โรงเรียน

การปรับตัวครั้งใหญ่ กับ โรงเรียนในเขตนวัตกรรม นักเรียนควรทำอย่างไร

การปรับตัวครั้งใหญ่ ให้เข้ากับ โรงเรียนในเขตนวัตกรรม นักเรียนควรทำอย่างไร

               เคยได้ยินข่าวคราวของ โรงเรียนในเขตนวัตกรรม กันบ้างหรือไม่ นี่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงในวงการศึกษาที่น่าจับตามองอย่างมากทีเดียว เพราะหากระบบมีความเสถียรและลงตัวทุกช่องทางเรียบร้อยแล้ว มันจะลดความเหลื่อมล้ำของนักเรียนไปได้มาก แล้วก็จะเกิดความสร้างสรรค์ภายในโรงเรียนมากกว่าเดิมอีกด้วย ซึ่งในตอนนี้ก็จะมีเพียงแค่บางพื้นที่เท่านั้นที่อยู่ในโครงการ คาดว่าเป็นการทดลองเพื่อวัดประสิทธิภาพ ก่อนที่จะทำเป็นแผนการจริงจังเพื่อขยายไปสู่เขตอื่นๆ ทำความรู้จัก โรงเรียนในเขตนวัตกรรม                ต้นกำเนิดของ โรงเรียนในเขตนวัตกรรม เริ่มมาจาก โครงการสร้างพื้นที่ย่านนวัตกรรมของภาครัฐและเอกชน โดยจับเอาพื้นที่เศรษฐกิจที่มีแนวโน้มว่าจะทำกำไรให้กับประเทศได้ในด้านในด้านหนึ่ง มาพัฒนาต่อยอดให้มีความสามารถในด้านนวัตกรรม เข้าถึงเทคโนโลยีได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างของพื้นที่เหล่านี้ได้แก่ เชียงใหม่ ของแก่น ระยอง ชลบุรี เป็นต้น พอกลายเป็นพื้นที่นวัตกรรมแล้ว การศึกษาในย่านนั้นก็ต้องพัฒนาในสอดคล้องกันไปด้วย งานนี้โรงเรียนเลยต้องปรับตัวกันยกใหญ่ ไม่เว้นว่าจะเป็นโรงเรียนขนาดไหน                ทางโรงเรียนจะต้องจัดหลักสูตรให้เอื้อต่อการเรียนรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมของนักเรียน อย่างน้อยต้องมีคอมพิวเตอร์ให้นักเรียนได้ใช้กัน โรงเรียนในเขตนวัตกรรม ที่เป็นโรงเรียนประจำอำเภอ หรือโรงเรียนประจำจังหวัด ก็จะไม่ค่อยมีปัญหาในเรื่องนี้เท่าไร เนื่องจากมีทุนสนับสนุนอยู่แล้ว แต่ในโรงเรียนที่ค่อนข้างห่างไกล บางแห่งก็ยังต้องรอรับอุปกรณ์ต่างๆ ที่โรงเรียนใหญ่โละทิ้งอยู่เลย ทำให้การเรียนรู้ของเด็กไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร แต่อย่างไรเสียการบังคับให้เกิดการเรียนรู้ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี                ทีนี้มันก็ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีอย่างเดียว โรงเรียนในเขตนวัตกรรม จะต้องมีโครงการให้เด็กๆ รู้จักใช้ประโยชน์จากนวัตกรรม โดยให้มีความสอดคล้องกับท้องถิ่นด้วย…

