นักเรียน

วิธีการเพิ่มศักยภาพแห่งการเรียนรู้ ด้วยเทคนิค Brain Based Learning

วิธีการเพิ่มศักยภาพแห่งการเรียนรู้ ด้วยเทคนิค Brain Based Learning

               พอพูดถึงเรื่องการศึกษาทีไร เด็กวัยเรียนส่วนใหญ่ก็มักจะรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมาทุกที ไม่ใช่ว่าเด็กๆ ไม่สนใจใฝ่รู้ หรือเป็นคนขี้เกียจสันหลังยาว ต่อให้เป็นเด็กหลังห้องที่ถูกมองข้าม ก็มักจะมีนิสัยรักการเรียนรู้อยู่ในตัว นี่เป็นสิ่งที่คนในวงการการศึกษารู้ดี จึงมีการพัฒนาเทคนิคที่ชื่อว่า Brain Based Learning ขึ้นมา โดยมีเป้าหมายในการเสริมสร้างบรรยากาศที่กระตุ้นให้อยากเรียนรู้ และช่วยให้สมองทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพมากที่สุดด้วย เทคนิค Brain Based Learning การเรียนรู้อย่างมีความสุข                จากผลการวิจัยเทคนิค Brain Based Learning พบว่าเด็กทั้งหมดมีพัฒนาการในการเรียนรู้สูงกว่าเดิมถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เรียนอยู่ในสภาวะที่มีความสุขอยู่เสมอ ไม่ตึงเครียด ไม่ซึมเศร้า ซึ่งถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีมากในการปรับเปลี่ยนรูปแบบและวิธีการที่ครูใช้สอนนักเรียน เพราะมันจะได้ประโยชน์กันทุกฝ่าย แล้วเชื่ออย่างยิ่งเลยว่า เด็กๆ จะอยากมาเรียนกันมากขึ้น ไม่ต้องบังคับขู่เข็ญอย่างเช่นทุกวันนี้                วิธีการใช้เทคนิค Brain Based Learning ในชีวิตประจำวัน อันที่จริงควรเป็นการร่วมมือกันระหว่างครูและนักเรียน แต่ถ้าทางโรงเรียนไม่ได้เห็นความสำคัญ ตัวนักเรียนเองก็ปรับใช้เทคนิคนี้เป็นการส่วนตัวได้ โดยมันจะมีอยู่ 4…

เด็กสายศิลป์ ต้องปรับความคิด ยังไง? เมื่อถูกเปรียบเทียบ

เด็กสายศิลป์ ต้องปรับความคิดยังไง? เมื่อถูกเปรียบเทียบ

               ปัญหาเรื่องการเปรียบเทียบเด็กสายวิทย์กับ เด็กสายศิลป์ นั้นมีมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหา ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะระบบชนชั้นวรรณะของกลุ่มอาชีพในสังคม หากได้เป็นหมอ วิศวกร นักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ ก็จะได้รับการยกย่องว่าเป็นคนหัวดี มีความสามารถมาก กว่าจะสอบเข้าและกว่าจะเรียนจบมาได้ก็ไม่ธรรมดา และที่ร้ายไปกว่านั้น ความเชื่อเล็กๆ ที่แฝงอยู่ก็คือ อาชีพพวกนี้ทำเงินได้มากกว่าอาชีพสายศิลป์โดยเฉลี่ยนั่นเอง เด็กสายศิลป์ ต้องทำอย่างไรเมื่อ ถูกเปรียบเทียบ                เมื่อเป็นเช่นนี้ เด็กสายศิลป์ จึงถูกเปรียบเทียบตั้งแต่เด็กยันโต ตอนขึ้นมัธยมปลายก็จะมีแต่คนบอกว่า หัวไม่ดีแน่ๆ ถึงต้องเลือกเรียนสายศิลป์ เรียนทางนี้จนไปทางเลือกน้อย จะไปเรียนอะไรต่อได้ แล้วถ้าต่อยอดไปถึงการประกอบอาชีพ จะมีการงานที่มั่นคงได้อย่างไร เหมือนถูกตัดสินทั้งชีวิตตั้งแต่ก้าวแรกที่เริ่มเรียน จุดที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือ คนที่เปรียบเทียบมักจะเป็นผู้ใหญ่ที่ใช้บรรทัดฐานตัวเองตัดสินเสียด้วย                ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็คือ เด็กสายศิลป์ หลายคนจะรู้สึกไม่ดี แรกๆ อาจจะไม่ได้คิดอะไร แต่นานไปมันจะซึบซับจนเขาอาจหลงคิดว่าเขาไร้ศักยภาพจริงๆ แต่ในเมื่อเราเปลี่ยนใครในสังคมไม่ได้เลย และเปลี่ยนตัวเองได้ง่ายกว่า จึงต้องหันมาดูแลความคิดของตัวเองให้เป็นไปในเชิงบวกเสมอ ด้วยการเข้าใจถึงคุณค่าในสิ่งที่เราเลือก เลือกเพราะความชอบ เลือกเพราะเราถนัดในสิ่งนี้ จะเป็นสายศิลป์หรือสายวิทย์ มันเทียบไม่ได้ว่าใครเก่งกว่า                เด็กสายศิลป์…

