การสอบ

ความรู้นอกตำรา ลาว VS อีสาน คือกลุ่มคนชาติเดียวกัน จริงหรือไม่

ความรู้นอกตำรา ลาว VS อีสาน คือกลุ่มคนชาติเดียวกัน จริงหรือไม่

หลายคนอาจจะทราบกันดีว่า อีสาน คือดินแดนที่อยู่ในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ส่วนลาว คือประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกับไทยทางฟากขวาของแม่น้ำโขง แต่หลายคนอาจไม่ทราบว่าจริง ๆ แล้ว ลาว VS อีสาน กลุ่มคนทั้งสองพื้นที่นี้ แท้จริงแล้ว คือกลุ่มชาติพันธุ์เดียวกัน ความรู้นอกตำรา ที่น่าสนใจ ลาว VS อีสาน คือกลุ่มคนชาติเดียวกัน ก่อนอื่นที่จะเข้าเรื่องราวของลาว VS อีสานต้องเริ่มจากในยุคที่มีเพียงอาณาจักรและนครรัฐ ซึ่งยังไม่มีประเทศและเขตแดนบนแผนที่ ตามแนวคิดอย่างชาติตะวันตก จวบจนชาติตะวันตกเข้ามายังดินแดนแห่งนี้เพื่อล่าอาณานิคมและบังคับให้สยามต้องร่างแผนที่เพื่อแบ่งปันเขตแดนให้เป็นสัดส่วน โดยเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศสได้คืบคลานเข้ามาจากฝั่งเวียดนามและกัมพูชาจนมาถึงลาวบริเวณแม่น้ำโขง ซึ่งฝรั่งเศสต้องการครอบครองแม่น้ำสายนี้เพื่อเป็นเส้นทางคมนาคมไปสู่การุกรานจีน สุดท้ายสยามกับฝรั่งเศสได้ตกลงปักปันเขตแดนต่อกันแล้วใช้แม่น้ำเป็นตัวกันระหว่างเขตแดน ในสมัยรัชกาลที่5 ภายหลังการได้ลาวฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงมาเป็นส่วนหนึ่งของรัฐสยาม ได้กลายเป็นโจทย์สำคัญของรัชกาลที่ 5 ที่ว่าจะทำอย่างไรเพื่อหลอมรวมกลุ่มลาวให้กลายเป็นไทย เพราะอุปสรรคในเรื่องของชื่อ ที่ในบางมุมเหมือนมีลักษณะเหยียดหยาม และลักษณะของชาติพันธุ์ลาวที่ถูกสร้างอัตลักษณ์จนมีความแตกต่างกับสยาม ในกรุงเทพฯ นี่จึงเป็นงานสำคัญที่หากปล่อยผ่านไปอาจเกิดลักษณะการสร้างรัฐที่ไม่แข็งแรง จนอาจเกิดความขัดแย้งจนนำไปสู่การแบ่งแยกดินแดน สุดท้ายรัชกาลที่ 5 จึงเลือกทลายชื่อเดิมที่นิยมเรียกกันว่า “ลาว” แล้วนิยามชื่อใหม่ให้กับให้กับพวกเขาว่า “ชาวอีสาน” และบรรจุให้กลุ่มคนเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของไทย จนเมื่อเวลาผ่านไปช่องว่างที่มีต่อก็เรียบสนิทขึ้น แม้อัตลักษณ์ความเป็นลาว VS…