การประเมิน วิชาชีพ “ครูในฟินแลนด์” ยังมีคุณค่าต่อสังคม

การประเมิน วิชาชีพ “ครูในฟินแลนด์” ยังมีคุณค่าต่อสังคม

วิชาชีพครูยังคงมีคุณค่าในสังคม ครูพบว่าโรงเรียนในฟินแลนด์มีจิตวิญญาณของชุมชนที่ดี อย่างไรก็ตาม ครูในฟินแลนด์ ไม่ค่อยพอใจกับสภาพแวดล้อมในการทำงานมากกว่า แต่ก่อนรายงาน OECD TALIS (การสำรวจการเรียนการสอนระหว่างประเทศ) การสำรวจซึ่งรวม 48 ประเทศยังบอกด้วยว่าครูไม่สนุกกับการทำงานมากเท่าที่เคยเป็นมาอีกต่อไปข่าวประชาสัมพันธ์ของกระทรวงศึกษาธิการอ้างการสำรวจว่าเป็นรายงานความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปงานธุรการและต้องปรับการสอนให้เข้ากับความต้องการของเด็กและเยาวชนที่ต้องการการสนับสนุนเป็นพิเศษเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับครู ครูในฟินแลนด์ ยังมีคุณค่าต่อสังคม ผลการวิจัยระดับประเทศของ TALIS 2018 (การสำรวจการเรียนการสอนระหว่างประเทศ) ได้รับการตีพิมพ์เป็นสองส่วน นี่คือผลการศึกษาส่วนที่สอง ผลการวิจัยทำให้ทราบถึงสภาพการทำงานของครูและผู้นำโรงเรียนและประสบการณ์ในสภาพแวดล้อมการเรียนการสอนของโรงเรียนของตนเองอย่างไร ครูโรงเรียนมัธยมศึกษาประมาณ 2,850 คนและผู้นำโรงเรียน 150 คนเข้าร่วมการศึกษาในฟินแลนด์และในระดับนานาชาติมีครูโรงเรียนมัธยมประมาณ 160,000 คนและผู้นำโรงเรียน 9,400 คนเข้าร่วมในการศึกษานี้ ข้อมูลถูกรวบรวมในฤดูใบไม้ผลิ 2018 แต่ละประเทศที่เข้าร่วมอาจใช้ผลลัพธ์ในการพัฒนานโยบายการศึกษาของตนเอง แอนนิก้า ซาริกโก้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมกล่าวว่าการสำรวจของ TALIS ให้ข้อมูลเกี่ยวกับจุดแข็งและความท้าทายของระบบการศึกษาของฟินแลนด์ นี่เป็นสิ่งสำคัญและช่วยให้เราขับเคลื่อนการทำงานไปในทิศทางที่ถูกต้องเพื่อพัฒนาระบบการศึกษาของเราโดยใช้ข้อมูลจากการวิจัย โรงเรียนส่งเสริมการทำงานร่วมกันมากกว่า แต่ก่อน การทำงานเป็นทีมแบบร่วมมือกันในการสอนและการมีส่วนร่วมในการเรียนรู้แบบร่วมมือมืออาชีพกลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้นในหมู่ครูในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ครูไว้วางใจซึ่งกันและกันและโรงเรียนสนับสนุนให้ทุกคนแสดงความคิดริเริ่ม การแบ่งปันความรับผิดชอบเป็นส่วนสำคัญของโรงเรียน อย่างไรก็ตามผลการสำรวจพบว่ายังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำเพื่อปรับปรุงความรู้สึกของชุมชนในฟินแลนด์ ตัวอย่างเช่นครูในสวีเดนและนอร์เวย์มีความพยายามในการทำงานร่วมกันในรูปแบบต่างๆกับครูคนอื่น ๆ มากกว่าที่ครูทำในฟินแลนด์ ครูในฟินแลนด์ ยังรู้สึกว่าพวกเขาได้รับข้อเสนอแนะเกี่ยวกับงานของตนโดยเฉลี่ยน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับประเทศอ้างอิงอื่น…

