Month: December 2020

การเรียนแบบ Homeschool เป็นการศึกษา การเรียนแบบไหน ?

การเรียนแบบ Homeschool เป็นการศึกษา การเรียนแบบไหน ?

               การเรียนแบบ Homeschool ถือเป็นการเรียนการสอนอย่างหนึ่ง ที่อยู่ในหลักสูตรของการศึกษาของไทย อีกทั้งทั่วโลกเองก็ได้มีการรับรองการเรีนยการสอนแบบ Homeschool นี้ด้วยเหมือนกัน โดยหลักสูตรแบบนี้สามารถที่จะเรียนที่ได้บ้านได้เลย และไม่ต้องเดินทางมาโรงเรียนทุกวัน นอกจจากนี้ในเรื่องของเนื้อหาการเรียนก็จะค่อนข้างแตกต่างกับหลักสูตรในโรงเรียนปกติ แต่เด็กที่เรียนหลักสูตรนี้ ก็สามารถไปสอบหรือเทียบโอนการเรียนเหมือนเด็กทั่วไปได้เลย แนวทาง หลักสูตร Homeschool                โดยหลักสูตรของ Homeschool ได้ถูกพัฒนามาจากการเรียนการสอนแบบบูรณาการณ์ ที่จะเน้นให้เด็กได้ใช้ทักษะในการลงมือทำด้วยตัวเอง และพร้อมที่เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว แต่ก็จะมีการเน้นการสอนในเรื่องของวิชาการเสริมเข้าไปด้วย เพื่อเด็กได้เรียนรู้ในตำราเรียนเหมือนกับเด็กที่ไปโรงเรียน โดยผู้ปกครองเองก็ต้องจัดตารางการเรียนการสอนในแต่ละวัน ให้เหมาะสมกับพวกเขา                ซึ่งการจัดการในการวางแผนการเรีนยแบบ Homeschool นี้ ผู้ปกครองจะต้องมีความรับผิดชอบเป็นอย่างมาก เพราะในแต่วันนอกจากจะมีการเรียนการสอนแบบวิชาการแล้ว ก็ต้องคอยจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบอื่น ๆ เสริมเข้าไปอีกด้วย เพราะไม่ใช่ว่าจะปล่อยปะละเลยได้ ซึ่งผู้ที่เรียนแบบHomeschool ก็ต้องผ่านการประเมิณหรือแบบทดสอบเหมือนกัน อีกทั้งนี้ในหนึ่งสัปดาห์ก็ต้องไปเรียนกับคุณครูด้วยเช่นกัน เพื่อติวเกี่ยวกับวิชาที่ทางกระทรวงเขาได้กำหนดมาให้                และการเรียนแบบ Homeschool คือการเรียนที่บ้าน ซึ่งใครหลายคนคิดว่าสบาย แต่ใช้ว่าใครก็จะเรียนหลักสูตรนี้ได้ เนื่องจากว่าหลักสูตรHomeschool จะเหมาะกับเด็กที่อาจจะมีปัญหา…