การเข้าแถวหน้าเสาธง…ช่วยให้นักเรียน และเยาวชน มีระเบียบวินัย จริงหรือไม่

การเข้าแถวหน้าเสาธง…ช่วยให้นักเรียน และเยาวชน มีระเบียบวินัย จริงหรือไม่

               การเข้าแถวหน้าเสาธง ของโรงเรียนในอดีตและในปัจจุบัน  มีบริบทที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง  แต่ก็ยังเชื่อว่าการเข้าแถวหน้าเสาธงจะช่วยให้เด็กมีวินัยในตนเอง  เคารพกฎกติกาของโรงเรียน  แต่ลืมไปว่าเมื่อสภาพสังคมเปลี่ยนแปลง  การเข้าแถวหน้าเสาธงจะกลายเป็นเรื่องที่น่าเบื่อไปโดยปริยาย  เนื่องด้วยเวลาเปลี่ยน  แต่เหมือนการนำเสนอ  การเข้าแถวหน้าเสาธง  รวมทั้งเรื่องราวที่นำเสนอกลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง  และไม่เชื่อว่าจะช่วยบ่มวินัยในเด็กได้เหมือนปัจจุบัน การเข้าแถวหน้าเสาธง กับเด็กในยุคปัจจุบัน ก่อนอื่นจะต้องแยกระหว่าง การเข้าแถวหน้าเสาธง กับวินัยในโรงเรียนให้ออกเสียก่อน  เนื่องด้วยการเข้าแถวในปัจจุบันไม่ครอบคลุมเนื่องด้วยจากสถานการณ์เสี่ยงต่อติดเชื้อ  สภาพแดดร้อนในประเทศไทย   และการจัดแถวที่สื่อให้เห็นด้านลบในสายตาชัดเจน  เช่น  เด็กนักเรียนเข้าแถวกลางแดด  แต่ครูกลับกางร่มบังแดด  แทนที่จะหาที่ร่มให้เด็กได้หลบแดดมากกว่าที่จะอ้างว่าฝึกความอดทนเสียอีก  แล้วนั่นก็เป็นสองมาตรฐานระหว่างช่องว่างระหว่างวัยเพิ่มขึ้น  ต่อมาในส่วนของวินัย  ถ้าจะให้ดีควรแก้ไขที่โครงสร้างสังคมก่อนอันดับแรก  เนื่องด้วยวินัยสามารถสร้างได้ที่โรงเรียนก็จริง  แต่จะมีวินัยนั้น  ครูต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กและเยาวชน  โดยเฉพาะการต่อแถว  การตรงเวลา  การรับผิดชอบต่อหน้าที่และงานสอนของตนเอง  หาใช่เรียกร้องวินัยจากเด็กเพียงฝ่ายเดียวไม่  ถ้ายังเป็นเช่นนั้นอยู่  กลับสะท้อนในปัญหาการศึกษาชัดเจน  ซึ่งในประเทศไทยมิได้เป็นแค่หลักสูตรการสอบเข้าเท่านั้น  แต่จริยธรรม  ทัศนคติที่ดีกลับไม่ได้ปลูกฝังที่ดีในผู้ใหญ่  จึงทำให้เห็นภาพในสื่อที่ไม่ดีในด้าน การเข้าแถวหน้าเสาธง ในหลายครั้ง  ภาพลักษณ์ครูจะเสียความน่าเชื่อถือไปโดยปริยาย  เพียงกลายเป็นผู้บังคับออกคำสั่งด้วยกฎมากกว่าที่จะใช้จิตวิทยาครู ในมุมมองของผู้เขียน  การเข้าแถวอาจจะไม่ใช่เป้าหมายของการสร้างวินัยในนักเรียนอีกต่อไป  แต่สิ่งที่จะสร้างวินัยที่ดีที่สุดนั่นก็คือผู้ใหญ่นี่แหล่ะ  เพราะผู้ใหญ่วันนี้คือเด็กในวันวานมาก่อน  และเด็กในวันนี้ก็คือผู้ใหญ่ในวันหน้าเช่นกัน …