นักเรียนแลกเปลี่ยน ที่มาศึกษาต่อ ที่ฟินแลนด์ลดลง ผลกระทบจาก COVID-19

นักเรียนแลกเปลี่ยน ที่ฟินแลนด์ลดลง ผลกระทบจาก COVID-19

               การแลกเปลี่ยนนักศึกษาที่สถาบันอุดมศึกษาของฟินแลนด์ (HEIs) ยังคงดำเนินต่อไปในช่วงปิดเทอมฤดูใบไม้ร่วงปี 2020 แม้ว่าจำนวนจะต่ำกว่ามาก จากสถานการณ์ COVID-19 จำนวน นักเรียนแลกเปลี่ยน ทั้งขาเข้าและขาออกในฟินแลนด์มีจำนวนน้อยกว่าในสถานการณ์ปกติมากสำนักงานเพื่อการศึกษาแห่งชาติฟินแลนด์กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ COVID-19 ทำให้ นักเรียนแลกเปลี่ยน ที่ฟินแลนด์ลดลง ตามการคาดการณ์ของ HEIs จำนวนนักเรียนที่ออกจากฟินแลนด์จะเป็นเพียงหนึ่งในสี่ของจำนวนนักเรียนที่ได้รับในฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา จำนวนนักเรียนแลกเปลี่ยนที่เข้ามาทั้งหมดยังลดลงอย่างชัดเจนกว่าเมื่อก่อน แต่ HEI บางคนยังเห็นจำนวนนักเรียนที่เข้ามาเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ ตามการคาดการณ์ของ HEIs นักเรียนแลกเปลี่ยน ชาวต่างชาติมากกว่า 2,300 คนจะมาที่ฟินแลนด์ซึ่งคิดเป็น 36% ของจำนวนนักเรียนที่เข้ามาในปีที่แล้ว จำนวนนักเรียนที่ออกจากฟินแลนด์ดูเหมือนว่าจะยังคงอยู่ที่หนึ่งในสี่ของตัวเลขของฤดูใบไม้ร่วงที่แล้วตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 900 คน                จำนวน นักเรียนแลกเปลี่ยน ที่ออกไปอาจลดลงอีกเนื่องจากข้อกำหนดที่อื่นในยุโรปจะเริ่มในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงและการแลกเปลี่ยนที่วางแผนไว้บางส่วนอาจยังคงถูกยกเลิกหากสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศปลายทางแย่ลงสถาบันอุดมศึกษาทั้งหมด 11 แห่งได้ยกเลิกการแลกเปลี่ยนนักศึกษาทั้งหมดในปีนี้เนื่องจากการระบาดของไวรัสโคโรนา ตามรายงานของ HEIs จำนวนการแลกเปลี่ยนนักเรียนที่เลื่อนออกไปหรือถูกยกเลิกโดยสิ้นเชิงนั้นสูงมาก การแลกเปลี่ยนนักศึกษาฟินแลนด์เกือบ 2,200 คนและนักเรียนต่างชาติที่เข้ามา 2,700 คนถูกเลื่อนหรือยกเลิก การแลกเปลี่ยนได้ถูกเลื่อนไปยังภาคการศึกษาฤดูใบไม้ผลิปี…