ภาวะสิ้นหวังในการเรียน ปัญหาของเด็ก ที่ผู้ใหญ่ต้องช่วยแก้

ภาวะสิ้นหวังในการเรียน ปัญหาของเด็ก ที่ผู้ใหญ่ต้องช่วยแก้

            งานนี้เราไม่ได้ยกเรื่องมาพูดกันลอยๆ เกี่ยวกับ ภาวะสิ้นหวังในการเรียน ของเด็ก เพราะมีการวิจัยในเชิงจิตวิทยากันอย่างจริงจัง ก่อนหน้านี้เด็กวัยเรียนมักจะมีปัญหาความเครียดได้ง่าย พอเครียดมากก็รับมือไม่ไหวแล้วไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร เหมือนกับที่เราได้เห็นกรณีของเด็กที่คิดจะฆ่าตัวตายเพียงแค่เกรดตกมาไม่กี่จุด และเด็กที่มีอาการซึมเศร้าเนื่องจากทำเป้าหมายด้านการเรียนไม่สำเร็จตามความคาดหวังของพ่อแม่ ปัญหา ภาวะสิ้นหวังในการเรียน ของเด็ก                จากความเครียดในวันนั้น ต่อยอดมาถึง ภาวะสิ้นหวังในการเรียน ในวันนี้ เวลาพูดถึงความเครียดของเด็ก มันจะมีสโคปค่อนข้างกว้าง กลุ่มของเด็กที่มีปัญหาก็หลายหลาย เด็กหลังห้องก็เครียดได้ เด็กโอลิมปิกก็เครียดได้เหมือนกัน แต่สำหรับภาวะสิ้นหวังนี้ มันจะเจาะจงไปที่เด็กหัวปานกลางถึงเด็กหัวช้า คิดอ่านตามเพื่อนไม่ค่อยทัน แม้ว่าจะพยายามศึกษาเพิ่มเติมด้วยตัวเองแล้วก็ตามที                สิ่งที่ผู้ใหญ่ในวงการการศึกษาต้องตระหนักในเรื่องของการศึกษาให้มากขึ้นก็คือ ปัจจัยหลักของ ภาวะสิ้นหวังในการเรียน มาจากการสอบวัดระดับ ทุกครั้งที่มีการสอบ เด็กจะตึงเครียดกันมาก ไหนจะต้องจดจำเนื้อหา ไหนจะต้องฟันฝ่าเพื่อไม่ให้เป็นลำดับท้ายๆ ของชั้น หรือไม่ให้ตัวเองได้เกรดต่ำกว่าที่คาดหวัง ข้อดีของความเครียดตรงนี้ก็คือ มันกระตุ้นให้เด็กลุกขึ้นมาตั้งเป้าและพยายามทุกวิถีทางให้ไปถึงเป้านั้นได้ หลายคนจึงมีพัฒนาการที่ดีขึ้น                ขณะเดียวกันก็มีอีกหลายคนที่ตั้งเป้าการเรียนการศึกษาไว้เท่าไรก็ไม่เคยไปถึงได้ เรียนในห้องก็แล้ว เรียนพิเศษก็แล้ว ดูเหมือนจะไม่มีอะไรดีขึ้น เขาจึงเริ่มรู้สึกว่าเขาช่วยเหลือตัวเองไม่ไหวแล้ว พาลไปถึงการแก้ปัญหาในจุดอื่น คือเสื่อมศรัทธาในตัวเอง กลายเป็น…

สร้างความสุข และประสบความสำเร็จ ในการเรียนรู้ด้วย PERMA Model

สร้างความสุข และประสบความสำเร็จ ในการเรียนรู้ด้วย PERMA Model

               การประสบความสำเร็จในด้านการเรียน ใช้เพียงแค่เทคนิคในการพัฒนาทักษะ พัฒนาสมอง และเคล็ดลับการเรียนต่างๆ จากรุ่นพี่และสถาบันติว มันไม่เพียงพอ จำเป็นต้องมีระดับความสุขที่เหมาะสมในทุกครั้งที่เกิดการเรียนรู้ด้วย ซึ่ง PERMA Model ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการสร้างความสุขที่น่าสนใจ สามารถปรับใช้ได้กับทุกเรื่องในชีวิต ไม่ได้เฉพาะเจาะจงกับการศึกษาของเด็กๆ เท่านั้น และจากสถิติที่ผ่านมา พบว่าผู้ที่ใช้แนวทางนี้มีค่าความสุขเพิ่มขึ้นในระยะเวลาอันสั้น ใจความหลักของ PERMA Model                หากสรุปใจความหลักของ PERMA Model ให้เข้าใจได้ง่าย มันก็คือการมองโลกในแง่ดี แล้วอาศัยองค์ประกอบแวดล้อมเข้ามาช่วยสนับสนุน คำว่า PERMA เป็นการรวมของอักษรที่มีความหมายเฉพาะตัว ได้แก่ ตัวอักษร P- Positive Emotion ตัวอักษร E- Engagement ตัวอักษร R- Relationships ตัวอักษร M- Meaning และสุดท้ายตัวอักษร A- Accomplishments เหมือนกับการแบ่งเป็นหมวดหมู่ 5 หมวด…