5 เทคนิคทำอย่างไร? ถึงจะทำให้ เด็กมีความกล้า และมั่นใจในตนเอง

5 เทคนิคทำอย่างไร? ถึงจะทำให้ เด็กมีความกล้า และมั่นใจในตนเอง

เนื่องจากในปัจจุบันต้องยอมรับเลยว่า…เด็กนักเรียนส่วนใหญ่ไม่มีความกล้าแสดงและความมั่นใจในตนเอง อาจเป็นเพราะการเรียนการสอนที่เน้นครูเป็นจุดศูนย์กลางไม่มีการจัดการเรียนการสอนที่ให้นักเรียนมีส่วนร่วมหรือผู้ใหญ่บางคนมีการปิดกั้นความคิดเด็ก ส่งผลให้อนาคตมีผลต่อการทำงาน เช่น การเป็นพิธีกรจำเป็นต้องมีความกล้าแสดงออก กล้าพูด กล้าคิด กล้าทำ เป็นต้น ซึ่งการพัฒนาให้ เด็กมีความกล้า ต้องอยู่ในขอบเขตของความถูกต้องและมี 5 เทคนิค ดังนี้ เทคนิคทำให้ เด็กมีความกล้า และมั่นใจในตนเอง เป็นแบบอย่างที่ดี เนื่องจากทฤษฎีการเรียนรู้ได้กล่าวไว้ว่า “การเรียนรู้ของเด็กมาจากการมองเห็นและจดจำ” ดังนั้นคุณครูได้ชื่อว่าเป็นพ่อพิมพ์แม่พิมพ์ของชาติ การกระทำเป็นแบบอย่างที่ดีให้นักเรียนจดจำนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ควรกระทำอย่างยิ่ง เมื่อเด็กจดจำในสิ่งที่ดี ทัศนคติ ความคิด ก็จะดีตามนั้นเอง ไม่บังคับไม่กดดัน การที่ เด็กมีความกล้า ได้ เด็กต้องรวบรวมพลังกายพลังใจอย่างหนักหน่วง คุณครูต้องไม่กดดันแต่ให้กำลังใจส่งเสริมว่าสิ่งที่ทำมันดีแล้ว ต้องนึกถึงความสนใจของนักเรียน ในการฝึกให้เด็กกล้าแสดงออกและมั่นใจในตนเอง คุณครูต้องรู้ว่าเด็กชอบอะไร…? ให้นำสิ่งที่เด็กชอบมาถามหรือจัดการเรียนการสอนให้เด็กได้เสนอแนวคิดออกมา ห้ามนำสิ่งที่เด็กไม่ชอบไปถามนะคะเพราะถ้าเด็กตอบไม่ได้จะคิดว่าตนเองนั้นไร้ความสามารถ ต้องฝึกให้นักเรียนมีความกล้าที่จะคิด ทำ พูดากสิ่งที่ถนัดก่อนแล้วค่อยพัฒนาไปเรื่อย ๆ รับฟังทุกความคิด หากความคิดของเด็กไม่ตรงกับคุณครู คุณครูควรหยุดฟังนักเรียนจนจบแล้วคิดตามในมุมของนักเรียนแล้วปรับแก้ในส่วนที่ผิดจริง ๆ การเป็นครูที่ดีควรเป็นกลางนะคะ ให้โอกาส หากนักเรียนแสดงความคิดเห็นผิดนั้นถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี ครูควรให้โอกาสนักเรียนต่อไปในการแสดงความคิดเห็นหรือตอบคำถาม…

การเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ไม่ยากอย่างที่คิด!! เพียงมีความตั้งใจ และสมาธิสูง

การเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ไม่ยากอย่างที่คิด!! เพียงแค่มี ความตั้งใจ และสมาธิสูง

การเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรียกได้ว่าเป็นวิชาที่ค่อนข้างเรียนยากมากๆ เพราะต้องใช้สมาธิตั้งใจในการเรียน ซึ่งบางคนบอกว่ายาก แต่ขณะเดียวกันบางคนบอกว่าง่าย ทำไมความคิดมันจึงตรงกันข้าม เพื่อนๆเคยสงสัยไหมคะ!! เหตุผลง่ายๆคือ แต่ละคนมีทักษะ หรือแนวคิดไม่เท่ากันนั่นเอง วันนี้เรามาดูกันว่า วิชานี้นำไปใช้ประโยชน์ได้จริงไหมในชีวิตประจำวัน ตามมาดูกันเลยค่ะ การเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ต้องใช้ทักษะจริงหรือ?? การเรียนวิชาคณิตศาสตร์ แน่นอนที่สุดว่าวิชานี้ มันต้องใช้ทั้งสมาธิ ความคิดขั้นสูงอย่างแท้จริง จึงจะสามารถผ่านมันไปได้ ด้วยความยากของวิชาด้วยส่วนหนึ่ง ความพยายามของผู้เรียนด้วยส่วนหนึ่ง การใช้ทักษะจึงจำเป็นค่อนข้างมากทีเดียว แต่ในทางตรงข้ามคนที่มีทักษะในการคิดคำนวณที่ดีอยู่แล้ว ก็จะได้เปรียบในการเรียนวิชานี้ไปโดยปริยายนั่นเอง ทำไมบางคนจึงเก่งใน การเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ด้วยความที่คนเรานั้นต่างเกิดมามีความเก่งและแตกต่างกัน ในด้านของความคิดที่หลากหลาย บางคนจึงเก่งวิชานี้แบบแค่สอนให้ความรู้เพียงครั้งเดียว ก็สามารถทำได้เป็นอย่างดี ใช่แล้วค่ะเพราะเค้าเรียกว่าเป็นคนที่มีความเก่งด้านวิชานี้นั่นเอง อีกทั้งเมื่อมีการฝึกฝนบ่อยๆเข้า ความสามารถด้านนี้ก็จะแสดงออกมาได้อย่างชัดเจนในเวลาต่อไปอีกด้วย การเรียนวิชาคณิตศาสตร์ กับการใช้ในชีวิตประจำวัน จะว่าไปแล้วการใช้ชีวิตในแต่ละวันนั้น การที่เรามีการซื้อขายเกิดขึ้น มีผลกำไร มีขาดทุนก็ใช้หลักการทางวิชานี้ทั้งนั้น เพราะเราต้องคำนวณหาคำตอบนั่นเอง จึงเรียกได้ว่าเป็นวิชาที่มีอิทธิพล ต่อการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก ดังนั้นเราทุกคนควรมีความรู้ในด้านนี้กันให้มากๆ เพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเราได้ทั้งในปัจจุบัน และอนาคตค่ะ สรุปได้ว่าการมีพื้นฐานวิชานี้นั้น มีความสำคัญต่อชีวิตของเราอย่างแท้จริง เราจึงควรให้ความสำคัญกับการเรียนวิชานี้ให้มากที่สุด เพราะมันเป็นการต่อยอดทางด้านความคิด…

เรียนเก่งง่าย ๆ แบบฉบับเด็กหัวกะทิ

5 เคล็ดไม่ลับ เรียนเก่งง่าย ๆ ฉบับเด็กหัวกะทิ ปฏิบัติประจำ ก็ประสบความสำเร็จได้

               ในการเรียนในแต่ละระดับชั้นหรือแต่ละห้องเรียกมักจะมีกลุ่มนักเรียนไม่มากที่มีผลการเรียนที่โดดเด่นเรียกได้ว่า “หัวกะทิ” ของห้องเรียนเลยทีเดียว แล้วทุกคนเคยสงสัยไหมคะ…? พวกเขาเหล่านั้นมีเทคนิคการ เรียนเก่งง่าย ๆ อย่างไร…? เพราะหลายคนที่เป็นนักเรียนหัวกะทิได้ก็ไม่ใช่จะเรียนพิเศษทุกคนหรืออ่านหนังสือจนดึกดื่น ลองมองกลับกันหากเป็นตัวทุกคนเองอ่านหนังสือจนแทบไม่ได้นอนก็ไม่สามารถมีผลการเรียนดีได้สักครั้ง ดังนั้นบทความนี้จึงได้รวบรวม 5 เคล็ดลับการเรียนของนักเรียนหัวกะทิ ดังนี้ แนะนำ เรียนเก่งง่าย ๆ แบบฉบับเด็กหัวกะทิ อ่านทุกอย่าง นักเรียนหัวกะทิไม่ได้อ่านแค่ตำราเรียนเท่านั้น พวกเขาอ่านหนังสือได้ทุกชนิดทุกประเภทเพื่อเป็นการสะสมความรู้ เพราะบางครั้งในการสอบ คำถามแต่ละข้อนักเรียนเหล่านี้ก็หาคำตอบตรง ๆ ไม่ได้ ทว่าด้วยการอ่านหนังสือเยอะส่งผลให้พวกเขาสามารถนำเหตุผลจากการอ่านมาประกอบกันพิจารณาเป็นคำตอบที่ถูกที่สุดได้นั้นเอง อธิบายความรู้ที่ได้เรียนเป็นฉบับของตนเอง การเรียนทุกคนจะได้ฟังในมุมของคุณครูสอน หลายคนจดจำคำครูสอนมาทุกประโยค บางคนจำมาก็ยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำมันคืออะไร แต่การ เรียนเก่งง่าย ๆ แบบหัวกะทิจะทำความเข้าใจในสิ่งที่เรียนก่อนจนรู้ครอบคลุมแล้วสรุปเป็นความรู้ฉบับของตนเอง มีภาษา มีเทคนิคการจดจำความรู้ของตนเอง ส่งผลให้ความเข้าใจและการจดจำเนื้อหาดีขึ้นและฝังนาน ไม่เข้าใจถาม นักเรียนหลายคนมักจะหวาดกลัวการตั้งคำถามกับคุณครูเมื่อไม่เข้าใจหรือเกิดข้อสงสัย ทว่านักเรียนหัวกะทิไม่กลัวการตั้งคำถาม พวกเขาจะถามทันทีเมื่อมีโอกาสให้ถามในสิ่งที่สงสัยเพื่อเป็นการหาคำตอบและจดจำแต่สิ่งที่ถูกต้อง ไม่ท่องจำ การท่องจำเป็นการจำระยะสั้นและบางคนไม่รู้ด้วยซ้ำสิ่งที่จดจำมันสามารถปรับใช้อย่างไร แต่นักเรียนจะ เรียนเก่งง่าย ๆ ต้องเข้าใจทุกอย่างก่อนถึงจะจดจำสิ่งเหล่านั้นเข้าสมอง ทำแบบฝึกหัดบ่อย ๆ…

