นักเรียน

การเข้าแถวหน้าเสาธง…ช่วยให้นักเรียน และเยาวชน มีระเบียบวินัย จริงหรือไม่

การเข้าแถวหน้าเสาธง…ช่วยให้นักเรียน และเยาวชน มีระเบียบวินัย จริงหรือไม่

               การเข้าแถวหน้าเสาธง ของโรงเรียนในอดีตและในปัจจุบัน  มีบริบทที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง  แต่ก็ยังเชื่อว่าการเข้าแถวหน้าเสาธงจะช่วยให้เด็กมีวินัยในตนเอง  เคารพกฎกติกาของโรงเรียน  แต่ลืมไปว่าเมื่อสภาพสังคมเปลี่ยนแปลง  การเข้าแถวหน้าเสาธงจะกลายเป็นเรื่องที่น่าเบื่อไปโดยปริยาย  เนื่องด้วยเวลาเปลี่ยน  แต่เหมือนการนำเสนอ  การเข้าแถวหน้าเสาธง  รวมทั้งเรื่องราวที่นำเสนอกลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง  และไม่เชื่อว่าจะช่วยบ่มวินัยในเด็กได้เหมือนปัจจุบัน การเข้าแถวหน้าเสาธง กับเด็กในยุคปัจจุบัน ก่อนอื่นจะต้องแยกระหว่าง การเข้าแถวหน้าเสาธง กับวินัยในโรงเรียนให้ออกเสียก่อน  เนื่องด้วยการเข้าแถวในปัจจุบันไม่ครอบคลุมเนื่องด้วยจากสถานการณ์เสี่ยงต่อติดเชื้อ  สภาพแดดร้อนในประเทศไทย   และการจัดแถวที่สื่อให้เห็นด้านลบในสายตาชัดเจน  เช่น  เด็กนักเรียนเข้าแถวกลางแดด  แต่ครูกลับกางร่มบังแดด  แทนที่จะหาที่ร่มให้เด็กได้หลบแดดมากกว่าที่จะอ้างว่าฝึกความอดทนเสียอีก  แล้วนั่นก็เป็นสองมาตรฐานระหว่างช่องว่างระหว่างวัยเพิ่มขึ้น  ต่อมาในส่วนของวินัย  ถ้าจะให้ดีควรแก้ไขที่โครงสร้างสังคมก่อนอันดับแรก  เนื่องด้วยวินัยสามารถสร้างได้ที่โรงเรียนก็จริง  แต่จะมีวินัยนั้น  ครูต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กและเยาวชน  โดยเฉพาะการต่อแถว  การตรงเวลา  การรับผิดชอบต่อหน้าที่และงานสอนของตนเอง  หาใช่เรียกร้องวินัยจากเด็กเพียงฝ่ายเดียวไม่  ถ้ายังเป็นเช่นนั้นอยู่  กลับสะท้อนในปัญหาการศึกษาชัดเจน  ซึ่งในประเทศไทยมิได้เป็นแค่หลักสูตรการสอบเข้าเท่านั้น  แต่จริยธรรม  ทัศนคติที่ดีกลับไม่ได้ปลูกฝังที่ดีในผู้ใหญ่  จึงทำให้เห็นภาพในสื่อที่ไม่ดีในด้าน การเข้าแถวหน้าเสาธง ในหลายครั้ง  ภาพลักษณ์ครูจะเสียความน่าเชื่อถือไปโดยปริยาย  เพียงกลายเป็นผู้บังคับออกคำสั่งด้วยกฎมากกว่าที่จะใช้จิตวิทยาครู ในมุมมองของผู้เขียน  การเข้าแถวอาจจะไม่ใช่เป้าหมายของการสร้างวินัยในนักเรียนอีกต่อไป  แต่สิ่งที่จะสร้างวินัยที่ดีที่สุดนั่นก็คือผู้ใหญ่นี่แหล่ะ  เพราะผู้ใหญ่วันนี้คือเด็กในวันวานมาก่อน  และเด็กในวันนี้ก็คือผู้ใหญ่ในวันหน้าเช่นกัน …