เคล็ดลับ ปรับสภาพร่างกาย และสมองเมื่อต้อง อดนอนก่อนสอบ

เคล็ดลับ ปรับสภาพร่างกาย และสมองเมื่อต้อง อดนอนก่อนสอบ

               คาดว่าน่าจะมีรุ่นพี่และเพื่อนๆ ที่เรียนเก่งหลายคน ให้แนวทางในการเตรียมสอบที่ยอดเยี่ยมเอาไว้แล้ว นั่นก็คืออย่าเร่งอ่านในช่วงสั้นๆ แต่ให้วางแผนการอ่านหนังสือสอบล่วงหน้าเป็นเดือน จะได้ทยอยอ่านและเก็บรายละเอียดได้แบบไม่หักโหมเกินไป พอเอาเข้าจริง หลายคนก็เลือกที่จะ อดนอนก่อนสอบ กันมากกว่าอ่านหนังสือล่วงหน้าอยู่ดี ส่วนหนึ่งก็เพราะมันมีกิจกรรมอย่างอื่นที่ดึงดูดความสนใจได้มากกว่า แล้วอีกส่วนหนึ่งก็กลัวจะลืมถ้าอ่านล่วงหน้านานเกินไป แต่ปัญหาคือ ได้อ่านหนังสือเต็มที่จริง แต่นอนไม่พอ เวลาสอบเลยคิดไม่ออก งั้นเราต้องมาหาตัวช่วยกันสักหน่อย ปรับสภาพร่างกายและสมอง จากการ อดนอนก่อนสอบ ดื่มน้ำเปล่าให้มากกว่าปกติ                ใครที่คิดว่า อดนอนก่อนสอบ แล้วจะต้องกินเครื่องดื่มชูกำลัง กาแฟ ชา หรืออะไรก็ตามที่น่าจะกระตุ้นระบบประสาทให้ตื่นตัวได้ บอกเลยว่าเป็นความคิดที่ผิดอย่างมาก การทำแบบนั้นมันจะช่วยให้รู้สึกดีแค่ช่วงสั้นๆ ไม่นานก็จะกลับสู่สภาพเดิม แถมหนักสมองมากกว่าเดิมอีกด้วย หันมาดื่มน้ำเปล่าให้มากขึ้นดีกว่า เพราะน้ำจะช่วยให้สมองมีพลังงานและมีสมาธิมากขึ้นได้ เลือกทานอาหารที่เพิ่มความสดชื่น                ยิ่งนอนน้อยก็ยิ่งต้องกิน แม้ว่าจะไม่รู้สึกหิวเลยก็ตามที ทุกครั้งที่ อดนอนก่อนสอบ ควรเลือกทานอาหารที่เพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย เช่น ผักอวบน้ำ ผลไม้รสอมเปรี้ยวอมหวาน ผลไม้ที่มีฉ่ำน้ำ เป็นต้น ตัวที่น่าสนใจที่สุดก็คือกลุ่มส้มและเบอร์รี่ นอกจากรสชาติอร่อยแล้วก็ยังกระตุ้นการหมุนเวียนเลือดในสมองได้ด้วย งีบหลับ…