เปิดตำรา เคล็ดไม่ลับ เรียนเก่ง ง่าย ๆ แค่ 8 ขั้นตอน ที่ใครๆ ก็ทำได้

เปิดตำรา เคล็ดไม่ลับ เรียนเก่ง ง่าย ๆ แค่ 8 ขั้นตอน ที่ใครๆ ก็ทำได้

               เนื่องจากประเทศไทยในปัจจุบันการศึกษาถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ หลาย ๆ ครั้งที่ผลการเรียนหรือ “เกรด” มีผลต่อโอกาส เช่น การได้ทุนการศึกษา การทำงานในตำแหน่งหน้าที่ดี ๆ การเดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศ ทุกอย่างล้วนใช้ผลการเรียนเป็นตัวตัดสิน ทว่าการเรียนในแต่ละวันสำหรับนักเรียนนักศึกษาแล้วไม่ได้ง่ายเลย สังเกตได้จากนักเรียนนักศึกษาที่ยังติดศูนย์หรือติด F กัน ทว่าการเรียนก็ไม่ได้ยากมาก หากทุกคนทราบเคล็ดลับในการ เรียนเก่ง นั้นเอง ซึ่งในบทความได้รวบรวม 8 ขั้นตอนด้วยกัน  ดังนี้ รวบรวม 8 ขั้นตอนการ เรียนเก่ง ได้ง่ายๆ กำหนดเป้าหมาย หากเรียนไปโดยไร้จุดหมาย แน่นอน! ความสนใจหรือแรงจูงใจในการเรียนของทุกคนจะลดน้อยลง ดังนั้นอันดับแรกทุกคนต้องมีเป้าหมายในใจหรือเขียนออกมาเลยว่า “ฉันเรียนไปเพื่ออะไร” เช่น ต้องการเรียนเพื่ออนาคตจะไปเป็นแพทย์ เป็นต้น วางแผนการเรียน เมื่อกำหนดเป้าหมายชัดเจน ทุกคนก็ศึกษาว่าในสิ่งที่เราจะเป็นนั้นต้องเรียนอะไร ใช้ผลการเรียนอย่างไร แล้วเขียนใส่กระดาษแล้วย้ำกับตนเองเสมอต้องทำตามแผนการให้ได้ แบ่งเวลาให้เป็น การเรียนสำคัญก็จริงแต่ประสบการณ์ชีวิตสำคัญกว่า ดังนั้นทุกคนควรแบ่งเวลาเรียนและเพิ่มพูนทักษะชีวิตควบคู่กันไปด้วย นอกจากจะ เรียนเก่ง แล้วการใช้ชีวิตก็ดีด้วย…

