสถานที่เข้าเรียน รวมทั้งโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยบางแห่งเปิดรับผู้เรียนไม่เต็มจำนวนตามที่ตั้งเป้าไว้ ปัญหาระบบการศึกษาของไทย ที่รอการแก้ไข                ปัจจุบันมีการสำรวจพบว่า ปัญหาระบบการศึกษาของไทย จากปีก่อนๆ พบผู้เรียนประมาณ 30% ที่เรียนไปแล้วสักระยะ มีการเปลี่ยนคณะเรียนและสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ ซึ่งนั้นทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า เพราะเหตุใดผู้เรียนถึงทำเช่นนั้น และมีคำถามอื่นๆ ตามมาอีกว่า ควรมีการกลับมาใช้ระบบเอนทรานซ์หรือไม่และสถาบันกวดวิชาตามสถานที่ต่างๆ ยังมีความจำเป็นอยู่หรือไม่ ซึ่งการตั้งคำถามเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า ระบบที่ใช้อยู่นั้นอาจจะยังไม่เสถียรมากพอสำหรับผู้เรียนบางคนที่ได้รับผลกระทบ                ในสังคมไทยพบปัญหาที่ใช้วิธีนำคะแนนสอบมาคัดกรองเพื่อหาผู้ที่เรียนเก่ง มีการใช้แฟ้มสะสมผลงานเพื่อช่วยในการเข้าเรียน ซึ่งการใช้แฟ้มสะสมผลงานนั้นมีจุดประสงค์อยู่ 2 แบบ คือ 1.เพื่อให้ผู้เรียนได้เข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง และ 2.เพื่อให้ผู้เรียนได้เข้าเรียนในสายวิชาที่ต้องการเรียน รวมทั้งการใช้โควตาในการสอบภาคข้อเขียนและภาคปฏิบัติ วิธีการทำเช่นนี้เป็นวิธีที่ผู้เรียนไม่อาจตอบโจทย์ได้ว่าตนเองต้องการสิ่งใด เก่งในด้านไหน หรือสามารถนำความรู้ที่ได้จากการเรียนไปประกอบอาชีพในอนาคตได้อย่างไร                ปัญหาระบบการศึกษาของไทย เป็นปัญหาที่สร้างความยุ่งยากให้กับผู้เรียนทุกชั้นวัย ซึ่งทางออกในการแก้ปัญหา คือ…

เคล็ดลับ การเตรียมตัวสอบที่ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง และมีดีกว่าที่คิด

เคล็ดลับ การเตรียมตัวสอบที่ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง และมีดีกว่าที่คิด

เชื่อว่าทุกคนต้องเคยเจอความรู้สึกแย่ เมื่อผลสอบที่เราตั้งใจไว้ออกมาไม่ตามที่เราคาดหวังไว้หรือออกมาไม่ดีพอ ซึ่งสิ่งเหล่านั้นเกิดจากการที่เราเตรียมตัวในการสอบไม่ดีมากพอหรือไม่ดีเท่าที่ควร เคยไหมที่เมื่อไม่ใกล้เวลาสอบ เราก็ไม่ยอมอ่านหนังสือหรือไม่วางแผนเตรียมตัวสอบสักที? เคยไหมที่เวลาอ่านหนังสือก็มักจะเล่นเกมส์หรือเล่นมือถือ? เชื่อได้เลยว่าใครหลายๆคนจะเป็นแบบนี้ ผลที่ตามมาก็จะทำให้เรารู้สึกไม่ดี รู้สึกแย่ต่อผลคะแนนสอบ บทความนี้จึงจะเป็นเหมือนแรงจูงใจใน การเตรียมตัวสอบที่ดี ว่าจะมีผลดีมากแค่ไหนกัน ดังนี้ แนะนำ เคล็ดลับ การเตรียมตัวสอบที่ดี เตรียมตัวดีผลสอบก็ย่อมดี เมื่อเรามี การเตรียมตัวสอบที่ดี มีการวางแผนที่ดี ก็ย่อมทำให้เรามีความรู้หรือหัวข้อที่จะสอบที่แน่นและเต็มที่ เมื่อเราทำการทดสอบเราจะทำมันออกมาได้ดี และสิ่งที่ตามมาก็คือผลคะแนนที่ดีและทำให้เรารู้สึกภูมิใจ ดีใจ คะแนนที่ดี การเตรียมตัวที่ดีนั้น จะทำให้เราทำข้อสอบได้และไม่รู้สึกกดดัน หรือวิตกกังวลในขณะที่สอบ เพราะถ้าเตรียมตัวมาไม่ดีพอ จะทำข้อสอบไม่ได้ ลองคิดดูว่าถ้าทำไม่ได้ตั้งแต่ข้อแรกๆ เราจะรู้สึกกังวล และมีคำถามอยู่ในหัวตลอดเวลา อาจจะทำข้ออื่นไมได้  มีเวลาในการพักผ่อนเยอะ เมื่อเรามี การเตรียมตัวสอบที่ดี และมีเวลาเหลือเฟือจากการเตรียมตัวที่ดีนั้นจะทำให้เรามีเวลาในการพักผ่อนหย่อนใจก่อนสอบ สิ่งนี้จะทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียดเยอะเกินไป ซึ่งถ้าหากเรามีเวลามากแต่เตรียมตัวไม่ดีพอ จะทำให้เรามีเวลาน้อยในการเตรียมตัว เมื่อเวลากระชั้นชิดยิ่งทำให้เราเครียดกว่าเดิม ซึ่งอาจจะทำให้เราทำการทดสอบได้ออกมาไม่ดีเท่าที่ควรได้ เพิ่มทักษะการวางแผน การเตรียมตัวสอบที่ดี นั้นทำให้เราได้รับประโยชน์หลายอย่าง อีกอย่างที่เห็นได้ชัดเจน คือ ทักษะของการวางแผน…