การยื่น พอร์ตโฟลิโอ เพื่อคณะในฝัน สิ่งที่ต้องเตรียมตัว กันแต่เนิ่นๆ

การยื่น พอร์ตโฟลิโอ เพื่อคณะในฝัน มันต้องเตรียมตัว กันแต่เนิ่นๆ

               ความจริงเด็กวัยมัธยมปลายมีการทำ พอร์ตโฟลิโอ มาตั้งแต่ยุคสอบเอ็นทรานซ์กันแล้ว เพียงแต่ตอนนี้มันไม่จำเป็นต้องคิดมาก เพียงแค่รวมผลงานที่พอหาได้ เอาไว้ประกอบการสัมภาษณ์เท่านั้น เนื่องจากส่วนหลักของคะแนนจะอยู่ที่การสอบ พอร์ตในมือนับว่าเป็นของแถม เอาไว้เชือดเฉือนกับเพื่อนที่ได้คะแนนใกล้กันแล้วรอวัดผลตอนสอบสัมภาษณ์ พอมารุ่นนี้การใช้พอร์ตมีน้ำหนักมากขึ้น ถึงขนาดใช้ยื่นเพื่อเข้าเรียนคณะในฝันได้เลย ดังนั้นมันจึงต้องเตรียมตัวกันตั้งแต่แรก ใครหวังจะมาเก็บเอาตอนใกล้จบอาจจะช้าไปหน่อย ลองไปดูว่าต้องทำยังไงกันบ้าง แนะนำ พอร์ตโฟลิโอ ดีๆ เพื่อคณในฝัน ทำกิจกรรมโรงเรียนให้หลากหลายเข้าไว้                สิ่งหนึ่งที่เด็กหลายคนยังไม่รู้ก็คือ คนทำกิจกรรมจะได้เปรียบเสมอ แม้ว่าจะอยากเข้าเรียนในคณะที่เป็นวิชาการหนักๆ ก็ตามที เพราะการเป็นเด็กกิจกรรมมันแสดงออกถึงความสามารถ ความรับผิดชอบ และอุปนิสัยหลายๆ อย่าง ใน พอร์ตโฟลิโอ จึงควรมีภาพหรือรายละเอียดการทำกิจกรรมในโรงเรียนที่กว้างขวาง ทั้งด้านวิชาการและกีฬา เพิ่มความน่าสนใจด้วยค่ายและการแข่งขัน                แค่เก็บ พอร์ตโฟลิโอ ภายในโรงเรียนนั้นมันธรรมดาไป ลองไปออกค่ายเกี่ยวกับคณะที่เราชอบดูบ้าง เช่น ค่ายอยากเป็นหมอ ค่ายอาสาเหล่าสถาปัตย์ เป็นต้น นอกจากจะได้ประสบการณ์แล้วก็ยังได้ใกล้ชิดกับอาชีพที่คิดไว้อีกด้วย พร้อมกันนั้นก็ควรมองหาการประกวดหรือแข่งขันนอกรั้วโรงเรียนไว้ด้วย อาจจะไม่ต้องเกี่ยวกับคณะที่สนใจโดยตรงก็ได้ แค่ลงพอร์ตว่าเคยผ่านการแข่งขันระดับประเทศก็ยอดเยี่ยมแล้ว เรียนกับกิจกรรมต้องไปด้วยกัน                การเทน้ำหนักไปด้านใดด้านหนึ่งนั้นไม่ค่อยดีเท่าไร…