ปัญหาระบบการศึกษาของไทย ที่ผู้เรียนยังคงได้รับผลกระทบ

ปัญหาระบบการศึกษาของไทย ที่ผู้เรียนในปัจจุบัน ยังคงได้รับผลกระทบ

               ปัญหาระบบการศึกษาของไทย เกิดขึ้นตั้งแต่เด็กวัยเข้าโรงเรียนจนกระทั่งวัยเข้ามหาวิทยาลัย มีการเปลี่ยนแปลงระบบหลายครั้ง การเปลี่ยนแต่ละครั้งเป็นการเปลี่ยนเพื่อแก้ปัญหาเดิม เช่น สถานที่สอบมีการจัดสอบหลายสถานที่ หลายจังหวัด ผู้เรียนในชนบทบางคนต้องเดินทางเข้ามาสอบใน กทม. ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างผู้เรียนในชนบทและผู้เรียนในเมือง มีผู้เรียนบางคนยังไม่มีสถานที่เข้าเรียน รวมทั้งโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยบางแห่งเปิดรับผู้เรียนไม่เต็มจำนวนตามที่ตั้งเป้าไว้ ปัญหาระบบการศึกษาของไทย ที่รอการแก้ไข                ปัจจุบันมีการสำรวจพบว่า ปัญหาระบบการศึกษาของไทย จากปีก่อนๆ พบผู้เรียนประมาณ 30% ที่เรียนไปแล้วสักระยะ มีการเปลี่ยนคณะเรียนและสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ ซึ่งนั้นทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า เพราะเหตุใดผู้เรียนถึงทำเช่นนั้น และมีคำถามอื่นๆ ตามมาอีกว่า ควรมีการกลับมาใช้ระบบเอนทรานซ์หรือไม่และสถาบันกวดวิชาตามสถานที่ต่างๆ ยังมีความจำเป็นอยู่หรือไม่ ซึ่งการตั้งคำถามเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า ระบบที่ใช้อยู่นั้นอาจจะยังไม่เสถียรมากพอสำหรับผู้เรียนบางคนที่ได้รับผลกระทบ                ในสังคมไทยพบปัญหาที่ใช้วิธีนำคะแนนสอบมาคัดกรองเพื่อหาผู้ที่เรียนเก่ง มีการใช้แฟ้มสะสมผลงานเพื่อช่วยในการเข้าเรียน ซึ่งการใช้แฟ้มสะสมผลงานนั้นมีจุดประสงค์อยู่ 2 แบบ คือ 1.เพื่อให้ผู้เรียนได้เข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง และ 2.เพื่อให้ผู้เรียนได้เข้าเรียนในสายวิชาที่ต้องการเรียน รวมทั้งการใช้โควตาในการสอบภาคข้อเขียนและภาคปฏิบัติ วิธีการทำเช่นนี้เป็นวิธีที่ผู้เรียนไม่อาจตอบโจทย์ได้ว่าตนเองต้องการสิ่งใด เก่งในด้านไหน หรือสามารถนำความรู้ที่ได้จากการเรียนไปประกอบอาชีพในอนาคตได้อย่างไร                ปัญหาระบบการศึกษาของไทย เป็นปัญหาที่สร้างความยุ่งยากให้กับผู้เรียนทุกชั้นวัย ซึ่งทางออกในการแก้ปัญหา คือ…

ปัญหาล้าหลังของการศึกษาไทย ที่ส่งผลกระทบ ต่อเด็กในประเทศไทย

ปัญหาล้าหลังของการศึกษาไทย ที่ส่งผลกระทบ ต่อเด็กในประเทศไทย

            ปัญหาล้าหลังของการศึกษาไทย ที่ผ่านมา ผู้ที่เกี่ยวข้องในการศึกษามีความพยายามในการปฏิรูปมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่ได้มีการปฏิรูปหรือแก้ปัญหาอย่างแท้จริง มีเพียงแค่รูปแบบเท่านั้น ไม่ได้เน้นที่เนื้อหา ทั้งที่งบประมาณการศึกษาของไทย เมื่อเทียบสัดส่วนจีดีพีแล้ว มีค่าสูงกว่าหลายๆ ประเทศ แต่ส่วนใหญ่เป็นการนำงบประมาณการศึกษาไปจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ เทคโนโลยี เช่น คอมพิวเตอร์ ให้แก่โรงเรียนที่ขาดแคลนสื่อในการเรียน การสอน เท่านั้น ปัญหาล้าหลังของการศึกษาไทย ที่มีเพิ่มขึ้น                ในปี พ.ศ. 2561 มีการเปิดเผยสถิติบุคลากรทางการศึกษาและนักเรียนในกรุงเทพมหานคร สังกัด กทม. พบว่า มีนักเรียน จำนวน 23,000 คน จากจำนวนนักเรียนทั้งหมด 170,000 คน ที่มีปัญหาในด้านการอ่านหนังสือ ซึ่งปัญหาการอ่านหนังสือนั้น เกิดจากการที่ระบบการศึกษาไทยไม่ได้สอนให้คิดวิเคราะห์ แต่เน้นการเรียนแบบท่องจำและกวดวิชา ทำให้เด็กไม่เข้าใจเนื้อหาและไม่สามารถตอบคำถามเชิงวิเคราะห์ได้                จากผลสถิติทำให้ทราบ ปัญหาล้าหลังของการศึกษาไทย เพิ่มมากขึ้น พบว่า มีอยู่ 3 อันดับที่เด็กไทยได้รับผลกระทบ นั่นคือ 1.…

ความสำคัญของ “เกรดเฉลี่ย” สามารถใช้วัดอะไรได้บ้าง ?