การสอบที่อังกฤษ ในปีหน้า จะล่าช้าออก ไปสามสัปดาห์ เพื่อให้มีเวลาสอนเพิ่ม

การสอบที่อังกฤษ ในปีหน้า จะล่าช้าออก ไปสามสัปดาห์ เพื่อให้มีเวลาสอนเพิ่ม

การสอบที่อังกฤษ ในปีหน้ากำลังจะดำเนินต่อไป แต่ส่วนใหญ่จะเลื่อนออกไปเป็นเวลาสามสัปดาห์เพื่อให้โรงเรียนมีเวลาสอนเพิ่มขึ้นรัฐบาลกล่าว เกวิน วิลเลี่ยมสัน เลขาธิการด้านการศึกษายืนยันว่า GCSEs และ A-levels จะจัดขึ้นในช่วงฤดูร้อนโดยมีการปรับหลักสูตรเล็กน้อยที่กำหนดโดยหน่วยงานควบคุมคุณสมบัติ Ofqual แจ้งความล่าช้าของ การสอบที่อังกฤษ เขากล่าวว่า การสอบที่อังกฤษ นี้เป็นวิธีที่ยุติธรรมที่สุดในการดำเนินการสำหรับนักเรียนที่การศึกษาหยุดชะงักไปแล้ว แต่อาจารย์ใหญ่และสหภาพแรงงานปฏิเสธการประกาศว่า “โหดร้าย” และ “ไม่เพียงพอ” และกล่าวว่าการวางแผนฉุกเฉินเพื่อหยุดชะงักต่อไปนั้นสายเกินไปเจฟฟ์ บาร์ตัน เลขาธิการทั่วไปของสมาคมผู้นำโรงเรียนและวิทยาลัยกล่าวว่า เรารู้สึกผิดหวังกับการประกาศครั้งนี้ รัฐบาลต้องใช้เวลาชั่วนิรันดร์ในการตอบสนองที่ไม่เพียงพอต่อขนาดของความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้าสำหรับนักเรียนที่กำลังสอบ GCSEs และ A-level ในปีหน้า เขากล่าวเสริมว่า: การชะลอ การสอบที่อังกฤษ ภายในสามสัปดาห์เป็นประโยชน์เล็กน้อยเมื่อเทียบกับการสูญเสียการเรียนรู้จากประเทศต้องหยุดชะงัก ดร. แมรี่ บูสเตด เลขาธิการร่วมของสหภาพการศึกษาแห่งชาติกล่าวว่า นี่เป็นเรื่องที่โหดร้าย การประกาศในวันนี้เป็นการละทิ้งหน้าที่ของรัฐบาลต่อนักเรียนผู้ปกครองและผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา ครูใหญ่เรียกร้องให้นักเรียนเลือกหัวข้อในการสอบมากขึ้นโดยคำนึงถึงความจริงที่ว่าพวกเขาจะไม่สามารถครอบคลุมหลักสูตรทั้งหมดได้ พวกเขายังแนะนำให้นักเรียนนั่งสอบน้อยลงในแต่ละวิชา อย่างไรก็ตามคนวงในกล่าวว่ารัฐบาลยืนยันว่าการสอบจะต้องเข้มงวดและไม่ควรมีการ“ ลดทอน” หรือเจาะลึกเพื่อกดดันจากภายในภาคส่วนให้มีการทบทวนระบบการประเมินอย่างเต็มรูปแบบหลังจากผลการประเมินในปีนี้ล่มสลาย ชุดการสอบภาคฤดูร้อนจะเริ่มในวันที่ 7 มิถุนายน 2021 และสิ้นสุดในวันที่ 2…

ปัญหาระบบการศึกษาของไทย ที่ผู้เรียนยังคงได้รับผลกระทบ

ปัญหาระบบการศึกษาของไทย ที่ผู้เรียนในปัจจุบัน ยังคงได้รับผลกระทบ

               ปัญหาระบบการศึกษาของไทย เกิดขึ้นตั้งแต่เด็กวัยเข้าโรงเรียนจนกระทั่งวัยเข้ามหาวิทยาลัย มีการเปลี่ยนแปลงระบบหลายครั้ง การเปลี่ยนแต่ละครั้งเป็นการเปลี่ยนเพื่อแก้ปัญหาเดิม เช่น สถานที่สอบมีการจัดสอบหลายสถานที่ หลายจังหวัด ผู้เรียนในชนบทบางคนต้องเดินทางเข้ามาสอบใน กทม. ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างผู้เรียนในชนบทและผู้เรียนในเมือง มีผู้เรียนบางคนยังไม่มีสถานที่เข้าเรียน รวมทั้งโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยบางแห่งเปิดรับผู้เรียนไม่เต็มจำนวนตามที่ตั้งเป้าไว้ ปัญหาระบบการศึกษาของไทย ที่รอการแก้ไข                ปัจจุบันมีการสำรวจพบว่า ปัญหาระบบการศึกษาของไทย จากปีก่อนๆ พบผู้เรียนประมาณ 30% ที่เรียนไปแล้วสักระยะ มีการเปลี่ยนคณะเรียนและสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ ซึ่งนั้นทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า เพราะเหตุใดผู้เรียนถึงทำเช่นนั้น และมีคำถามอื่นๆ ตามมาอีกว่า ควรมีการกลับมาใช้ระบบเอนทรานซ์หรือไม่และสถาบันกวดวิชาตามสถานที่ต่างๆ ยังมีความจำเป็นอยู่หรือไม่ ซึ่งการตั้งคำถามเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า ระบบที่ใช้อยู่นั้นอาจจะยังไม่เสถียรมากพอสำหรับผู้เรียนบางคนที่ได้รับผลกระทบ                ในสังคมไทยพบปัญหาที่ใช้วิธีนำคะแนนสอบมาคัดกรองเพื่อหาผู้ที่เรียนเก่ง มีการใช้แฟ้มสะสมผลงานเพื่อช่วยในการเข้าเรียน ซึ่งการใช้แฟ้มสะสมผลงานนั้นมีจุดประสงค์อยู่ 2 แบบ คือ 1.เพื่อให้ผู้เรียนได้เข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง และ 2.เพื่อให้ผู้เรียนได้เข้าเรียนในสายวิชาที่ต้องการเรียน รวมทั้งการใช้โควตาในการสอบภาคข้อเขียนและภาคปฏิบัติ วิธีการทำเช่นนี้เป็นวิธีที่ผู้เรียนไม่อาจตอบโจทย์ได้ว่าตนเองต้องการสิ่งใด เก่งในด้านไหน หรือสามารถนำความรู้ที่ได้จากการเรียนไปประกอบอาชีพในอนาคตได้อย่างไร                ปัญหาระบบการศึกษาของไทย เป็นปัญหาที่สร้างความยุ่งยากให้กับผู้เรียนทุกชั้นวัย ซึ่งทางออกในการแก้ปัญหา คือ…