ควรเลือก ติวเตอร์ภาษาอังกฤษ ยังไง? ให้เรียนแล้วได้ผลจริง

ควรเลือก ติวเตอร์ภาษาอังกฤษ ยังไง? ให้เรียนแล้วได้ผลจริง

            เรื่องของการเรียนภาษาอังกฤษให้ได้ผล มันก็มีปัจจัยร่วมหลายอย่าง ประการแรกเลยก็คือตัวเราเองต้องมีความใส่ใจและมีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ด้วย ไม่อย่างนั้นต่อให้ใช้วิธีสุดพิเศษขนาดไหนก็ไม่มีทางพัฒนาทักษะทางภาษาให้ดีกว่าเดิมได้ อีกด้านหนึ่งก็คือ ติวเตอร์ภาษาอังกฤษ เราต้องคัดกรองผู้สอนที่เขาสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ให้เราได้ อธิบายเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย พร้อมใช้งานได้จริงเท่านั้น ลองมาดูว่าเราจะมีแนวทางในการเลือกอย่างไรบ้าง แนวทางการเลือก ติวเตอร์ภาษาอังฤษ ให้ได้ผล Native speaker ก็ยังไม่สำคัญเท่าไร                ส่วนใหญ่แล้วคนที่เริ่มสนใจเรียนภาษาอังกฤษ ก็มักจะมองหา ติวเตอร์ภาษาอังกฤษ ที่เป็นเจ้าของภาษาเอง โดยหวังว่าจะได้เรียนรู้สำเนียงที่แท้จริง พร้อมกับการใช้งานที่ถูกต้องแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ความเป็นจริงแล้วเจ้าของภาษาบางท่านก็ไม่ได้เป็นผู้สอนที่ดีเสมอไป ลองนึกย้อนมาดูตัวเราก็ได้ เรายังไม่สามารถอธิบายภาษาไทยได้แบบถูกต้องสมบูรณ์เลย จึงควรเลือกเรียนกับคนที่ฟังแล้วเข้าใจได้ง่ายก่อนมากกว่า มองหาติวเตอร์ที่พาเราฝึกใช้ภาษา             ทักษะทางด้านภาษามันเป็นเรื่องของการใช้งาน ถ้าเรียนแล้วไม่ใช้ก็ไม่มีทางได้ หรือไปเรียนอะไรที่มันไม่จำเป็นต้องใช้ก็ไม่มีประโยชน์เหมือนกัน ดังนั้น ติวเตอร์ภาษาอังกฤษ ควรเป็นคนที่พาเราพูดคุยเป็นภาษาอังกฤษ มากกว่ามานั่งเปิดตำราพาเราท่อ่งไวยกรณ์ และเขาก็ควรบอกเราได้ว่าศัพท์คำไหนจำเป็นต้องรู้ เนื่องจากใช้งานเป็นประจำ ศัพท์คำไหนที่รู้ไว้แค่เปิดโลกทางภาษา ถึงจำไม่ได้ก็ไม่เลวร้ายมากนัก เลือกอยู่กับติวเตอร์ที่สบายใจ             ติวเตอร์ภาษาอังกฤษ จะมีสไตล์การสอนที่ต่างกัน แล้วก็ทำให้บรรยากาศในการเรียนรู้ต่างกันด้วย ประเด็นนี้จะไม่มีผิดหรือถูก เพราะมันเป็นสไตล์ของผู้เรียนด้วยเช่นกัน…