ต้องอ่าน! กับ 5 เทคนิคเรียนเก่ง อย่างไร…? ให้ทำข้อสอบประสบผลสำเร็จ

ต้องอ่าน! กับ 5 เทคนิคเรียนเก่ง เรียนอย่างไร…? ให้ทำข้อสอบประสบผลสำเร็จ

               หลายคนเลยที่ไม่ทราบว่าเรียนหนักไปเพื่ออะไร…? บางคนเรียนดี ผลการเรียนติดอันดับต้น ๆ ของห้องเรียนหรือของโรงเรียน ทว่าทำไมไม่ประสบผลสำเร็จของการทำข้อสอบเลย ทั้ง ๆ ที่จดจำเนื้อหาได้ครบถ้วนแต่กลับตอบคำถามไม่ได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เชื่อเลยว่านักเรียนหลายคนกำลังพบเจออยู่แน่นอน! โดยสาเหตุหลักที่ทุกคนจำเนื้อหาได้แต่ไม่สามารถดึงความรู้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้นั้นก็เพราะไม่เข้าใจเนื้อหาจริง ๆ นั้นเอง บทความนี้จึงรวบรวม 5 เทคนิคเรียนเก่ง ให้ทำข้อสอบได้ ดังนี้ แนะนำ เทคนิคเรียนเก่ง เรียนอย่างไรให้ทำข้อสอบได้ดี เปลี่ยนตัวหนังสอให้เป็นภาพ คำว่า “ภาพ” ในที่นี่ หมายถึง การเรียนในห้องเรียนรวมถึงกลับมาทบทวนความรู้แล้วสามารถเขียนออกมาเป็นแผนภาพความรู้หรือสามารถมองเห็นภาพความเชื่อมโยงของเนื้อหาได้ในอากาศ เทคนิคเรียนเก่ง หากทุกคนสามารถทำในลักษณะนี้ได้รับรองการเรียนปัง! เชื่อมโยงความรู้ได้ การเชื่อมโยงความรู้คือการนำความรู้ที่เคยเล่าเรียนมาในอดีตใช้เป็นเหตุผลในการพิจารณาคำตอบได้นั้นเอง สอนเพื่อน หลายคนเมื่อเรียนเข้าใจแล้วเกิดอาการหวงวิชา ซึ่งการหวงวิชาเป็นสิ่งที่ไม่ดีเลยนะคะ ทุกคนต้องคิดใหม่ว่า…การสอนเพื่อนเป็นการทบทวนความรู้เพราะในเนื้อหาบางครั้งทุกคนไม่สามารถเข้าใจได้ 100% หรือหลงลืม แต่เมื่อสอนเพื่อนไป อ้าว! ตรงนี้ทุกคนไม่สามารถตอบเพื่อนได้ก็ต้องไปหาคำตอบมาส่งผลให้ความรู้ของทุกคนมีแต่เพิ่มพูน ข้อนี้เป็น เทคนิคเรียนเก่ง ของนักเรียนหัวกะทิเลยนะคะ ทบทวนโดยไม่ต้องอ่านหนังสือ ห้ามจดสรุปเป็นตัวหนังสือยาว ๆ คำว่า “สรุป” มันต้องกระชับ…