สัญญาณเตือน ที่บ่งบอกว่า ลูกถูกทำร้ายร่างกาย ที่โรงเรียน

สัญญาณเตือน ที่บ่งบอกว่า ลูกถูกทำร้ายร่างกาย ที่โรงเรียน

จากข่าวโด่งดังที่กระฉ่อนไปทั่วสารทิศ ในเรื่องของครูทำร้ายเด็ก ซึ่งจากเดิมมองว่าน่าจะเป็นปัญหาจากครูเพียง 1 คน แต่จากนั้นได้กลายเป็น 4 และลามไปยังห้องอื่นๆ ที่พบในกรณีคล้ายๆกัน วันนี้จึงจะมาแนะนำถึง สัญญาณเตือน ที่บ่งบอกว่า ลูกถูกทำร้ายร่างกาย ที่โรงเรียน ที่พ่อแม่ผู้ปกครองต้องหมั่นสังเกตและเป็นหูเป็นตาที่ดี สังเกต สัญญาณเตือน ลูกถูกทำร้ายร่างกาย 1.เด็กมีอาการไม่อยากไปโรงเรียน อาการลักษณะนี้สามารถเกิดได้หลายสาเหตุ เช่น เด็กอยากอยู่บ้าน เด็กไม่ชอบเข้าสังคม โดยในจุดนี้ผู้ปกครองควรประเมินด้วยว่าลูกของตนเองนั้นมีลักษณะอุปนิสัยอย่างไร แต่ถ้าหากตัดสาเหตุเหล่านี้ออกไป ผู้ปกครองต้องหมั่นสังเกตให้ดี เช่น จากเดิมเด็กชอบไปโรงเรียน แต่ทำไมพอเลื่อนระดับชั้นเรียนกลับไม่อยากไป หรือหากผู้ปกครองพาเด็กไปเรียนพิเศษ ไปทำกิจกรรมนอกเหนือที่เรียนในโรงเรียน แล้วเด็กแสดงอาการที่แตกต่างอยากสิ้นเชิง อาทิ ชอบไปเรียนพิเศษ มากกว่าไปโรงเรียน จุดนี้ผู้ปกครองควรหมั่นสังเกตอาการและเก็บไว้เป็นข้อมูล 2.เด็กมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป หากเมื่อใดก็ตามที่ผู้ปกครองสังเกตเห็น สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่า ลูกถูกทำร้ายร่างกาย จากพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป การพูดคุยเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญอย่างมาก แต่ในบางครั้งผู้ปกครองอาจละเลยไป การพูดคุยกับเด็กแน่นอนว่าการถามตรงๆ แล้วเอาคำตอบจากปากเด็กในครั้งเดียวอาจไม่สามารถบ่งชี้ได้ชัด เพราะพัฒนาการของเด็กยังไม่เทียบเท่ากับผู้ใหญ่ การพูดคุยให้เด็กเกิดความสบายใจและหาจังหวะวกกลับไปในสิ่งที่เราอยากรู้หลายๆครั้ง เช่น ไปโรงเรียนสนุกไหม คุณครูให้ทำอะไรอย่าง ซึ่งหากนานวันไปแล้ว…