ชีทสรุป ที่มีขายแบบออนไลน์ ช่วยเพิ่มเกรดได้จริงหรือไม่

ชีทสรุป ที่มีขายแบบออนไลน์ ช่วยเพิ่มเกรดได้จริงหรือไม่

            เคยหาซื้อสมุดขนาดพกพาเล่มสวย กับปากกาหลากสีสัน เพื่อมาจดสรุปเนื้อหาวิชาที่เรียนไปแล้วกันบ้างไหม บ้างก็เรียนไปจดไป บ้างก็เอาไปสรุปแบบให้มันน่าอ่านหลังเลิกเรียน สุดท้ายเราก็เอา ชีทสรุป เหล่านี้มาอ่านทบทวนก่อนสอบ และแน่นอนว่าจะมีเพื่อนบางคนมาขอยืมสรุปของเราไปถ่ายเอกสารเพื่ออ่านสอบด้วยเช่นกัน ใครที่เรียนเก่งๆ และจดประเด็นสำคัญของเนื้อหาได้ครบถ้วน ก็จะเป็นที่รักของเพื่อนๆ มากหน่อยในช่วงสอบนี้ ชีทสรุป ช่วยน้องๆ นักเรียน ได้จริงหรือ                และด้วยวงจรการทำ ชีทสรุป แบบนี้นี่เอง ที่ทำให้เกิดเป็นธุรกิจการเขียนสรุปเพื่อจำหน่ายให้เด็กนักเรียนโดยเฉพาะ เราจะเห็นว่ามีขายในสื่อโซเชียลค่อนข้างมาก ลักษณะของชีทก็จะทำไว้แบบแยกรายวิชา เน้นสีสันและรูปภาพน่ารักสดใส แล้วเนื้อหาก็ไม่ยืดเยื้อจนน่ารำคาญ เน้นให้เอาไปอ่านทำความเข้าใจได้ในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งก็ได้การตอบรับจากนักเรียนดีมากๆ เพราะหลายคนก็มองว่าเรียนในห้องไม่เข้าใจเลย เพื่อนก็ไม่มีใครเข้าใจ การได้รุ่นพี่ที่จบไปแล้วมาสรุปให้ก็น่าจะดีกว่า                คำถามก็คือว่า การซื้อ ชีทสรุป เหล่านี้มาใช้มันจะได้ประโยชน์จริงๆ หรือไม่ ทำไมคนที่ยืมสรุปของเพื่อนไปอ่านถึงได้คะแนนน้อยกว่าเพื่อนที่ทำสรุปเสมอกันหล่ะ มันก็เข้าทำนองเดียวกันคือ ถ้าเราเป็นคนตั้งใจเรียนในห้องอยู่แล้ว เข้าใจและจับประเด็นได้ เพียงแค่ขี้เกียจอ่านเนื้อหาหลายรอบ แถมไม่ชอบเขียนสรุป ชีทที่วางขายแบบนี้จะเป็นประโยชน์มากทีเดียว                ในทางกลับกัน หากเวลาเรียนก็ไม่ได้สนใจอะไรมากอยู่แล้ว คิดแค่ว่าเดี๋ยวอาศัยการอ่าน ชีทสรุป…

3 งานอดิเรก ที่ส่งเสริมการเรียนรู้ ที่ได้ประโยชน์ มากกว่าที่คิด

3 งานอดิเรก ที่ส่งเสริมการเรียนรู้ ที่ได้ประโยชน์ มากกว่าที่คิด

               อีกหนึ่งคำถามยอดฮิตของเด็กวัยเรียนก็คือ ทำยังไงถึงจะเรียนเก่งขึ้น ทำยังไงให้อ่านหนังสือเข้าใจมากขึ้น และต้องทุ่มเทขนาดไหนเกรดถึงจะดีขึ้น ซึ่งมันก็มีหลากหลายวิธีให้ได้ลองทำกัน และนี่ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วยให้ผลการเรียนของเราดีขึ้นโดยไม่รู้ตัว จาก งานอดิเรก ที่ทำในยามว่าง ยิ่งทำก็ยิ่งสนุก แถมได้ประโยชน์ในการพัฒนาสมองไปเต็มๆ แนะนำ งานอดิเรก เพื่อเสริมการเรียนรู้ที่ดี 1. วาดภาพ                น่าจะเป็นกิจกรรมที่ถูกใจเด็กสายศิลป์ไม่น้อยเลยทีเดียว ตรงนี้ไม่ได้หมายถึงการวาดภาพในกระดาษเท่านั้น การสร้างสรรค์รูปภาพผ่านโปรแกรมคอมพิวเตอร์อะไรก็นับรวมด้วยหมด งานอดิเรก ประเภทนี้จะช่วยเสริมสร้างจินตนาการในแบบที่นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง ไม่ใช่การคิดฝันไปเรื่อยเปื่อย และยังฝึกสมาธิได้ดี ช่วยให้เราสามารถจดจ่อกับงานตรงหน้าเป็นเวลานานได้ หมายความว่าเมื่อไปเรียนรู้สิ่งอื่น ก็จะมีสมาธิต่อเนื่องด้วยเช่นกัน 2. เล่นเกม                ในมุมมองของผู้ใหญ่หลายคน มักจะมองว่าเกมเป็นบ่อนทำลายการเรียนของเด็กๆ แต่หากเปิดใจมองดูสิ่งที่เป็นไปจริงๆ จะพบว่า งานอดิเรก ในกลุ่มนี้ช่วยพัฒนาสมองหลายส่วน ยิ่งถ้าเงื่อนไขและกติกาของตัวเกมมีความซับซ้อนมากเท่าไร มันก็ยิ่งเป็นการกระตุ้นให้เด็กได้ฝึกคิดแก้ปัญหามากเท่านั้น ได้ฝึกการวิเคราะห์และตัดสินใจด้วยตัวเอง ที่สำคัญยังเสริมด้านความจำด้วย เพียงแค่ต้องเล่นในช่วงเวลาที่พอดี ไม่มากเกินไป เพื่อไม่ให้ส่งผลเสียต่อร่างกาย 3. เล่นกีฬากลางแจ้ง                การออกกำลังกายเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว ได้ทั้งความสดชื่นและสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง แต่ถ้าอยากเสริมประสิทธิภาพของสมองด้วย…

