มต้น

อวสานการปิดเทอม เมื่อแนวคิดใหม่จาก สพฐ. กำลังมา

อวสานการปิดเทอม เมื่อแนวคิดใหม่จาก สพฐ. กำลังมา

               เรื่องของความไม่ลงตัวในระบบการศึกษานับว่ามีมานานเหลือเกินแล้ว ผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยก็แก้ไม่หายสักที ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นด้วยสาเหตุใด แต่ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะความไม่เข้าใจกันระหว่างผู้กำหนดกฎเกณฑ์กับผู้เรียนจริงๆ นั่นเอง อย่างล่าสุดก็มีกระแสเปลี่ยนแปลงช่วงเวลาของการ อวสานการปิดเทอม โดยไอเดียนี้มาจากสพฐ. ที่มองว่าอยากจะปรับแนวทางการศึกษาให้ดีขึ้น เลยมองว่าให้เด็กได้เรียนยาวรวดเดียว 8 เดือนไปเลย จากนั้นค่อยพักกันทีเดียว 4 เดือนเต็ม นโยบายแบบใหม่ สพฐ. อวสานการปิดเทอม                ถึงแม้ว่าตอนนี้เรื่อง อวสานการปิดเทอม นโยบายแบบใหม่จะยังไม่ได้มีผลบังคับใช้อะไร แต่ก็มีหลายกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันพอสมควร เพราะการหยุดพักช่วงเรียนแบบเดิม คือมีปิดภาคการเรียนย่อยและปิดภาคการเรียนใหญ่ มันทำให้เด็กได้ผ่อนคลายแล้วออกไปใช้ชีวิตเพื่อทำกิจกรรมอย่างอื่นบ้าง ไม่ใช่ว่าตั้งหน้าตั้งตาเรียนกันอย่างเดียว แต่แบบเดิมก็มีปัญหาตรงที่บางโรงเรียนไม่สามารถสอนเนื้อหาให้จบทันเวลาได้ เด็กม.6 หลายคนยังไม่ได้เรียนเนื้อหาบทท้ายๆ ก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ                ทางผู้ใหญ่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงมองว่า การปิดเทอมที่รวบเป็นครั้งเดียวใน 1 ปี น่าจะทำให้การเรียนรู้ของเด็กๆ ต่อเนื่องมากกว่า การเก็บเนื้อหาก็คงครบถ้วนได้ และหากมันเรียนไม่ทัน ทางโรงเรียนก็สามารถต่อเวลาในช่วงหยุดได้เล็กน้อย ซึ่งหากมองเทียบกับความเป็นจริงแล้ว นโยบาย อวสานการปิดเทอม นี้ดูจะไม่ตอบโจทย์เท่าไร เพราะมันเป็นการคิดมุมเดียวเท่านั้น คือให้ความสำคัญกับการเก็บเนื้อหาให้ครบไป                ทั้งที่ความจริงมันไม่ใช่ประเด็นนั้นโดยตรง…