การส่งเสริม พัฒนาการทางสมอง ทั้ง 5 ด้านง่าย ๆ ที่คุณครูไม่ควรพลาด

การส่งเสริม พัฒนาการทางสมอง ทั้ง 5 ด้านง่าย ๆ ที่คุณครูไม่ควรพลาด

               คำว่า “คุณครู” ไม่ได้มีหน้าที่สอนศิษย์ให้เข้าใจในเนื้อหาสาระหรือเป็นแม่พิมพ์พ่อพิมพ์อย่างเดียว ทว่าความเป็นครูที่ดี ควรเสริมสร้างพัฒนาการในทุก ๆ ด้านของนักเรียนให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เนื่องจากนักเรียนไทยใช้เวลาในการอยู่โรงเรียนมากกว่าอยู่บ้าน ใช้ชีวิตทั้งหมดของวันไปกับการเรียน การทำรายงาน การทำการบ้าน เป็นต้น ดังนั้นผู้ปกครองจึงไว้วางใจคุณครู หน้าที่ของครูจริง ๆ แล้วต้องสร้างเด็กทุกคนให้เป็นคนเก่งและคนดีของสังคมได้ โดยไม่มีการแบ่งชนชั้น นักเรียนทุกคนต้องได้รับการเอาใส่ใจและสั่งสอนที่ทุกคน ซึ่ง พัฒนาการทางสมอง ทั้ง 5 ด้านจึงเป็นพื้นฐานของการรับความรู้ที่คุณครูควรพัฒนา ดังนี้ พัฒนาการทางสมอง 5 ด้านให้กับเด็กๆ นักเรียน ด้านวิชาการและการมีวินัย ซึ่งเป็นหน้าที่พื้นฐานอยู่แล้วที่คุณครูทุกคนต้องปฏิบัติ คือ การสอนหนังสือนักเรียนให้ได้ประสิทธิภาพรวมถึงสร้างระเบียบวินัยในนักเรียน สำคัญ! เป้าหมายของการเรียนไม่ได้เรียนเพื่อรู้อย่างเดียว ต้องเรียนเพื่อนำไปใช้ได้ในชีวิตจริง ด้านการสังเคราะห์ เป็นด้านที่เด็กไทยส่วนใหญ่ไม่ถนัด ดังนั้นคุณครูต้องเร่ง พัฒนาการทางสมองในส่วนของสังเคราะห์ หากเด็กนักเรียนแยกแยะเรื่องราวต่าง ๆ ไม่ได้ ถือว่าคุณครูไม่ประสบความสำเร็จในการสอนนั้นเอง ด้านสารสนเทศ เป็นที่ทราบกันดีว่าในปัจจุบันสื่อและเทคโนโลยีมีผลต่อการตัวผู้เรียนสูง หากไม่สอนให้นักเรียนเสพสื่ออย่างถูกต้องอาจส่งผลให้นักเรียนหลงผิดได้ เช่น ในการดูสินค้าทางอินเทอร์เน็ต คุณครูควรสอนให้เด็กซื้อสินค้าอย่างไร…?…