ส่องเคล็ดไม่ลับ! กับ 5 วิธีเพิ่มเกรด 3.5+ ง่าย ๆ ฉบับคนขี้เกียจ

ส่องเคล็ดไม่ลับ! กับ 5 วิธีเพิ่มเกรด 3.5+ ง่าย ๆ ฉบับคนขี้เกียจ

               เนื่องจากในปัจจุบันทุกคนไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า “การศึกษา” ไม่ใช่สิ่งสำคัญในการประกอบอาชีพ นักเรียนนักศึกษาในประเทศไทยใช้เวลากว่า 8 ชั่วโมงในการเล่าเรียนเพื่อนำความรู้ไปต่อยอดในระดับชั้นที่สูงขึ้นไป ทว่านักเรียนนักศึกษาหลายคนทุ่มเททั้งพลังกายพลังใจแต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่เป็นอย่างหวัง ผลการเรียนตก! เครียด! จะเพิ่มเกรดอย่างไร…? บทความนี้มี วิธีเพิ่มเกรด 3.5+ ง่าย ๆ ฉบับคนขี้เกียจมาแนะนำ แนะนำ วิธีเพิ่มเกรด 3.5+แบบง่าย ๆ ตั้งใจเรียนในห้องเรียน เป็นวิธีเพิ่มเกรด 3.5+แบบง่ายๆ ด้วยการฟังคุณครูสอนมาก ๆ ในห้องสามารถทำให้นักเรียนนักศึกษาไม่ต้องอ่านหนังสือหนัก ๆ ก่อนสอบก็เชื่อมโยงเนื้อหาถึงกันได้และยังเป็นความรู้ความเข้าใจที่ฝังแน่นในสมองที่คงทนมาก ๆ ทบทวนความรู้ การทบทวนความรู้ในที่นี่ คือ หากในเวลาเรียนทุกคนยังไม่เข้าใจอย่างถี่ถ้วนให้กลับมาอ่านหรือทำโจทย์ปัญหาทบทวนมาก ๆ และควรทำวันต่อวันทันที เพราะนักเรียนต้องเรียนหนังสือทุกวัน แต่ละวันมีการจัดการเรียนการสอนที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นควรตั้งใจทบทวนแต่ละวันให้ครบ ส่งงานให้ครบทุกรายวิชา ต้องบอกก่อนว่าภาระงานแต่ละชิ้นทุกคนอย่ามองข้าม! โดยอัตราส่วนการเก็บคะแนนจะแบ่งเป็นการสอบ 50 คะแนน ภาระงาน 50 คะแนน หากทุกคนสามารถกวาดคะแนนภาระงานได้ครบถ้วน ตั้งใจสอบอีก 30…

How to ทำอย่างไร…? เราถึงจะสร้าง สมุดจดบันทึก น่าอ่านๆ ได้

How to ทำอย่างไร…? เราถึงจะสร้าง สมุดจดบันทึก ให้น่าอ่านๆ ได้

               ในวัยเรียนการมีสมุดบันทึกความรู้หรือสมุดสรุปแต่ละวิชาเป็นที่ยอดนิยมมาก ๆ เพราะสมุดบันทึกต่าง ๆ สามารถช่วยให้นักเรียนนักศึกษาหรือแม้แต่คนทำงานทั่วไปเข้าใจในเนื้อหาความรู้หรือภาระงานได้ง่ายดายด้วยเวลาอันสั้น แต่สมุดจดบันทึกไม่ใช่ทุกเล่มไปที่น่าอ่าน หลายคนคงเคยประสบปัญหาสรุปองค์ความรู้ด้วยตนเองแต่ไม่อยากอ่านเพราะสมุดดูไม่น่าสนใจเท่าไหร่… ยิ่งคนที่ไม่หัวด้านศิลปะเลยการตกแต่งให้สมุดบันทึกงดงามเป็นได้ยาก วันนี้เราจึงรวบรวมเทคนิคสร้าง สมุดจดบันทึก ให้น่าอ่าน ดังนี้ รวบรวม เทคนิคสร้าง สมุดจดบันทึก ให้น่าอ่าน วาดกรอบหัวข้อให้น่ารัก การวาดกรอบใน สมุดจดบันทึก ที่หัวข้อให้ดูโดดเด่นสะดุดตาสามารถเพิ่มความสนใจในเนื้อหาได้เป็นอย่างดี ถ้าแต่งแต้มสีสันเข้าไปอีกสักหน่อย รับรองปัง! ของตกแต่งต้องครบ ของตกแต่งที่ว่าไม่จำเป็นต้องวดเองก็ได้นะคะ ใครไม่ถนัดด้านศิลปะแนะนำว่าซื้อสติ๊กเกอร์รูปภาพที่ตนเองชอบหรือเกี่ยวกับเนื้อหามาแปะตามกรอบหรือปิดช่องว่างให้พอดูสวยงาม ข้อควรระวัง คือ ห้ามติดของตกแต่งมากไปจนดูรกนะคะ จะดูไม่น่าอ่านนั้นเอง ทำสัญลักษณ์แต่ละหัวข้อย่อย การจดสรุป แน่นอน! มีหัวข้อหลังย่อมมีหัวข้อย่อย การทำให้หัวข้อย่อยเป็นที่สนใจควรมีการตกแต่งเล็กน้อยให้ดูเด่นขึ้นมา หัดวาดภาพ การทำ สมุดจดบันทึก ไม่ใช่ว่าทุกคนไม่มีความตึงเครียด ดังนั้นการได้วาดภาพระบายสีเองบนสมุดบันทึกสามารถผ่อนคลายอารมณ์เครียดลงได้แถมทุกตัวอักษรที่ลงมือเขียนเองจนถูกสมองจดจำได้ในระยะยาวอีกด้วย แต่ใด ๆ เลยนะคะ ไม่ว่าทุกคนจะตกแต่ง สมุดจดบันทึก สมุดสรุปวิชาดีขนาดไหน หากเนื้อหายังไม่วางเป็นระบบก็ไม่สามารถเพิ่มพูนความรู้ของทุกคนได้เช่นกัน ดังนั้นทุกคนควรอ่านเนื้อหาในรายวิชานั้นให้ถี่ถ้วนและเขียนสรุปความรู้จากสมองของทุกคนที่เข้าใจ เรียงหัวข้อให้เป็นระบบสอดคล้องกันทั้งเรื่อง สมุดบันทึก…