แนะนำ วิธีการตัดปัญหาแก้ ข้อสอบ จากที่ถูกอยู่แล้วเป็นผิด

แนะนำ วิธีการตัดปัญหาแก้ “ข้อสอบ” จากที่ถูกอยู่แล้วเป็นผิด

               เคยเจอปัญหานี้กันบ้างไหม เตรียมตัวมาอย่างดี เวลาสอบก็ตั้งใจทำ ข้อสอบ อย่างสุดความสามารถ ข้อไหนคิดออกก็ลงมือแก้โจทย์นั้นก่อน ข้อไหนทำไม่ได้ก็ข้ามไปเพื่อความรวดเร็ว และถ้าข้อไหนไม่แน่ใจก็ใช้วิธีตัดตัวเลือกจนเหลือแค่ 2 ข้อ เอาไว้ตัดสินใจในวินาทีสุดท้าย เรื่องทำได้หรือไม่ได้ก็ส่วนหนึ่ง แต่ที่เจ็บใจมากสุดก็คือการ เลือกตอบในข้อที่ถูกแล้ว พอเวลาตรวจทานซ้ำกลับเปลี่ยนไปเลือกข้อผิด ช้ำใจยิ่งกว่าทำไม่ได้เสียอีก ใครที่เจอกับเหตุการณ์แบบนี้บ่อยๆ ลองใช้วิธีเหล่านี้ดู ปัญหาการแก้ ข้อสอบ จากถูกเป็นผิด จะหมดไปด้วยวิธีเหล่านี้ จำไว้ว่าการตัดสินใจครั้งแรกมีเปอร์เซ็นต์ถูกมากกว่าเสมอ             อันนี้เราพูดถึงกรณีที่ค่อนข้างมั่นใจในการทำ ข้อสอบ นั้นๆ หากในครั้งแรกที่แก้โจทย์ เรารู้สึกว่าลังเลอยู่แค่เล็กน้อย เวลาตรวจทานให้ข้ามข้อนั้นไปได้เลย เพียงแค่ดูว่าทำครบถ้วนแล้วก็พอ อย่าย้ำคิดย้ำทำ อีกอย่างหนึ่งคือตอนที่เราคิดซ้ำสมองก็เริ่มล้าแล้วด้วย โอกาสผิดจึงสูง เลือกทำโจทย์อัตนัยที่พอทำได้แล้วใช้เวลามากก่อน             ยิ่งโจทย์ใน ข้อสอบ ยากเท่าไร เราก็ยิ่งต้องใช้สมองมากเท่านั้น การเก็บข้อยากไว้ทำช่วงท้ายๆ จึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก เว้นเสียแต่เราจะทำไม่ได้อยู่แล้ว ก็ปล่อยทิ้งไปได้เลย ไปเลือกเก็บเอาข้อที่ทำได้จะดีกว่า ทีนี้เมื่อทุ่มเทสมาธิในการหาคำตอบไปแล้ว ให้ตัดใจวัดดวงไปเลย ถูกก็ถูก ไม่ถูกก็แล้วไป…

เร็วเกินไปไหม? กับการเลือก แนวทางวิชาชีพ ตั้งแต่มัธยมต้น

เร็วเกินไปไหม? กับการเลือก แนวทางวิชาชีพ ตั้งแต่มัธยมต้น

               หลักสูตรการเรียนการสอนสมัยก่อน มันจะมีการกำหนดรายวิชาแต่ละหลักสูตร เอาไว้ค่อนข้างชัดเจน แล้วก็เหมือนๆ กันทั้งประเทศ ต่างกันแค่บรรยากาศและสไตล์การสอนของครูเท่านั้น แต่เมื่อวิถีชีวิตของคนในสังคมเปลี่ยนแปลงไป หลักสูตรก็ทำให้สอดคล้องกับ แนวทางวิชาชีพ มากขึ้น เช่น มีการเรียนเพื่อเตรียมเป็นหมอ เรียนเพื่อเตรียมเป็นวิศวกร เป็นต้น ยิ่งในตอนนี้ บางโรงเรียนก็ยิ่งพัฒนาไปไกลกว่านั้น คือไม่จำกัดแค่สายวิทย์หรือศิลป์ แต่จำแนกไปตามสายอาชีพเลย แนะนำ แนวทางวิชาชีพ ให้เด็กๆ ทุกคนได้รู้จัก                โรงเรียนหนึ่งที่น่าสนใจคือกรุงเทพคริสเตียน ที่สร้างแผนการเรียนที่เป็น แนวทางวิชาชีพ มากถึง 15 สาขา เช่น วิศวกรรมศาสตร์ นิเทศศาสตร์ ศิลปะการอาหาร บริหารธุรกิจ แพทย์ศาสตร์ เป็นต้น ทั้งหมดนี้เด็กจะต้องเลือกให้ได้ก่อนจบมัธยมต้น เพื่อให้เป็นแผนเรียนในระดับชั้นมัธยมปลาย เหมือนกับสมัยที่ต้องเลือกสายวิทย์หรือศิลป์นั่นเอง แถมยังเปลี่ยนสายได้เมื่อเรียนไปแล้วรู้สึกว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ชื่นชอบ แต่จะต้องเปลี่ยนภายในระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น คือก่อนที่จะขึ้นระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ซึ่งก็ถือว่าเพียงพอแล้วกับการทำความรู้จักตัวเอง                รูปแบบการแบ่งหลักสูตรแบบนี้ก็นับว่ามีข้อดีค่อนข้างมาก แต่พอมองว่ามันเป็นการเลือก แนวทางวิชาชีพ ที่เราสนใจจะทำงานจริงๆ…