เตรียมตัวสอบ อย่างไรถึงจะทำให้ได้คะแนน หรือผลการสอบดี

เตรียมตัวสอบ อย่างไร ถึงจะทำให้ได้คะแนน หรือผลการสอบดี

               การเตรียมตัวสอบ นั้นสำคัญต่อใครหลายๆคน ที่ไม่ใช่เฉพาะนักเรียนที่จะสอบในรายวิชานั้นๆ หรือนักเรียนม.6 ที่กำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย ยังรวมไปถึงผู้ใหญ่หลายคนอีกด้วย เช่น ผู้ที่จะสอบวัดความรู้เพื่อเข้าทำงานในบริษัท ผู้ที่จะสอบวัดความรู้ในงานของตนเองประจำปี ผู้ที่สอบแข่งขันบรรจุเข้ารับราชการ เป็นต้น ซึ่งบทความนี้จะบอกเล่าถึงเทคนิคในการ เตรียมตัวสอบ กัน มีดังนี้ เทคนิคเตรียมตัวสอบให้ได้คะแนนดี วางแผนในการเตรียมตัว เมื่อเราจะสอบจะมีหัวข้อในการสอบอยู่ เราจะต้องวางแผนในการ เตรียมตัวสอบ ก่อน โดยคำนึงถึงระยะเวลาที่มีอยู่ก่อนสอบ จำนวนหัวข้อในการสอบ คะแนนในแต่ละหัวข้อ เพื่อดูว่าหัวข้อใดมีคะแนนที่เยอะกว่า เราจะต้องทุ่มเทในหัวข้อนั้นๆมากกว่าหัวข้อ เมื่อเรามีระยะเวลาที่ไม่มากพอ เมื่อเราทราบปัจจัยต่างๆแล้ว เราก็ควรจะวางแผนให้เหมาะสม ไม่หนักเกินไปหรือน้อยเกินความจำเป็น เพื่อที่จะให้ผลคะแนนออกมาดี ทีมอ่านหนังสือวนไป มีคนหลายประเภทที่เลือกจะอ่านหนังสือซ้ำๆวนไป จนกว่าจะถึงเวลาสอบ โดยจากการวางแผน เราจะรู้ว่าเรามีเวลาขนาดไหน และสามารถอ่านหนังสือซ้ำได้ถึงกี่รอบ ซึ่งการเตรียมตัวแบบนี้จะช่วยทำให้เราจำถึงรายละเอียดต่างๆได้แม่นยำ ทีม Short Note จากการที่เราเรียนหรืออ่านหนังสือ เราจะสรุปในส่วนสำคัญต่างๆ มาทำเป็นสรุปสั้นๆ เพื่อสะดวกในการจำและรู้ถึง Keyword ในแต่ละเรื่องแต่ละหัวข้อ ยิ่งถ้าหากเรามีการลำดับเนื้อหาได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย จะช่วยทำให้เรามีทักษะในการจัดการ…

ความสำคัญของ “เกรดเฉลี่ย” สามารถใช้วัดอะไรได้บ้าง ?

ความสำคัญของ “เกรดเฉลี่ย” สามารถใช้วัดอะไรได้บ้าง ?

ในการเรียนนั้น จะมีการทดสอบความรู้จากการที่เราเรียนไปทั้งหมด โดยการสอบเพื่อเก็บคะแนน จากนั้นจะนำคะแนนในแต่ละวิชามาคิดเป็น เกรดเฉลี่ย จะมีตั้งแต่ 0.00 จนถึง 4.00 ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนมักจะใช้ในการตัดสินความเก่งหรือไม่เก่งของผู้อื่น หรือพ่อแม่หลายคนมักจะกดดันเด็กๆให้มีเกรดเฉลี่ยที่สูง ให้ทั้งเรียนพิเศษหรือกวดวิชาต่อจากการเรียนที่โรงเรียน ซึ่งในความเป็นจริงจะต้องเป็นเวลาพักของเด็กๆ สิ่งนี้จะทำให้เด็กๆรู้สึกเครียด กดดัน ไม่มีความสุขในการเรียน อาจจะนำไปสู่การหนีเรียนหรือไม่อยากเรียนหนังสืออีกต่อไปได้ ซึ่งในความเป็นจริงเกรดเฉลี่ยไม่ใช่ทั้งหมดของสิ่งที่บอกว่า คุณเก่งหรือไม่เก่ง แต่เป็นประสบการณ์ การใช้ชีวิตในอนาคต เป็นต้น เกรดเฉลี่ยสำคัญอย่างไร ? ผู้ใหญ่หลายคน รวมถึงในบริษัทบางบริษัทมักจะตั้งความหวังไว้ที่ เกรดเฉลี่ย ของเด็กๆว่าเกรดยิ่งสูง หมายความว่าเด็กคนนี้ยิ่งเก่ง แต่ลองกลับมุมมองดูว่า คนที่เกรดสูง เขาสามารถนำความรู้ที่เขามีไปใช้ได้หรือเปล่า? นำไปใช้ในชีวิตจริงได้หรือไม่? เขามีทักษะอื่นๆอีกหรือเปล่า? คนที่มีเกรดเฉลี่ยสูงบางคนอาจจะใช้ความรู้ไปประยุกต์ใช้ในอาชีพหรือการใช้ชีวิตไม่ได้เลย ไม่มีทักษะอื่นๆเลยก็อาจจะเป็นได้ บางคนที่มีเกรดเฉลี่ยที่ไม่ได้สูง แต่ลองมองมุมอื่นพวกเขาอาจจะเคยทำกิจกรรมมามากมายนับไม่ถ้วนก็ว่าได้ ดังนั้นเกรดเฉลี่ยไม่สามารถบอกถึงความเก่งได้อย่างเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ใช่ว่าเกรดเฉลี่ยจะไม่มีความหมายใดๆเลย แต่เกรดเฉลี่ยอาจจะบอกได้ถึงความขยัน ความถนัดในรายวิชานั้นๆ หรือความตั้งใจได้ในระดับหนึ่ง ดังนั้นไม่ว่าจะสำคัญมากขนาดไหน เราก็ต้องทำทุกอย่างในเต็มที่ เพื่อที่จะไม่ได้มานั่งเสียใจในภายหลังถ้าหากเกรดเฉลี่ยสำคัญในบริษัทที่เขาให้ความสำคัญต่อ เกรดเฉลี่ย ทั้งนี้จึงอยากให้ลองเปลี่ยนความคิดดูใหม่เกี่ยวกับเกรดเฉลี่ย เพื่อให้เด็กไม่เพียงแต่เลือกแค่การเรียนเพียงเท่านั้น แต่ให้เด็กๆสามารถทำกิจกรรมอื่นๆร่วมด้วย…