ความสำคัญของ “เกรดเฉลี่ย” สามารถใช้วัดอะไรได้บ้าง ?

ในการเรียนนั้น จะมีการทดสอบความรู้จากการที่เราเรียนไปทั้งหมด โดยการสอบเพื่อเก็บคะแนน จากนั้นจะนำคะแนนในแต่ละวิชามาคิดเป็น เกรดเฉลี่ย จะมีตั้งแต่ 0.00 จนถึง 4.00 ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนมักจะใช้ในการตัดสินความเก่งหรือไม่เก่งของผู้อื่น หรือพ่อแม่หลายคนมักจะกดดันเด็กๆให้มีเกรดเฉลี่ยที่สูง ให้ทั้งเรียนพิเศษหรือกวดวิชาต่อจากการเรียนที่โรงเรียน ซึ่งในความเป็นจริงจะต้องเป็นเวลาพักของเด็กๆ สิ่งนี้จะทำให้เด็กๆรู้สึกเครียด กดดัน ไม่มีความสุขในการเรียน อาจจะนำไปสู่การหนีเรียนหรือไม่อยากเรียนหนังสืออีกต่อไปได้ ซึ่งในความเป็นจริงเกรดเฉลี่ยไม่ใช่ทั้งหมดของสิ่งที่บอกว่า คุณเก่งหรือไม่เก่ง แต่เป็นประสบการณ์ การใช้ชีวิตในอนาคต เป็นต้น เกรดเฉลี่ยสำคัญอย่างไร ? ผู้ใหญ่หลายคน รวมถึงในบริษัทบางบริษัทมักจะตั้งความหวังไว้ที่ เกรดเฉลี่ย ของเด็กๆว่าเกรดยิ่งสูง หมายความว่าเด็กคนนี้ยิ่งเก่ง แต่ลองกลับมุมมองดูว่า คนที่เกรดสูง เขาสามารถนำความรู้ที่เขามีไปใช้ได้หรือเปล่า? นำไปใช้ในชีวิตจริงได้หรือไม่? เขามีทักษะอื่นๆอีกหรือเปล่า? คนที่มีเกรดเฉลี่ยสูงบางคนอาจจะใช้ความรู้ไปประยุกต์ใช้ในอาชีพหรือการใช้ชีวิตไม่ได้เลย ไม่มีทักษะอื่นๆเลยก็อาจจะเป็นได้ บางคนที่มีเกรดเฉลี่ยที่ไม่ได้สูง แต่ลองมองมุมอื่นพวกเขาอาจจะเคยทำกิจกรรมมามากมายนับไม่ถ้วนก็ว่าได้ ดังนั้นเกรดเฉลี่ยไม่สามารถบอกถึงความเก่งได้อย่างเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ใช่ว่าเกรดเฉลี่ยจะไม่มีความหมายใดๆเลย แต่เกรดเฉลี่ยอาจจะบอกได้ถึงความขยัน ความถนัดในรายวิชานั้นๆ หรือความตั้งใจได้ในระดับหนึ่ง ดังนั้นไม่ว่าจะสำคัญมากขนาดไหน เราก็ต้องทำทุกอย่างในเต็มที่ เพื่อที่จะไม่ได้มานั่งเสียใจในภายหลังถ้าหากเกรดเฉลี่ยสำคัญในบริษัทที่เขาให้ความสำคัญต่อ เกรดเฉลี่ย ทั้งนี้จึงอยากให้ลองเปลี่ยนความคิดดูใหม่เกี่ยวกับเกรดเฉลี่ย เพื่อให้เด็กไม่เพียงแต่เลือกแค่การเรียนเพียงเท่านั้น แต่ให้เด็กๆสามารถทำกิจกรรมอื่นๆร่วมด้วย…

สิ่งที่ควรแก้ไข หลังเหตุการณ์ ครูทำร้ายเด็ก (ฝั่งผู้บริหารสถานศึกษา)