เทคนิคเพิ่มเกรด ด้วยการเลือก ช่องเก็บคะแนน ตั้งแต่ต้นเทอม

เทคนิคเพิ่มเกรด ด้วยการเลือก ช่องเก็บคะแนน ตั้งแต่ต้นเทอม

            เคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมเพื่อนร่วมชั้นที่ได้เกรดดีๆ หลายคน ถึงดูไม่ค่อยตึงเครียดเหมือนกับเราในช่วงเวลาสอบ ราวกับว่ามันเป็นเรื่องง่ายดายเหลือเกิน ขณะที่เราอยากจะเพิ่มเกรดให้ดีกว่าเดิม ก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือมากขึ้น ติวกับเพื่อนมากขึ้น อดหลับอดนอนมากขึ้น สุดท้ายคะแนนก็ไม่ทิ้งห่างจากที่เคย มิหนำซ้ำบางวิชายังคะแนนต่ำกว่ามาตรฐานของตัวเองไปอีก ถ้าทุ่มสุดตัวขนาดนี้แล้วยังไม่ได้ผล ก็คงต้องมี เทคนิคเพิ่มเกรด และมาวางแผนแบบที่เด็กเก่งเขาทำกันบ้างแล้วนะ แนะนำ เทคนิคเพิ่มเกรด ให้กับเด็กๆ ที่จริงจังกับการเรียน                จุดสำคัญที่มีเด็กไม่กี่คนทำอย่างจริงจังในการเพิ่มเกรดก็คือ เทคนิคเพิ่มเกรด ด้วยการให้น้ำหนักกับคอร์สเซเลบัส หรือแผนการเรียนตลอดทั้งเทอม ปกติแล้วครูจะแจกให้ในวันแรกของการเรียน เราจะได้รู้ว่ามีเนื้อหาเรื่องอะไรบ้าง จะแบ่งวิธีการเก็บคะแนนเป็นอย่างไร และนี่แหละคือเคล็ดลับที่ช่วยให้เราไม่ต้องทำงานหนักเกินไป เพียงแค่รู้จักวางแผนให้เหมาะสมกับเป้าหมาย แล้วก็ทำตามแผนนั้นอย่างเคร่งครัด                ตัวอย่างใน เทคนิคเพิ่มเกรด จากการวิเคราะห์คอร์สเซเลบัสก็คือ ให้ดูว่ามีการเก็บคะแนนยิบย่อยรายทางมากน้อยแค่ไหน คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ แล้วประเมินควบคู่ไปกับความยากง่ายของเนื้อหา เราจะเก็บได้มากแค่ไหน ตรงนี้ยิ่งได้มากก็จะผ่อนแรงตอนสอบไปเยอะ หลายคนได้เกรด 3 ก่อนถึงวันสอบด้วยซ้ำไป การสอบกลางภาคก็สำคัญ ต้องดูว่าเนื้อหาส่วนไหนจะออกสอบบ้าง เราก็ตั้งใจเรียนและทำความเข้าใจบทนั้นแต่เนิ่นๆ                อีกอย่างหนึ่งคือ ให้รู้ว่า เทคนิคเพิ่มเกรด…

การเรียนแบบ Homeschool เป็นการศึกษา การเรียนแบบไหน ?

การเรียนแบบ Homeschool เป็นการศึกษา การเรียนแบบไหน ?