สิ่งที่ควรแก้ไข หลังเหตุการณ์ ครูทำร้ายเด็ก (ฝั่งผู้บริหารสถานศึกษา)

          เหตุการณ์ ครูทำร้ายเด็ก นับได้ว่าข่าวที่สะเทือนใจผู้ที่เป็นพ่อแม่เมื่อได้พบภาพหลักฐาน ซึ่งตอนนี้ทางสถานศึกษาต้นเรื่องกำลังเผชิญมรสุมอย่างหนัก ในด้านภาพลักษณ์ของโรงเรียน จนผู้ปกครองบางส่วนแสดงความจำนงของย้ายโรงเรียน นี่จึงไม่ใช่บทเรียนของสถานศึกษาต้นเรื่องเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงสถานศึกษาเอกชน ที่ต้องกำชับมาตรการดูแลและให้ความสำคัญกับเด็ก เพื่อความสบายใจของผู้ปกครอง ดังต่อไปนี้ ครูทำร้ายเด็กเหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าคัดกรองบุคลากรดี           สิ่งสำคัญที่สุดผู้บริหารสถานศึกษาควรคัดกรองบุคลากรครูที่จะเข้ามาทำหน้าที่ ซึ่งนอกจากคุณสมบัติแล้ว จะต้องเพิ่มความละเอียดถึงภูมิหลังของผู้สมัคร สำรวจอุปนิสัยใจคอและความทัศนคติ ซึ่งมีผลกับการทำงานนี้อย่างมาก โดยอาจใช้การทดลองงานเป็นตัวทดสอบสำคัญ ขณะที่การรับบุคลากรครูชาวต่างชาติ ควรใช้บริการบริษัทนำเข้าที่มีคุณภาพ            สิ่งสำคัญประการต่อมา คือ การสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ปกครอง โดยต้องกล่าวก่อนว่าปัญหา ครูทำร้ายเด็ก นั้นมีมานานแล้ว เพียงแต่ในอดีตไม่มีกล้องวงจรปิดเหมือนเช่นปัจจุบัน ฉะนั้นหากผู้บริหารสถานศึกษาสามารถให้ผู้ปกครองเข้าถึงการชมภาพวงจรปิดได้ในขณะที่บุตรหลานอยู่โรงเรียน ซึ่งจะช่วยสร้างความสบายใจแก่ทั้งสองฝ่ายได้ระดับหนึ่ง           สิ่งสำคัญหลังเหตุการณ์ ครูทำร้ายเด็ก ประการสุดท้าย คือ การร่วมมือระหว่าง ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน และผู้ปกครอง โดยเฉพาะเมื่อใดก็ตามที่ผู้ปกครองรับรู้ร่วมกันเป็นส่วนใหญ่ว่า ครูผู้สอนในห้องนั้นไม่ปลอดภัยกับเด็ก สามารถที่จะแสดงความจำนงต่อผู้บริหารให้เข้ามาจัดการแก้ปัญหา เพราะจากกรณีที่เกิดขึ้นนี้สถานศึกษาแสดงความรับผิดชอบเพียงการไล่ครูต้นเรื่องพร้อมกับครูร่วมห้องอีก 3 คน ออกจากงานเท่านั้น ส่วนท่าทีของความรับผิดชอบยังถูกบ่ายเบี่ยง ซึ่งตรงจุดนี้หากไม่มีความร่วมมือจากผู้บริหารสถานศึกษา ย่อมสร้างผลเสียต่อสถานศึกษาเอง…

ผู้ปกครองเรียกร้อง ให้ติดกล้องวงจรปิดทั่ว โรงเรียนในเครือสารสาสน์ ทั้ง 49 แห่ง!

ผู้ปกครองเรียกร้อง ให้ติดกล้องวงจรปิด โรงเรียนในเครือสารสาสน์ ทั้ง 49 แห่ง!