          เหตุการณ์ ครูทำร้ายเด็ก นับได้ว่าข่าวที่สะเทือนใจผู้ที่เป็นพ่อแม่เมื่อได้พบภาพหลักฐาน ซึ่งตอนนี้ทางสถานศึกษาต้นเรื่องกำลังเผชิญมรสุมอย่างหนัก ในด้านภาพลักษณ์ของโรงเรียน จนผู้ปกครองบางส่วนแสดงความจำนงของย้ายโรงเรียน นี่จึงไม่ใช่บทเรียนของสถานศึกษาต้นเรื่องเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงสถานศึกษาเอกชน ที่ต้องกำชับมาตรการดูแลและให้ความสำคัญกับเด็ก เพื่อความสบายใจของผู้ปกครอง ดังต่อไปนี้ ครูทำร้ายเด็กเหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าคัดกรองบุคลากรดี           สิ่งสำคัญที่สุดผู้บริหารสถานศึกษาควรคัดกรองบุคลากรครูที่จะเข้ามาทำหน้าที่ ซึ่งนอกจากคุณสมบัติแล้ว จะต้องเพิ่มความละเอียดถึงภูมิหลังของผู้สมัคร สำรวจอุปนิสัยใจคอและความทัศนคติ ซึ่งมีผลกับการทำงานนี้อย่างมาก โดยอาจใช้การทดลองงานเป็นตัวทดสอบสำคัญ ขณะที่การรับบุคลากรครูชาวต่างชาติ ควรใช้บริการบริษัทนำเข้าที่มีคุณภาพ            สิ่งสำคัญประการต่อมา คือ การสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ปกครอง โดยต้องกล่าวก่อนว่าปัญหา ครูทำร้ายเด็ก นั้นมีมานานแล้ว เพียงแต่ในอดีตไม่มีกล้องวงจรปิดเหมือนเช่นปัจจุบัน ฉะนั้นหากผู้บริหารสถานศึกษาสามารถให้ผู้ปกครองเข้าถึงการชมภาพวงจรปิดได้ในขณะที่บุตรหลานอยู่โรงเรียน ซึ่งจะช่วยสร้างความสบายใจแก่ทั้งสองฝ่ายได้ระดับหนึ่ง           สิ่งสำคัญหลังเหตุการณ์ ครูทำร้ายเด็ก ประการสุดท้าย คือ การร่วมมือระหว่าง ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน และผู้ปกครอง โดยเฉพาะเมื่อใดก็ตามที่ผู้ปกครองรับรู้ร่วมกันเป็นส่วนใหญ่ว่า ครูผู้สอนในห้องนั้นไม่ปลอดภัยกับเด็ก สามารถที่จะแสดงความจำนงต่อผู้บริหารให้เข้ามาจัดการแก้ปัญหา เพราะจากกรณีที่เกิดขึ้นนี้สถานศึกษาแสดงความรับผิดชอบเพียงการไล่ครูต้นเรื่องพร้อมกับครูร่วมห้องอีก 3 คน ออกจากงานเท่านั้น ส่วนท่าทีของความรับผิดชอบยังถูกบ่ายเบี่ยง ซึ่งตรงจุดนี้หากไม่มีความร่วมมือจากผู้บริหารสถานศึกษา ย่อมสร้างผลเสียต่อสถานศึกษาเอง…

ผู้ปกครองเรียกร้อง ให้ติดกล้องวงจรปิดทั่ว โรงเรียนในเครือสารสาสน์ ทั้ง 49 แห่ง!

ผู้ปกครองเรียกร้อง ให้ติดกล้องวงจรปิด โรงเรียนในเครือสารสาสน์ ทั้ง 49 แห่ง!