               การเรียนแบบ Homeschool ถือเป็นการเรียนการสอนอย่างหนึ่ง ที่อยู่ในหลักสูตรของการศึกษาของไทย อีกทั้งทั่วโลกเองก็ได้มีการรับรองการเรีนยการสอนแบบ Homeschool นี้ด้วยเหมือนกัน โดยหลักสูตรแบบนี้สามารถที่จะเรียนที่ได้บ้านได้เลย และไม่ต้องเดินทางมาโรงเรียนทุกวัน นอกจจากนี้ในเรื่องของเนื้อหาการเรียนก็จะค่อนข้างแตกต่างกับหลักสูตรในโรงเรียนปกติ แต่เด็กที่เรียนหลักสูตรนี้ ก็สามารถไปสอบหรือเทียบโอนการเรียนเหมือนเด็กทั่วไปได้เลย แนวทาง หลักสูตร Homeschool                โดยหลักสูตรของ Homeschool ได้ถูกพัฒนามาจากการเรียนการสอนแบบบูรณาการณ์ ที่จะเน้นให้เด็กได้ใช้ทักษะในการลงมือทำด้วยตัวเอง และพร้อมที่เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว แต่ก็จะมีการเน้นการสอนในเรื่องของวิชาการเสริมเข้าไปด้วย เพื่อเด็กได้เรียนรู้ในตำราเรียนเหมือนกับเด็กที่ไปโรงเรียน โดยผู้ปกครองเองก็ต้องจัดตารางการเรียนการสอนในแต่ละวัน ให้เหมาะสมกับพวกเขา                ซึ่งการจัดการในการวางแผนการเรีนยแบบ Homeschool นี้ ผู้ปกครองจะต้องมีความรับผิดชอบเป็นอย่างมาก เพราะในแต่วันนอกจากจะมีการเรียนการสอนแบบวิชาการแล้ว ก็ต้องคอยจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบอื่น ๆ เสริมเข้าไปอีกด้วย เพราะไม่ใช่ว่าจะปล่อยปะละเลยได้ ซึ่งผู้ที่เรียนแบบHomeschool ก็ต้องผ่านการประเมิณหรือแบบทดสอบเหมือนกัน อีกทั้งนี้ในหนึ่งสัปดาห์ก็ต้องไปเรียนกับคุณครูด้วยเช่นกัน เพื่อติวเกี่ยวกับวิชาที่ทางกระทรวงเขาได้กำหนดมาให้                และการเรียนแบบ Homeschool คือการเรียนที่บ้าน ซึ่งใครหลายคนคิดว่าสบาย แต่ใช้ว่าใครก็จะเรียนหลักสูตรนี้ได้ เนื่องจากว่าหลักสูตรHomeschool จะเหมาะกับเด็กที่อาจจะมีปัญหา…

ภาวะสิ้นหวังในการเรียน ปัญหาของเด็ก ที่ผู้ใหญ่ต้องช่วยแก้

ภาวะสิ้นหวังในการเรียน ปัญหาของเด็ก ที่ผู้ใหญ่ต้องช่วยแก้

            งานนี้เราไม่ได้ยกเรื่องมาพูดกันลอยๆ เกี่ยวกับ ภาวะสิ้นหวังในการเรียน ของเด็ก เพราะมีการวิจัยในเชิงจิตวิทยากันอย่างจริงจัง ก่อนหน้านี้เด็กวัยเรียนมักจะมีปัญหาความเครียดได้ง่าย พอเครียดมากก็รับมือไม่ไหวแล้วไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร เหมือนกับที่เราได้เห็นกรณีของเด็กที่คิดจะฆ่าตัวตายเพียงแค่เกรดตกมาไม่กี่จุด และเด็กที่มีอาการซึมเศร้าเนื่องจากทำเป้าหมายด้านการเรียนไม่สำเร็จตามความคาดหวังของพ่อแม่ ปัญหา ภาวะสิ้นหวังในการเรียน ของเด็ก                จากความเครียดในวันนั้น ต่อยอดมาถึง ภาวะสิ้นหวังในการเรียน ในวันนี้ เวลาพูดถึงความเครียดของเด็ก มันจะมีสโคปค่อนข้างกว้าง กลุ่มของเด็กที่มีปัญหาก็หลายหลาย เด็กหลังห้องก็เครียดได้ เด็กโอลิมปิกก็เครียดได้เหมือนกัน แต่สำหรับภาวะสิ้นหวังนี้ มันจะเจาะจงไปที่เด็กหัวปานกลางถึงเด็กหัวช้า คิดอ่านตามเพื่อนไม่ค่อยทัน แม้ว่าจะพยายามศึกษาเพิ่มเติมด้วยตัวเองแล้วก็ตามที                สิ่งที่ผู้ใหญ่ในวงการการศึกษาต้องตระหนักในเรื่องของการศึกษาให้มากขึ้นก็คือ ปัจจัยหลักของ ภาวะสิ้นหวังในการเรียน มาจากการสอบวัดระดับ ทุกครั้งที่มีการสอบ เด็กจะตึงเครียดกันมาก ไหนจะต้องจดจำเนื้อหา ไหนจะต้องฟันฝ่าเพื่อไม่ให้เป็นลำดับท้ายๆ ของชั้น หรือไม่ให้ตัวเองได้เกรดต่ำกว่าที่คาดหวัง ข้อดีของความเครียดตรงนี้ก็คือ มันกระตุ้นให้เด็กลุกขึ้นมาตั้งเป้าและพยายามทุกวิถีทางให้ไปถึงเป้านั้นได้ หลายคนจึงมีพัฒนาการที่ดีขึ้น                ขณะเดียวกันก็มีอีกหลายคนที่ตั้งเป้าการเรียนการศึกษาไว้เท่าไรก็ไม่เคยไปถึงได้ เรียนในห้องก็แล้ว เรียนพิเศษก็แล้ว ดูเหมือนจะไม่มีอะไรดีขึ้น เขาจึงเริ่มรู้สึกว่าเขาช่วยเหลือตัวเองไม่ไหวแล้ว พาลไปถึงการแก้ปัญหาในจุดอื่น คือเสื่อมศรัทธาในตัวเอง กลายเป็น…