               จากข่าวที่คุณครูอนุบาลโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ทำร้ายร่างกายเด็กอนุบาลด้วยการทุบตี ทั้งยังห้ามเข้าห้องน้ำ และให้เวลาในการรับประทานอาหารเพียงสิบนาที ทำให้ผู้ปกครองต่างลุกฮือและไม่ยอมอยู่เฉยเพราะการกระทำดังกล่าวถือเป็นเรื่องร้ายแรงและไม่ควรเกิดขึ้นกับเด็ก คุณครูที่ทำร้ายเด็กจึงต้องถูกลงโทษตามภาพในกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพการทำร้ายเด็กเอาไว้อย่างชัดเจน ล่าสุด ผู้ปกครองเรียกร้อง ให้ติดกล้องวงจรปิดทั่ว โรงเรียนในเครือสารสาสน์ ทั้ง 49 แห่ง! ขอให้ติดกล้องวงจรปิดของโรงเรียนในเครือสารสาสน์                ล่าสุด ผู้ปกครองเรียกร้อง ให้ติดกล้องวงจรปิดทั่ว โรงเรียนในเครือสารสาสน์ ทั้ง 49 แห่ง! นอกจากโรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ราชพฤกษ์ที่พบการทำร้ายเด็กนักเรียนหลายรายจากคุณครูหลายคนทั้งครูคนไทยและครูชาวฟิลิปปินส์แล้ว ผู้ปกครองของเด็กนักเรียนโรงเรียนในเครือสารสาสน์เช่นกัน คือ โรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ร่มเกล้าได้รวบรวมรายชื่อของผู้ปกครองในโรงเรียนกว่าสี่ร้อยรายชื่อเพื่อเข้าไปร้องขอกับทางโรงเรียนว่าช่วยให้ติดกล้องวงจรปิดในโรงเรียน เพื่อความปลอดภัยของลูก เพราะลูกของตนได้ถูกคุณครูตีด้วยไม้บรรทัดฟุตเหล็กจนมีบาดแผลตามตัวกว่าสิบห้าแห่ง ขณะนี้กำลังดำเนินคดี ซึ่งคดียืดเยื้อมาเป็นปีแล้วก็ยังไม่จบเนื่องจากทางโรงเรียนไม่มีมาตรการการติดกล้องวงปิดเอาไว ทำให้ทางผู้ปกครองดังกลางฟ้องศาลด้วยเพียงรูปถ่ายที่ถ่ายจากมือถือของตนเท่านั้น ไม่มีภาพเหตุการณ์ขณะที่คุณครูทำร้ายร่างกายนักเรียน ซึ่งไม่รู้ว่าลูกของคนอื่นก็โดนเช่นเดียวกันอีกหรือไม่เพราะเด็กวัยอนุบาล-ประถมยังเด็กมากจนสามารถบอกผู้ปกครองเมื่อถูกคุณครูทำร้ายร่างกายได้ หรืออาจถูกครูข่มขู่ไม่ให้บอกผู้ปกครองก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน โดยผู้ปกครองท่านนี้ขอร้องให้ติดกล้องวงจรปิดในทุกโรงเรียนของเครือสารสาสน์เพื่อความปลอดภัยของลูกตัวเองและลูกของคนอื่น ๆ ที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน                นอกจากผู้ปกครองเรียกร้องให้ ติดกล้องวงจรปิดทั่ว โรงเรียนในเครือสารสาสน์ ทั้ง 49 แห่งแล้ว ยังมีข้อเรียกร้องอีกอย่างหนึ่งคือขอให้มีการตรวจใบประกอบวิชาชีพของครูที่เข้ามาเป็นครูในโรงเรียนด้วยทุกคนอย่างไม่มีเว้น เพราะนี่อาจเป็นต้นเหตุของความรุนแรงที่เกิดขึ้นทั้งหมด เป็นคนร้ายที่อยู่ในร่างของครูก็เป็นได้ แล้วจะให้พ่อแม่ผู้ปกครองทั้งหลายสบายใจและปล่อยมาเรียนที่โรงเรียนแบบนี้ได้อีกอย่างไร หากยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจนแสดงถึงความปลอดภัยของเด็กเล็กที่ฝากให้คุณครูช่วยดูแล ทั้งนี้ที่ผู้ปกครองส่วนใหญ่ส่งลูกมาเรียนที่โรงเรียนเอกชนก็เพื่อที่จะให้อยู่ในสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดี…