               จากข่าวที่คุณครูอนุบาลโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ทำร้ายร่างกายเด็กอนุบาลด้วยการทุบตี ทั้งยังห้ามเข้าห้องน้ำ และให้เวลาในการรับประทานอาหารเพียงสิบนาที ทำให้ผู้ปกครองต่างลุกฮือและไม่ยอมอยู่เฉยเพราะการกระทำดังกล่าวถือเป็นเรื่องร้ายแรงและไม่ควรเกิดขึ้นกับเด็ก คุณครูที่ทำร้ายเด็กจึงต้องถูกลงโทษตามภาพในกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพการทำร้ายเด็กเอาไว้อย่างชัดเจน ล่าสุด ผู้ปกครองเรียกร้อง ให้ติดกล้องวงจรปิดทั่ว โรงเรียนในเครือสารสาสน์ ทั้ง 49 แห่ง! ขอให้ติดกล้องวงจรปิดของโรงเรียนในเครือสารสาสน์                ล่าสุด ผู้ปกครองเรียกร้อง ให้ติดกล้องวงจรปิดทั่ว โรงเรียนในเครือสารสาสน์ ทั้ง 49 แห่ง! นอกจากโรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ราชพฤกษ์ที่พบการทำร้ายเด็กนักเรียนหลายรายจากคุณครูหลายคนทั้งครูคนไทยและครูชาวฟิลิปปินส์แล้ว ผู้ปกครองของเด็กนักเรียนโรงเรียนในเครือสารสาสน์เช่นกัน คือ โรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ร่มเกล้าได้รวบรวมรายชื่อของผู้ปกครองในโรงเรียนกว่าสี่ร้อยรายชื่อเพื่อเข้าไปร้องขอกับทางโรงเรียนว่าช่วยให้ติดกล้องวงจรปิดในโรงเรียน เพื่อความปลอดภัยของลูก เพราะลูกของตนได้ถูกคุณครูตีด้วยไม้บรรทัดฟุตเหล็กจนมีบาดแผลตามตัวกว่าสิบห้าแห่ง ขณะนี้กำลังดำเนินคดี ซึ่งคดียืดเยื้อมาเป็นปีแล้วก็ยังไม่จบเนื่องจากทางโรงเรียนไม่มีมาตรการการติดกล้องวงปิดเอาไว ทำให้ทางผู้ปกครองดังกลางฟ้องศาลด้วยเพียงรูปถ่ายที่ถ่ายจากมือถือของตนเท่านั้น ไม่มีภาพเหตุการณ์ขณะที่คุณครูทำร้ายร่างกายนักเรียน ซึ่งไม่รู้ว่าลูกของคนอื่นก็โดนเช่นเดียวกันอีกหรือไม่เพราะเด็กวัยอนุบาล-ประถมยังเด็กมากจนสามารถบอกผู้ปกครองเมื่อถูกคุณครูทำร้ายร่างกายได้ หรืออาจถูกครูข่มขู่ไม่ให้บอกผู้ปกครองก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน โดยผู้ปกครองท่านนี้ขอร้องให้ติดกล้องวงจรปิดในทุกโรงเรียนของเครือสารสาสน์เพื่อความปลอดภัยของลูกตัวเองและลูกของคนอื่น ๆ ที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน                นอกจากผู้ปกครองเรียกร้องให้ ติดกล้องวงจรปิดทั่ว โรงเรียนในเครือสารสาสน์ ทั้ง 49 แห่งแล้ว ยังมีข้อเรียกร้องอีกอย่างหนึ่งคือขอให้มีการตรวจใบประกอบวิชาชีพของครูที่เข้ามาเป็นครูในโรงเรียนด้วยทุกคนอย่างไม่มีเว้น เพราะนี่อาจเป็นต้นเหตุของความรุนแรงที่เกิดขึ้นทั้งหมด เป็นคนร้ายที่อยู่ในร่างของครูก็เป็นได้ แล้วจะให้พ่อแม่ผู้ปกครองทั้งหลายสบายใจและปล่อยมาเรียนที่โรงเรียนแบบนี้ได้อีกอย่างไร หากยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจนแสดงถึงความปลอดภัยของเด็กเล็กที่ฝากให้คุณครูช่วยดูแล ทั้งนี้ที่ผู้ปกครองส่วนใหญ่ส่งลูกมาเรียนที่โรงเรียนเอกชนก็เพื่อที่จะให้อยู่ในสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดี…