เทคนิคในเชิงจิตวิทยา เพื่อแก้ปัญหาคน ขี้เกียจอ่านหนังสือ

เทคนิคในเชิงจิตวิทยา เพื่อแก้ปัญหาคน ขี้เกียจอ่านหนังสือ

               แค่เห็นกองหนังสือตรงหน้าก็รู้สึกเหนื่อยแล้วใช่ไหม ไม่ต้องเปิดสักหน้าก็รู้เลยว่ามันน่าเบื่อขนาดไหน หลายคนมีอาการ ขี้เกียจอ่านหนังสือ เสมอๆ เวลาที่รู้ว่าจำเป็นต้องอ่าน เช่น ช่วงเตรียมตัวก่อนสอบ เป็นต้น แล้วสุดท้ายก็ตีความไปว่าตัวเองเป็นคนขี้เกียจ ไม่สามารถตั้งสมาธิให้อ่านหนังสือได้เลย ทั้งที่เวลาอ่านนิยายหรือการ์ตูนที่ชอบก็สามารถอ่านต่อเนื่องเป็นวันๆ ได้เฉยเลย พฤติกรรม ขี้เกียจอ่านหนังสือ แก้ง่ายๆ ด้วยวิธีเหล่านี้                ข้อเท็จจริงก็คือไม่มีสักคนบนโลกที่มีพื้นฐานเป็นคน ขี้เกียจอ่านหนังสือ เพียงแค่มันไม่มีความชอบในสิ่งที่จะอ่านเท่านั้นเอง และการศึกษาในบ้านเราก็ยิ่งบังคับให้เกิดความจำเป็นต้องอ่าน มากกว่าสร้างความรู้สึกอยากอ่านเสียด้วย มันเลยเป็นปัญหาคาราคาซังเรื่อยไปแบบนี้ บ่มเพาะนิสัยเบื่อหน่ายการเรียนรู้เพิ่มเติมเมื่อเข้าสู่วัยทำงานอีกด้วย ประมาณว่าเรียนมานานแล้ว ไม่อยากเรียนอะไรอีกแล้วนั่นเอง                เพื่อไม่ให้สิ่งนี้ก่อให้เกิดปัญหาต่อไป เราลองมาใช้เทคนิคตามหลักจิตวิทยาเพื่อปรับพฤติกรรม ขี้เกียจอ่านหนังสือ กันดีกว่า ก่อนอื่นเลยคือการปรับความคิด ให้เลิกคิดว่าอะไรเป็นสิ่งที่ต้องอ่าน เพราะเมื่อเริ่มจากความคิดแบบนั้นก็จะรู้สึกถูกบังคับโดยอัตโนมัติ ธรรมชาติของมนุษย์จะไม่ชอบการบังคับอยู่แล้ว จึงต่อต้านโดยที่เราไม่รู้ตัว แต่ให้คิดว่าอ่านแล้วได้ประโยชน์อะไร ทำไมถึงควรอ่าน และจะอ่านเมื่อไรก็ได้ที่พร้อมเท่านั้น ทั้งหมดเป็นการลดกำแพงในใจ และทำให้มุมมองที่มีต่อหนังสือเล่มนั้นดีขึ้น                ต่อมาคือลดความ ขี้เกียจอ่านหนังสือ ด้วยการเริ่มจากน้อยๆ เสมอ เคยมีการทดสอบแล้วการหากร้องขออะไรที่เป็นเรื่องเล็กน้อยได้สำเร็จ โอกาสในการขอสิ่งที่ใหญ่ขึ้นก็จะสำเร็จตามไปด้วย…