โรงเรียนสารสาสน์ราชพฤกษ์

มาตรการเยียวยานักเรียน ที่ได้รับผลกระทบจากครูโหด โรงเรียนสารสาสน์ราชพฤกษ์

               จากข่าวที่ครูผู้ช่วยรวมถึงครูชาวฟิลิปปินส์ จากโรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ราชพฤกษ์ทำร้ายร่างกายเด็กอนุบาลหลายคนด้วยกัน พร้อมกับกล้องวงจรปิดจากทางโรงเรียนที่เป็นหลักฐานอย่างชัดเจนว่าคุณครูทำร้ายร่างกายเด็กจริง ทั้งการตบศีรษะ การตีหลัง รวมไปถึงการกระทำอื่น ๆ อีกมากมายเช่น ไม่อนุญาตให้เด็กเข้าห้องน้ำ และบังคับให้เด็กกินข้าวเพียงแค่สิบนาทีเท่านั้น จากการกระทำดังกล่าวจากตัวครูโหดคนนี้ทางโรงเรียนได้ออกมาเผย มาตรการเยียวยานักเรียน ที่ได้รับผลกระทบจากครูโหด โรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ราชพฤกษ์ เผยมาตรการเยียวยานักเรียนโรงเรียนสารสาสน์ราชพฤกษ์                เผย มาตรการเยียวยานักเรียน ที่ได้รับผลกระทบจากครูโหด โรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ราชพฤกษ์ โรงเรียนได้ออก 2 มาตรการมาเพื่อเยียวยาสำหรับเด็กที่ผู้ปกครองต้องการให้ออกจากโรงเรียนและเด็กที่ต้องการที่จะอยู่ต่อที่เดิม ทางโรงเรียนได้มีมาตรการชัดเจนที่จะคืนเงินค่าเทอมของนักเรียนในห้องทุกคนเป็นการชดเชยกับความผิดพลาดและความรุนแรงที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สำหรับผู้ปกครองที่ต้องการให้เด็กย้ายไปที่โรงเรียนอื่น โรงเรียนจะช่วยเหลือในการทำเรื่องส่งเอกสาร ทั้งยังมีมาตรการจ่ายค่าทำขวัญให้เด็กอีกด้วย นักเรียนที่ได้รับผลกระทบทางด้านจิตใจและร่างกายทางโรงเรียนยินดีรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ทั้งหมด ส่วนผู้ปกครองที่มีความประสงค์ให้เด็กอยู่ตอทางโรงเรียนยินดีที่จะช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายทางการแพทย์เช่นกัน พร้อมกับให้มีนักจิตวิทยาเด็กดูแลเด็กที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้น                ทั้งยังมีมาตรการในการติดกล้องวงจรปิดที่ผู้ปกครองสามารถดูแบบออนไลน์ได้ หรือผู้ปกครองท่านใดที่ต้องการเข้ามาเช็คเรื่องสุขอนามัยหรือการเรียนการสินด้วยตัวเองก็สามารถทำได้ด้วยเช่นกันโดยการเข้ามาที่โรงเรียนต้องไม่รบกวนการเรียนการสอนของนักเรียน หน้าห้องทุกห้องจะมีการติดใบประกอบอาชีพครูของครูทุกคนพร้อมภาพถ่ายและลงบนเว็บไซต์ของโรงเรียนให้สามารถตรวจสอบได้ นอกจากนี้เรื่องโภชนาการของเด็กจะได้รับการดูแลและแจ้งผู้ปกครองเกี่ยวกับอาหารในแต่ละวัน รวมถึงเพิ่มเวลาในการรับประทานอาหารกลางวันจากครึ่งชั่วโมงเป็น 40 นาที ทางด้านคุณครูที่โรงเรียนนั้นจะมีการอบรมคัดกรองด้านสุขภาพจิตของครูทั้งชาวไทยและต่างชาติทุกคน ระบบรับส่งของโรงเรียนจะมีการติดกล้องไว้ในห้องผู้โดยสารเพื่อให้สามารถตรวจสอบความปลอดภัยของเด็กทุกคนได้ การประชุมผู้ปกครองจะถูกจัดในทุกปีการศึกษาเพื่อให้ครูกับผู้ปกครองได้สื่อสารกันมากขึ้น (ด้วยสถานการณ์โควิดทำให้ผู้ปกครองกับคุณครูติดต่อกันน้อยลง และผู้ปกครองก็ไม่ได้มีโอกาสได้เข้าไปดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงเรียนเหมือนแต่ก่อน)                จาก มาตรการเยียวยานักเรียน ที่ได้รับผลกระทบจากครูโหด โรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ราชพฤกษ์ ทำให้โรงเรียนอื่น ๆ เริ่มตื่นตัวกับมาตรการในความปลอดภัยของเด็กนักเรียนมากขึ้น ติดตามบทความ การศีกษา ข่าวการศึกษา เคล็ดลับการสอบ เคล็ดลับการอ่านหนังสือ ได้ที่นี้