สร้างความสุข และประสบความสำเร็จ ในการเรียนรู้ด้วย PERMA Model

สร้างความสุข และประสบความสำเร็จ ในการเรียนรู้ด้วย PERMA Model

               การประสบความสำเร็จในด้านการเรียน ใช้เพียงแค่เทคนิคในการพัฒนาทักษะ พัฒนาสมอง และเคล็ดลับการเรียนต่างๆ จากรุ่นพี่และสถาบันติว มันไม่เพียงพอ จำเป็นต้องมีระดับความสุขที่เหมาะสมในทุกครั้งที่เกิดการเรียนรู้ด้วย ซึ่ง PERMA Model ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการสร้างความสุขที่น่าสนใจ สามารถปรับใช้ได้กับทุกเรื่องในชีวิต ไม่ได้เฉพาะเจาะจงกับการศึกษาของเด็กๆ เท่านั้น และจากสถิติที่ผ่านมา พบว่าผู้ที่ใช้แนวทางนี้มีค่าความสุขเพิ่มขึ้นในระยะเวลาอันสั้น ใจความหลักของ PERMA Model                หากสรุปใจความหลักของ PERMA Model ให้เข้าใจได้ง่าย มันก็คือการมองโลกในแง่ดี แล้วอาศัยองค์ประกอบแวดล้อมเข้ามาช่วยสนับสนุน คำว่า PERMA เป็นการรวมของอักษรที่มีความหมายเฉพาะตัว ได้แก่ ตัวอักษร P- Positive Emotion ตัวอักษร E- Engagement ตัวอักษร R- Relationships ตัวอักษร M- Meaning และสุดท้ายตัวอักษร A- Accomplishments เหมือนกับการแบ่งเป็นหมวดหมู่ 5 หมวด…

