สิ่งที่น่าเสียดายอย่างมากสำหรับเด็กยุคไอที ก็คือพวกเขามีโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลมหาศาล จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะค้นหาความชื่นชอบของตัวเองได้ แต่ก็ยังมีเด็กจำนวนไม่น้อยที่ เรียนไม่ตรงสาย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่าความใฝ่ฝันเกี่ยวกับวิชาชีพในอนาคตคืออะไร อีกส่วนหนึ่งก็คือพ่อแม่มักจะชี้นำและสร้างความกดดันให้กับลูกมากเกินไป จนเขาไม่กล้าที่จะตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง หมดปัญหา เรียนไม่ตรงสาย แค่เข้าใจตัวเอง เมื่อเรียนไม่ตรงสาย ปัญหาที่ตามมาก็คือความตึงเครียด สิ่งที่เป็นความถนัดไม่ได้นำออกมาใช้ แต่กลับต้องพยายามทำในสิ่งที่ตัวเองยังไม่แน่ใจว่าจะดีจริงหรือไม่ ดังนั้นการทำความเข้าใจตัวเองอย่างละเอียด ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกเรียนอะไรจึงสำคัญมาก จำไว้เสมอว่าการเลือกเรียนตามเพื่อนนั้นไม่ใช่แนวทางที่ดี และการทำตามความพอใจของพ่อแม่ก็ไม่ดีเช่นเดียวกัน หากเราไม่ได้เห็นว่าสิ่งที่จะเลือกนั้นตอบโจทย์ในใจเราจริงๆ วิธีการค้นหาตัวเองแบบง่ายๆ ให้เริ่มจากการตั้งคำถามให้ตรงจุดเสียก่อน ถ้าเราเรียนไม่ตรงสายจะเสียอะไรไปบ้าง กิจกรรมที่เรารักจะมีเวลาทำมันน้อยลงไหม ชีวิตวัยเรียนจะมีความสนุกอย่างที่มันควรจะเป็นหรือไม่ เมื่อเรามองเห็นข้อเสียทั้งหมดแล้ว มันจะเกิดแรงผลักดันให้เรามุ่งมั่นไปตามความฝันโดยอัตโนมัติ จากนั้นก็ลองสังเกตจากคำพูดของคนรอบข้าง มีอะไรบ้างที่เขาบอกว่าเราทำได้ดี และมีอะไรบ้างที่คนอื่นมักจะขอความช่วยเหลือจากเรา นั่นแหละคือสิ่งที่เป็นเหมือนพรสวรรค์ติดตัวมา คนที่เลือกเรียนไม่ตรงสาย ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีความถนัดในเรื่องไหนเลย แต่เป็นเพราะไม่เคยไตร่ตรองถึงความรู้สึกนึกคิดของตัวเองจริงๆ บางคนเขียนนิยายเก่งมาก เวลามีกิจกรรมประกวดในโรงเรียนก็มักจะได้รางวัลเสมอ แบบนี้ก็ชัดเจนว่าควรจะเรียนทางด้านภาษาหรือศิลปะศาสตร์มากกว่า อย่างไรก็ตาม ถ้าในวันนี้ลองถามตัวเองแล้วยังไม่ได้คำตอบ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลใจ เพราะการค้นหาตัวเองจำเป็นต้องใช้เวลาเหมือนกัน แหล่งให้ข้อมูล เกี่ยวกับ การศึกษาและความรู้ kor-kai.com ที่นี่มีข้อมูลดีๆ ที่มีความรู้ที่หลากหลาย และครบถ้วน สำหรับคุณ และถ้าถ้าคุณกำลังมองหาเกมออนไลน์ เล่นเพื่อคลายสมอง ufabet1688 ที่นี่ ก็มีเกมออนไลน์…
มีคนเคยกล่าวไว้ว่า เมื่อไรที่มีวิกฤติเข้ามา มันก็จะมีโอกาสใหม่ๆ เกิดขึ้นด้วยเสมอ เราได้เห็นภาพชัดของประโยคนี้ก็ตอนที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์โรคระบาดไวรัสโควิด-19 นี่เอง นักเรียนทั่วทั้งประเทศมีโอกาสได้ เรียนออนไลน์ โดยพร้อมเพรียงกัน แม้แต่โรงเรียนในเขตทุรกันดาร ที่ครูเองก็ยังไม่ได้เชี่ยวชาญระบบอินเตอร์เน็ตมากนัก ก็ถูกบังคับด้วยนโยบายฉุกเฉิน ที่ต้องให้นักเรียนได้เรียนรู้ต่อไปได้ ไม่ว่าภาวะโควิดจะเป็นไปในทางใดก็ตาม เรียนออนไลน์ การศึกษาในอนาคต ในช่วงแรกของการ เรียนออนไลน์ บอกได้คำเดียวว่าวุ่นวายอย่างที่สุด