หลักสูตรการเรียนการสอนสมัยก่อน มันจะมีการกำหนดรายวิชาแต่ละหลักสูตร เอาไว้ค่อนข้างชัดเจน แล้วก็เหมือนๆ กันทั้งประเทศ ต่างกันแค่บรรยากาศและสไตล์การสอนของครูเท่านั้น แต่เมื่อวิถีชีวิตของคนในสังคมเปลี่ยนแปลงไป หลักสูตรก็ทำให้สอดคล้องกับ แนวทางวิชาชีพ มากขึ้น เช่น มีการเรียนเพื่อเตรียมเป็นหมอ เรียนเพื่อเตรียมเป็นวิศวกร เป็นต้น ยิ่งในตอนนี้ บางโรงเรียนก็ยิ่งพัฒนาไปไกลกว่านั้น คือไม่จำกัดแค่สายวิทย์หรือศิลป์ แต่จำแนกไปตามสายอาชีพเลย
แนะนำ แนวทางวิชาชีพ ให้เด็กๆ ทุกคนได้รู้จัก
โรงเรียนหนึ่งที่น่าสนใจคือกรุงเทพคริสเตียน ที่สร้างแผนการเรียนที่เป็น แนวทางวิชาชีพ มากถึง 15 สาขา เช่น วิศวกรรมศาสตร์ นิเทศศาสตร์ ศิลปะการอาหาร บริหารธุรกิจ แพทย์ศาสตร์ เป็นต้น ทั้งหมดนี้เด็กจะต้องเลือกให้ได้ก่อนจบมัธยมต้น เพื่อให้เป็นแผนเรียนในระดับชั้นมัธยมปลาย เหมือนกับสมัยที่ต้องเลือกสายวิทย์หรือศิลป์นั่นเอง แถมยังเปลี่ยนสายได้เมื่อเรียนไปแล้วรู้สึกว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ชื่นชอบ แต่จะต้องเปลี่ยนภายในระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น คือก่อนที่จะขึ้นระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ซึ่งก็ถือว่าเพียงพอแล้วกับการทำความรู้จักตัวเอง
รูปแบบการแบ่งหลักสูตรแบบนี้ก็นับว่ามีข้อดีค่อนข้างมาก แต่พอมองว่ามันเป็นการเลือก แนวทางวิชาชีพ ที่เราสนใจจะทำงานจริงๆ ในอนาคต ก็มีหลายเสียงให้ความเห็นว่ามันเร็วเกินไปหรือไม่ ที่เด็กจะต้องตัดสินในเรื่องใหญ่ขนาดนี้ตั้งแต่มัธยมศึกษาตอนต้น แน่นอนว่าหากทางโรงเรียนเตรียมตัวมาไม่ดีพอ ไม่มีการปูพื้นให้เด็กเข้าใจความหมายของแต่ละสายอาชีพ ก็จะทำให้เกิดปัญหาอื่นตามมา แต่เรื่องระยะเวลา จะเร็วหรือช้าก็ไม่ได้มีผลมากนักกับยุคปัจจุบัน
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเด็กยุคใหม่เรียนรู้และเข้าถึงข้อมูลได้เร็วมาก พวกเขาคิดถึง แนวทางวิชาชีพ ก่อนที่ระบบการศึกษาจะสร้างหลักสูตรมารองรับเสียอีก ถ้าพวกเขาเรียนจนจบมัธยมปลาย แล้วพบว่าสิ่งที่เรียนมาไม่ใช่สิ่งที่อยากทำ ก็จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยอีกหลายปี เขาสามารถไปลงหลักสูตรระยะสั้นหรือการศึกษาทางเลือกที่ตอบโจทย์มากกว่าได้
ติดตามบทความ การศึกษา การศีกษาไทย การศึกษาต่างประเทศ ข่าวการศึกษา เคล็ดลับการอ่านหนังสือ ได้ที่นี้
แนะนำ ทำความรู้จักกับ โรงเรียนเบญจรักษ์รวมชัย โรงเรียนวิชาชีพสุขภาพ ฝึกผู้ช่วยแพทย์