เพิ่มตัวช่วย เพื่อกระตุ้นเรียนรู้ ในชั่วโมงเรียนด้วย กลิ่นเสริมสร้างความจำ

เพิ่มตัวช่วย เพื่อกระตุ้นเรียนรู้ ในชั่วโมงเรียนด้วย กลิ่นเสริมสร้างความจำ

               มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้ของมนุษย์ องค์ความรู้ที่ได้จากผลการวิจัยนั้น เราก็สามารถนำไปต่อยอดได้หลายทาง อย่างเช่น คลื่นเสียงต่อการสร้างสมาธิ ระดับแสงที่พอเหมาะกับการเพิ่มทักษะใหม่ๆ เป็นต้น  และ กลิ่นเสริมสร้างความจำ ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย จากการทดสอบและวัดผล พบว่าลักษณะของกลิ่นแต่ละแบบ จะส่งผลต่อการตอบสนองของสมองไม่เหมือนกัน อย่างที่เราเคยได้ยินเรื่องของกลิ่นบำบัดนั่นเอง กลิ่นเสริมสร้างความจำ ช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ได้ดี                การเลือกใช้กลิ่นให้เหมาะสมจะกระตุ้นการเรียนรู้ได้มากกว่าปกติหลายเท่า แล้วก็สามารถทำได้โดยง่ายด้วยตัวเอง ไม่มีอันตรายใดๆ ขอเพียงแค่ใช้ กลิ่นเสริมสร้างความจำ ที่เป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติก็พอแล้ว เนื่องจากเราต้องสูดดมไอระเหยอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าสารสังเคราะห์จะให้กลิ่นหอมได้เหมือนกัน แต่มันมีสรรพคุณแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มิหนำซ้ำยังเสี่ยงต่อการระคายเคืองเยื่อโพรงจมูกอีกด้วย ว่าแต่ว่ากลิ่นอะไรบ้างที่ดีกับสมองของเรา              ข้อดีของบ้านเราก็คือ เรามีวัตถุดิบธรรมชาติเยอะมากสำหรับการทำ กลิ่นเสริมสร้างความจำ ถ้าเป็นผลไม้ก็สามารถใช้ส้มสายพันธุ์ต่างๆ ได้ ถ้าเป็นพืชผักสมุนไพรก็ยิ่งมีหลากหลายมากขึ้น เช่น ใบสะระแหน่ ตะไคร้ ยูคาลิปตัส กะเพรา เป็นต้น นอกจากกลิ่นที่แตกต่างกันของแต่ละวัตถุดิบแล้ว มันก็ยังมีสรรพคุณเฉพาะตัวที่เราจะต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมด้วย บ้างก็มีส่วนช่วยเรื่องลดความวิตกกังวล ช่วยกระตุ้นระบบประสาทให้ตื่นตัวเต็มที่ ช่วยปรับคลื่นสมองให้อยู่ในช่วงแห่งการเรียนรู้ ไปจนถึงช่วยกระตุ้นให้สมองเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น               …