โรงเรียนสารสาสน์ราชพฤกษ์

มาตรการเยียวยานักเรียน ที่ได้รับผลกระทบจากครูโหด โรงเรียนสารสาสน์ราชพฤกษ์

               จากข่าวที่ครูผู้ช่วยรวมถึงครูชาวฟิลิปปินส์ จากโรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ราชพฤกษ์ทำร้ายร่างกายเด็กอนุบาลหลายคนด้วยกัน พร้อมกับกล้องวงจรปิดจากทางโรงเรียนที่เป็นหลักฐานอย่างชัดเจนว่าคุณครูทำร้ายร่างกายเด็กจริง ทั้งการตบศีรษะ การตีหลัง รวมไปถึงการกระทำอื่น ๆ อีกมากมายเช่น ไม่อนุญาตให้เด็กเข้าห้องน้ำ และบังคับให้เด็กกินข้าวเพียงแค่สิบนาทีเท่านั้น จากการกระทำดังกล่าวจากตัวครูโหดคนนี้ทางโรงเรียนได้ออกมาเผย มาตรการเยียวยานักเรียน ที่ได้รับผลกระทบจากครูโหด โรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ราชพฤกษ์ เผยมาตรการเยียวยานักเรียนโรงเรียนสารสาสน์ราชพฤกษ์                เผย มาตรการเยียวยานักเรียน ที่ได้รับผลกระทบจากครูโหด โรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ราชพฤกษ์ โรงเรียนได้ออก 2 มาตรการมาเพื่อเยียวยาสำหรับเด็กที่ผู้ปกครองต้องการให้ออกจากโรงเรียนและเด็กที่ต้องการที่จะอยู่ต่อที่เดิม ทางโรงเรียนได้มีมาตรการชัดเจนที่จะคืนเงินค่าเทอมของนักเรียนในห้องทุกคนเป็นการชดเชยกับความผิดพลาดและความรุนแรงที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สำหรับผู้ปกครองที่ต้องการให้เด็กย้ายไปที่โรงเรียนอื่น โรงเรียนจะช่วยเหลือในการทำเรื่องส่งเอกสาร ทั้งยังมีมาตรการจ่ายค่าทำขวัญให้เด็กอีกด้วย นักเรียนที่ได้รับผลกระทบทางด้านจิตใจและร่างกายทางโรงเรียนยินดีรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ทั้งหมด ส่วนผู้ปกครองที่มีความประสงค์ให้เด็กอยู่ตอทางโรงเรียนยินดีที่จะช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายทางการแพทย์เช่นกัน พร้อมกับให้มีนักจิตวิทยาเด็กดูแลเด็กที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้น                ทั้งยังมีมาตรการในการติดกล้องวงจรปิดที่ผู้ปกครองสามารถดูแบบออนไลน์ได้ หรือผู้ปกครองท่านใดที่ต้องการเข้ามาเช็คเรื่องสุขอนามัยหรือการเรียนการสินด้วยตัวเองก็สามารถทำได้ด้วยเช่นกันโดยการเข้ามาที่โรงเรียนต้องไม่รบกวนการเรียนการสอนของนักเรียน หน้าห้องทุกห้องจะมีการติดใบประกอบอาชีพครูของครูทุกคนพร้อมภาพถ่ายและลงบนเว็บไซต์ของโรงเรียนให้สามารถตรวจสอบได้ นอกจากนี้เรื่องโภชนาการของเด็กจะได้รับการดูแลและแจ้งผู้ปกครองเกี่ยวกับอาหารในแต่ละวัน รวมถึงเพิ่มเวลาในการรับประทานอาหารกลางวันจากครึ่งชั่วโมงเป็น 40 นาที ทางด้านคุณครูที่โรงเรียนนั้นจะมีการอบรมคัดกรองด้านสุขภาพจิตของครูทั้งชาวไทยและต่างชาติทุกคน ระบบรับส่งของโรงเรียนจะมีการติดกล้องไว้ในห้องผู้โดยสารเพื่อให้สามารถตรวจสอบความปลอดภัยของเด็กทุกคนได้ การประชุมผู้ปกครองจะถูกจัดในทุกปีการศึกษาเพื่อให้ครูกับผู้ปกครองได้สื่อสารกันมากขึ้น (ด้วยสถานการณ์โควิดทำให้ผู้ปกครองกับคุณครูติดต่อกันน้อยลง และผู้ปกครองก็ไม่ได้มีโอกาสได้เข้าไปดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงเรียนเหมือนแต่ก่อน)                จาก มาตรการเยียวยานักเรียน ที่ได้รับผลกระทบจากครูโหด โรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ราชพฤกษ์ ทำให้โรงเรียนอื่น ๆ เริ่มตื่นตัวกับมาตรการในความปลอดภัยของเด็กนักเรียนมากขึ้น ติดตามบทความ การศีกษา ข่าวการศึกษา เคล็ดลับการสอบ เคล็ดลับการอ่านหนังสือ ได้ที่นี้

กลุ่มผู้ปกครองของโรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์บางบอนก็ได้รวบรวมรายชื่อของผู้ปกครองกว่า 150 รายชื่อ พร้อมเดินทางมาที่โรงเรียนเพื่อยื่น 3 ข้อเรียกร้องจากผู้ปกครอง เด็กที่โดนทำร้าย ถึงผู้บริหารโรงเรียนสารสาสน์