ควรเลือก ติวเตอร์ภาษาอังกฤษ ยังไง? ให้เรียนแล้วได้ผลจริง

ควรเลือก ติวเตอร์ภาษาอังกฤษ ยังไง? ให้เรียนแล้วได้ผลจริง

            เรื่องของการเรียนภาษาอังกฤษให้ได้ผล มันก็มีปัจจัยร่วมหลายอย่าง ประการแรกเลยก็คือตัวเราเองต้องมีความใส่ใจและมีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ด้วย ไม่อย่างนั้นต่อให้ใช้วิธีสุดพิเศษขนาดไหนก็ไม่มีทางพัฒนาทักษะทางภาษาให้ดีกว่าเดิมได้ อีกด้านหนึ่งก็คือ ติวเตอร์ภาษาอังกฤษ เราต้องคัดกรองผู้สอนที่เขาสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ให้เราได้ อธิบายเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย พร้อมใช้งานได้จริงเท่านั้น ลองมาดูว่าเราจะมีแนวทางในการเลือกอย่างไรบ้าง แนวทางการเลือก ติวเตอร์ภาษาอังฤษ ให้ได้ผล Native speaker ก็ยังไม่สำคัญเท่าไร                ส่วนใหญ่แล้วคนที่เริ่มสนใจเรียนภาษาอังกฤษ ก็มักจะมองหา ติวเตอร์ภาษาอังกฤษ ที่เป็นเจ้าของภาษาเอง โดยหวังว่าจะได้เรียนรู้สำเนียงที่แท้จริง พร้อมกับการใช้งานที่ถูกต้องแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ความเป็นจริงแล้วเจ้าของภาษาบางท่านก็ไม่ได้เป็นผู้สอนที่ดีเสมอไป ลองนึกย้อนมาดูตัวเราก็ได้ เรายังไม่สามารถอธิบายภาษาไทยได้แบบถูกต้องสมบูรณ์เลย จึงควรเลือกเรียนกับคนที่ฟังแล้วเข้าใจได้ง่ายก่อนมากกว่า มองหาติวเตอร์ที่พาเราฝึกใช้ภาษา             ทักษะทางด้านภาษามันเป็นเรื่องของการใช้งาน ถ้าเรียนแล้วไม่ใช้ก็ไม่มีทางได้ หรือไปเรียนอะไรที่มันไม่จำเป็นต้องใช้ก็ไม่มีประโยชน์เหมือนกัน ดังนั้น ติวเตอร์ภาษาอังกฤษ ควรเป็นคนที่พาเราพูดคุยเป็นภาษาอังกฤษ มากกว่ามานั่งเปิดตำราพาเราท่อ่งไวยกรณ์ และเขาก็ควรบอกเราได้ว่าศัพท์คำไหนจำเป็นต้องรู้ เนื่องจากใช้งานเป็นประจำ ศัพท์คำไหนที่รู้ไว้แค่เปิดโลกทางภาษา ถึงจำไม่ได้ก็ไม่เลวร้ายมากนัก เลือกอยู่กับติวเตอร์ที่สบายใจ             ติวเตอร์ภาษาอังกฤษ จะมีสไตล์การสอนที่ต่างกัน แล้วก็ทำให้บรรยากาศในการเรียนรู้ต่างกันด้วย ประเด็นนี้จะไม่มีผิดหรือถูก เพราะมันเป็นสไตล์ของผู้เรียนด้วยเช่นกัน…

ชีทสรุป ที่มีขายแบบออนไลน์ ช่วยเพิ่มเกรดได้จริงหรือไม่

ชีทสรุป ที่มีขายแบบออนไลน์ ช่วยเพิ่มเกรดได้จริงหรือไม่

            เคยหาซื้อสมุดขนาดพกพาเล่มสวย กับปากกาหลากสีสัน เพื่อมาจดสรุปเนื้อหาวิชาที่เรียนไปแล้วกันบ้างไหม บ้างก็เรียนไปจดไป บ้างก็เอาไปสรุปแบบให้มันน่าอ่านหลังเลิกเรียน สุดท้ายเราก็เอา ชีทสรุป เหล่านี้มาอ่านทบทวนก่อนสอบ และแน่นอนว่าจะมีเพื่อนบางคนมาขอยืมสรุปของเราไปถ่ายเอกสารเพื่ออ่านสอบด้วยเช่นกัน ใครที่เรียนเก่งๆ และจดประเด็นสำคัญของเนื้อหาได้ครบถ้วน ก็จะเป็นที่รักของเพื่อนๆ มากหน่อยในช่วงสอบนี้ ชีทสรุป ช่วยน้องๆ นักเรียน ได้จริงหรือ                และด้วยวงจรการทำ ชีทสรุป แบบนี้นี่เอง ที่ทำให้เกิดเป็นธุรกิจการเขียนสรุปเพื่อจำหน่ายให้เด็กนักเรียนโดยเฉพาะ เราจะเห็นว่ามีขายในสื่อโซเชียลค่อนข้างมาก ลักษณะของชีทก็จะทำไว้แบบแยกรายวิชา เน้นสีสันและรูปภาพน่ารักสดใส แล้วเนื้อหาก็ไม่ยืดเยื้อจนน่ารำคาญ เน้นให้เอาไปอ่านทำความเข้าใจได้ในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งก็ได้การตอบรับจากนักเรียนดีมากๆ เพราะหลายคนก็มองว่าเรียนในห้องไม่เข้าใจเลย เพื่อนก็ไม่มีใครเข้าใจ การได้รุ่นพี่ที่จบไปแล้วมาสรุปให้ก็น่าจะดีกว่า                คำถามก็คือว่า การซื้อ ชีทสรุป เหล่านี้มาใช้มันจะได้ประโยชน์จริงๆ หรือไม่ ทำไมคนที่ยืมสรุปของเพื่อนไปอ่านถึงได้คะแนนน้อยกว่าเพื่อนที่ทำสรุปเสมอกันหล่ะ มันก็เข้าทำนองเดียวกันคือ ถ้าเราเป็นคนตั้งใจเรียนในห้องอยู่แล้ว เข้าใจและจับประเด็นได้ เพียงแค่ขี้เกียจอ่านเนื้อหาหลายรอบ แถมไม่ชอบเขียนสรุป ชีทที่วางขายแบบนี้จะเป็นประโยชน์มากทีเดียว                ในทางกลับกัน หากเวลาเรียนก็ไม่ได้สนใจอะไรมากอยู่แล้ว คิดแค่ว่าเดี๋ยวอาศัยการอ่าน ชีทสรุป…