โรงเรียนในเมืองก็นับว่ามีความพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงแบบนี้อยู่แล้ว แค่เสริมทุกอย่างให้เป็นระบบแบบเข้าที่เข้าทางก็ใช้งานได้ แถมหลายสถานศึกษาก็ให้นักเรียนเจออาจารย์พร้อมส่งงานแบบออนไลน์มาก่อนที่จะมีประกาศเสียอีก แต่พอออกมาต่างจังหวัดหน่อย ระบบก็ไม่พร้อม อุปกรณ์ก็ไม่พร้อม สะเทือนไปจนถึงพ่อแม่ผู้ปกครองก็ไม่พร้อมจ่ายเงินค่าอุปกรณ์เสริมให้ลูกๆ ด้วยเหมือนกัน มันจึงเกิดเสียงแตกเป็นหลายกระแส ฝ่ายที่พร้อมกับการ เรียนออนไลน์ ก็มองว่าทันสมัยและสะดวกดี ฝ่ายที่ไม่พร้อมก็บ่นกันหนาหูว่าแนวคิดนี้สร้างภาระให้มาก จนท้ายที่สุดก็เหมือนว่าโครงการนี้จะไม่เป็นเอกฉันท์ ใครทำได้ก็ทำ ใครทำไม่ไหวก็ต้องชะลอการเล่าเรียนออกไป อย่างไรก็ตาม ถ้ามองอย่างเป็นกลาง ระบบการเรียนสมัยใหม่ก็ควรปรับเป็นออนไลน์ได้แล้ว ค่อยๆ เปลี่ยนก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเสียเลย เพราะการ เรียนออนไลน์ จะช่วยให้เด็กๆ จัดตารางชีวิตของตัวเองได้ดีกว่า ยืดหยุ่นเวลาได้มากขึ้น แถมยังประหยัดงบประมาณในส่วนอื่นไปได้อีกมาก…
ในการเรียนนั้น จะมีการทดสอบความรู้จากการที่เราเรียนไปทั้งหมด โดยการสอบเพื่อเก็บคะแนน จากนั้นจะนำคะแนนในแต่ละวิชามาคิดเป็น เกรดเฉลี่ย จะมีตั้งแต่ 0.00 จนถึง 4.00 ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนมักจะใช้ในการตัดสินความเก่งหรือไม่เก่งของผู้อื่น หรือพ่อแม่หลายคนมักจะกดดันเด็กๆให้มีเกรดเฉลี่ยที่สูง ให้ทั้งเรียนพิเศษหรือกวดวิชาต่อจากการเรียนที่โรงเรียน ซึ่งในความเป็นจริงจะต้องเป็นเวลาพักของเด็กๆ สิ่งนี้จะทำให้เด็กๆรู้สึกเครียด กดดัน ไม่มีความสุขในการเรียน อาจจะนำไปสู่การหนีเรียนหรือไม่อยากเรียนหนังสืออีกต่อไปได้ ซึ่งในความเป็นจริงเกรดเฉลี่ยไม่ใช่ทั้งหมดของสิ่งที่บอกว่า คุณเก่งหรือไม่เก่ง แต่เป็นประสบการณ์ การใช้ชีวิตในอนาคต เป็นต้น เกรดเฉลี่ยสำคัญอย่างไร ? ผู้ใหญ่หลายคน รวมถึงในบริษัทบางบริษัทมักจะตั้งความหวังไว้ที่ เกรดเฉลี่ย ของเด็กๆว่าเกรดยิ่งสูง หมายความว่าเด็กคนนี้ยิ่งเก่ง แต่ลองกลับมุมมองดูว่า คนที่เกรดสูง เขาสามารถนำความรู้ที่เขามีไปใช้ได้หรือเปล่า? นำไปใช้ในชีวิตจริงได้หรือไม่? เขามีทักษะอื่นๆอีกหรือเปล่า? คนที่มีเกรดเฉลี่ยสูงบางคนอาจจะใช้ความรู้ไปประยุกต์ใช้ในอาชีพหรือการใช้ชีวิตไม่ได้เลย ไม่มีทักษะอื่นๆเลยก็อาจจะเป็นได้ บางคนที่มีเกรดเฉลี่ยที่ไม่ได้สูง แต่ลองมองมุมอื่นพวกเขาอาจจะเคยทำกิจกรรมมามากมายนับไม่ถ้วนก็ว่าได้ ดังนั้นเกรดเฉลี่ยไม่สามารถบอกถึงความเก่งได้อย่างเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ใช่ว่าเกรดเฉลี่ยจะไม่มีความหมายใดๆเลย แต่เกรดเฉลี่ยอาจจะบอกได้ถึงความขยัน ความถนัดในรายวิชานั้นๆ หรือความตั้งใจได้ในระดับหนึ่ง ดังนั้นไม่ว่าจะสำคัญมากขนาดไหน เราก็ต้องทำทุกอย่างในเต็มที่ เพื่อที่จะไม่ได้มานั่งเสียใจในภายหลังถ้าหากเกรดเฉลี่ยสำคัญในบริษัทที่เขาให้ความสำคัญต่อ เกรดเฉลี่ย ทั้งนี้จึงอยากให้ลองเปลี่ยนความคิดดูใหม่เกี่ยวกับเกรดเฉลี่ย เพื่อให้เด็กไม่เพียงแต่เลือกแค่การเรียนเพียงเท่านั้น แต่ให้เด็กๆสามารถทำกิจกรรมอื่นๆร่วมด้วย…