แนะนำ วิธีการตัดปัญหาแก้ ข้อสอบ จากที่ถูกอยู่แล้วเป็นผิด

แนะนำ วิธีการตัดปัญหาแก้ “ข้อสอบ” จากที่ถูกอยู่แล้วเป็นผิด

               เคยเจอปัญหานี้กันบ้างไหม เตรียมตัวมาอย่างดี เวลาสอบก็ตั้งใจทำ ข้อสอบ อย่างสุดความสามารถ ข้อไหนคิดออกก็ลงมือแก้โจทย์นั้นก่อน ข้อไหนทำไม่ได้ก็ข้ามไปเพื่อความรวดเร็ว และถ้าข้อไหนไม่แน่ใจก็ใช้วิธีตัดตัวเลือกจนเหลือแค่ 2 ข้อ เอาไว้ตัดสินใจในวินาทีสุดท้าย เรื่องทำได้หรือไม่ได้ก็ส่วนหนึ่ง แต่ที่เจ็บใจมากสุดก็คือการ เลือกตอบในข้อที่ถูกแล้ว พอเวลาตรวจทานซ้ำกลับเปลี่ยนไปเลือกข้อผิด ช้ำใจยิ่งกว่าทำไม่ได้เสียอีก ใครที่เจอกับเหตุการณ์แบบนี้บ่อยๆ ลองใช้วิธีเหล่านี้ดู ปัญหาการแก้ ข้อสอบ จากถูกเป็นผิด จะหมดไปด้วยวิธีเหล่านี้ จำไว้ว่าการตัดสินใจครั้งแรกมีเปอร์เซ็นต์ถูกมากกว่าเสมอ             อันนี้เราพูดถึงกรณีที่ค่อนข้างมั่นใจในการทำ ข้อสอบ นั้นๆ หากในครั้งแรกที่แก้โจทย์ เรารู้สึกว่าลังเลอยู่แค่เล็กน้อย เวลาตรวจทานให้ข้ามข้อนั้นไปได้เลย เพียงแค่ดูว่าทำครบถ้วนแล้วก็พอ อย่าย้ำคิดย้ำทำ อีกอย่างหนึ่งคือตอนที่เราคิดซ้ำสมองก็เริ่มล้าแล้วด้วย โอกาสผิดจึงสูง เลือกทำโจทย์อัตนัยที่พอทำได้แล้วใช้เวลามากก่อน             ยิ่งโจทย์ใน ข้อสอบ ยากเท่าไร เราก็ยิ่งต้องใช้สมองมากเท่านั้น การเก็บข้อยากไว้ทำช่วงท้ายๆ จึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก เว้นเสียแต่เราจะทำไม่ได้อยู่แล้ว ก็ปล่อยทิ้งไปได้เลย ไปเลือกเก็บเอาข้อที่ทำได้จะดีกว่า ทีนี้เมื่อทุ่มเทสมาธิในการหาคำตอบไปแล้ว ให้ตัดใจวัดดวงไปเลย ถูกก็ถูก ไม่ถูกก็แล้วไป…