3 งานอดิเรก ที่ส่งเสริมการเรียนรู้ ที่ได้ประโยชน์ มากกว่าที่คิด

3 งานอดิเรก ที่ส่งเสริมการเรียนรู้ ที่ได้ประโยชน์ มากกว่าที่คิด

               อีกหนึ่งคำถามยอดฮิตของเด็กวัยเรียนก็คือ ทำยังไงถึงจะเรียนเก่งขึ้น ทำยังไงให้อ่านหนังสือเข้าใจมากขึ้น และต้องทุ่มเทขนาดไหนเกรดถึงจะดีขึ้น ซึ่งมันก็มีหลากหลายวิธีให้ได้ลองทำกัน และนี่ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วยให้ผลการเรียนของเราดีขึ้นโดยไม่รู้ตัว จาก งานอดิเรก ที่ทำในยามว่าง ยิ่งทำก็ยิ่งสนุก แถมได้ประโยชน์ในการพัฒนาสมองไปเต็มๆ แนะนำ งานอดิเรก เพื่อเสริมการเรียนรู้ที่ดี 1. วาดภาพ                น่าจะเป็นกิจกรรมที่ถูกใจเด็กสายศิลป์ไม่น้อยเลยทีเดียว ตรงนี้ไม่ได้หมายถึงการวาดภาพในกระดาษเท่านั้น การสร้างสรรค์รูปภาพผ่านโปรแกรมคอมพิวเตอร์อะไรก็นับรวมด้วยหมด งานอดิเรก ประเภทนี้จะช่วยเสริมสร้างจินตนาการในแบบที่นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง ไม่ใช่การคิดฝันไปเรื่อยเปื่อย และยังฝึกสมาธิได้ดี ช่วยให้เราสามารถจดจ่อกับงานตรงหน้าเป็นเวลานานได้ หมายความว่าเมื่อไปเรียนรู้สิ่งอื่น ก็จะมีสมาธิต่อเนื่องด้วยเช่นกัน 2. เล่นเกม                ในมุมมองของผู้ใหญ่หลายคน มักจะมองว่าเกมเป็นบ่อนทำลายการเรียนของเด็กๆ แต่หากเปิดใจมองดูสิ่งที่เป็นไปจริงๆ จะพบว่า งานอดิเรก ในกลุ่มนี้ช่วยพัฒนาสมองหลายส่วน ยิ่งถ้าเงื่อนไขและกติกาของตัวเกมมีความซับซ้อนมากเท่าไร มันก็ยิ่งเป็นการกระตุ้นให้เด็กได้ฝึกคิดแก้ปัญหามากเท่านั้น ได้ฝึกการวิเคราะห์และตัดสินใจด้วยตัวเอง ที่สำคัญยังเสริมด้านความจำด้วย เพียงแค่ต้องเล่นในช่วงเวลาที่พอดี ไม่มากเกินไป เพื่อไม่ให้ส่งผลเสียต่อร่างกาย 3. เล่นกีฬากลางแจ้ง                การออกกำลังกายเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว ได้ทั้งความสดชื่นและสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง แต่ถ้าอยากเสริมประสิทธิภาพของสมองด้วย…