3 ข้อเรียกร้องจากผู้ปกครอง เด็กที่โดนทำร้าย ถึงผู้บริหารโรงเรียนสารสาสน์

              เมื่อเกิดข่าวที่มีครูทำร้ายนักเรียนอนุบาลในเครือสารสาสน์ได้ไม่นานกลุ่มผู้ปกครองจากโรงเรียนต่าง ๆ ในเครือสารสาสน์ก็เริ่มตื่นตัวถึงความไม่ปลอดภัยของบุตรหลานตัวเองที่ส่งให้มาอยู่ที่โรงเรียนแพง ๆ นอกจากโรงเรียนวิเทศน์ราชพฤกษ์ที่เกิดข่าวไปแล้ว ผู้ปกครองของโรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ร่มเกล้า และล่าสุดกลุ่มผู้ปกครองของโรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์บางบอนก็ได้รวบรวมรายชื่อของผู้ปกครองกว่า 150 รายชื่อ พร้อมเดินทางมาที่โรงเรียนเพื่อยื่น 3 ข้อเรียกร้องจากผู้ปกครอง เด็กที่โดนทำร้าย ถึงผู้บริหารโรงเรียนสารสาสน์ รวม 3 ข้อเรียกร้องจากผู้ปกครองถึงผู้บริหารโรงเรียนสารสาสน์               รวม 3 ข้อเรียกร้องจากผู้ปกครอง เด็กที่โดนทำร้าย ถึงผู้บริหารโรงเรียนสารสาสน์ ข้อแรกคือขอให้มีการติดกล้องวงจรปิดทั่วทุกห้องและทุกระดับชั้นในโรงเรียน เพื่อให้ผู้ปกครองสามารถเช็คได้เมื่อเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงหรือเหตุการณ์อื่น ๆ เกี่ยวกับลูกของตนเอง ข้อสองคืออยากให้โรงเรียนมีการตรวจเช็คและอบรมครูเกี่ยวกับการดูแลเด็ก ซึ่งทางตัวผู้ปกครองไม่ทราบว่าทางโรงเรียนมีมาตรการนี้อยู่แล้วหรือไม่แต่ก็อยากให้มีเพื่อให้ครูที่สอนและดูแลลูกของตนมีคุณภาพไม่ทำร้ายเด็กทั้งทางวาจาหรือร่างกาย ข้อสุดท้ายคือทางผู้ปกครองอยากให้มีนักจิตวิทยาเด็กประจำโรงเรียน เพื่อให้ลูกได้ปรึกษาหรือเพื่อให้คำแนะนำกับคุณครูในการดูแลเด็กเล็ก เพื่อให้เด็กและครูมีสภาพจิตที่ดี ทั้งสามข้อเรียกร้องดูจะเป็นข้อเรียกร้องที่ไม่มากเกินไปเพราะเป็นสิ่งที่ทางโรงเรียนควรมีอยู่แล้วเพื่อความปลอดภัยของเด็ก รวมถึงคุณภาพของเด็กนักเรียนหลังจากเรียนจบจากที่โรงเรียน               จาก 3 ข้อเรียกร้องจากผู้ปกครอง เด็กที่โดนทำร้าย ถึงผู้บริหารโรงเรียนสารสาสน์ เนื่องจากข้อเรียกร้องนี้เพิ่งยิงกับทางโรงเรียนได้ไม่นานก็ต้องดูกันต่อไปว่าทางโรงเรียนในเครือสารสาสน์ทั้งหมดจะมีมาตรการใดออกมารองรับเพื่อป้องกันปัญหาความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้อีกหากคุณครูไม่มีคุณภาพ และการตรวจตราของทางโรงเรียนไม่แน่นพอ เหล่าผู้ปกครองยังย้ำอีกด้วยว่าเด็กไม่ใช่ที่ระบายความรุนแรงของใคร ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรก็ไม่ควรเอามาลงกับเด็กที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ผู้ปกครองของเด็กแต่ละคนก็คอยเลี้ยงดูลูกให้ดีที่สุด บางคนยังไม่เคยตีลูกของตัวเองเลยด้วยซ้ำกลับต้องมาเจอความรุนแรงที่โรงเรียนแทน เด็กเล็กที่ไม่สามารถเรียกร้องสิทธิของตัวเองได้เพราะไม่รู้ความแต่ความทรงจำที่ถูกครูทำร้ายจะเป็นบาดแผลภายในใจตลอดไปได้ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและสำคัญต่อพัฒนาการทางด้านบุคลิกและความสนใจในการเรียนของเด็กอย่างมากจึงควรใส่ใจดูแลเป็นพิเศษ ติดตามบทความ การศีกษาไทย เคล็ดลับการสอบ เคล็ดลับการอ่านหนังสือ ข่าวการศึกษา ได้ที่นี้ ข่าวเด่น คุรุสภาเอาจริง…