วิชาพระพุทธศาสนา คือวิชาพื้นฐาน ที่สอนให้นักเรียน มีกิริยามารยาทที่ดีงาม

วิชาพระพุทธศาสนา คือวิชาพื้นฐาน ที่สอนให้นักเรียน มีกิริยามารยาทที่ดีงาม

วิชาพระพุทธศาสนา เรียกได้ว่าเป็นวิชาเรียนกลางๆ ไม่ได้มีความยาก หรือว่าง่ายอะไรเลย เพียงใช้สมาธิตั้งใจในการเรียน เพราะวิชานี้เป็นพื้นฐานที่ดี สำหรับให้นักเรียนมีสติมีสมาธิ ในการเรียนวิชาอื่นๆให้ได้คะแนนที่ดีๆนั่นเอง เรียกว่ามีความสำคัญในลำดับต้นๆเลยก็ว่าได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นเรามาทำความเข้าใจ กับวิชานี้กันเถอะ!! วิชาพระพุทธศาสนา ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีมารยาทงาม… ที่มีการกล่าวเช่นนี้เพราะ ผู้ที่ได้เรียนวิชานี้นั้น จะมีสติมีการรู้เท่าทันความคิดของตนเอง จนสามารถรู้ได้ว่าเวลาไหนสมควรจะปฏิบัติตนแบบไหนนั่นเอง เช่น อยู่กับผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุกว่า ควรทำกิริยาเช่นใดเป็นต้น ดังนั้นการเรียนวิชานี้จึงมีความสำคัญมากจริงๆค่ะ ฝึกฝนจนติดเป็นนิสัย ก็จะมีแต่คนนิยมยกย่องนะคะเพื่อนๆ บุคคลที่มีจิตใจงามมักชอบเรียน วิชาพระพุทธศาสนา อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า การที่เราฝึกฝนบ่อยๆจะกลายเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตน ไปโดยอัตโนมัติเนื่องจากความเคยชิน ส่งผลให้มีจิตใจที่เย็นไม่ร้อนลุ่ม ความดีงามจากใจจึงเกิดขึ้น เมื่อเกิดขึ้นแล้วนักเรียนก็จะชอบเรียนวิชานี้ แบบไม่ต้องสงสัย อีกอย่างสามารถเรียนได้ดีอีกด้วย ส่งผลให้เรียนวิชาต่างๆดีตามมาอีกนั่นเอง วิชาพระพุทธศาสนา กับการปรับใช้ในการดำเนินชีวิต ปกติแล้วเราเป็นชาวพุทธ มีการทำบุญในวันสำคัญทางศาสนาอยู่แล้ว เมื่อเราเรียนวิชานี้ก็จะมีการซึมซับ วัฒนธรรมต่างๆ ของศาสนาตามมาด้วย ทำให้เราสามารถนำมาปรับใช้กับความเป็นอยู่ หรือการดำเนินชีวิตในปัจจุบันได้โดยไม่ยากเลย อีกทั้งยุค2020นี้ การใช้ชีวิตแบบมีจิตใจที่ดีสำคัญมากๆ โดยพื้นฐานก็มาจากการเรียนรู้วิชานี้นั่นเอง จากที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ในการเรียนรู้ วิชาพระพุทธศาสนา ทำให้เรามีสติในการดำเนินชีวิต…

การเรียนวิชาพละศึกษา ใครว่าไม่สำคัญ!! นักเรียนทุกคน ไม่ควรมองข้ามในวิชานี้

การเรียนวิชาพละศึกษา ใครว่าไม่สำคัญ!! นักเรียนทุกคน ไม่ควรมองข้ามในวิชานี้

การเรียนวิชาพละศึกษา จัดได้ว่าเป็นวิชาเรียนที่นักเรียนทุกคน ต้องสอบให้ผ่านให้ได้ เรียกว่ามีความสำคัญมากนะคะ โดยส่วนมากสังเกตได้ว่านักเรียนที่เรียนดี เรียนเก่งจะเรียนวิชานี้ได้ไม่ค่อยดี ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น หลายๆคนไม่เข้าใจ เพราะทักษะในด้านการเรียนของแต่ละคน มันต่างกันนั่นเอง ซึ่งทุกอย่างในการเรียนไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด เราสามารถสอบผ่านวิชานี้ได้ไม่ยากค่ะ ตามมาดูกันเลยว่าทำอย่างไรนะ>> การเรียนวิชาพละศึกษา เรียนง่ายได้ประโยชน์ชัดเจน ถ้าพูดในเรื่องของประโยชน์ในวิชานี้ แน่นอนที่สุดทำให้นักเรียนมีสุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย มีภูมิต้านทานโรค และเป็นการพักผ่อนสมอง จากการเรียนที่หนักๆมาทั้งวัน อีกอย่างหนึ่ง เป็นการเพิ่มความรู้ในด้านกีฬาแต่ละประเภทที่เรียนให้มากขึ้นด้วย ถ้าวิชานี้ไม่มีประโยชน์ บอกได้เลยว่าไม่มีบรรจุลงในตารางเรียนของนักเรียนอย่างแน่นอน การเรียนวิชาพละศึกษา เป็นส่วนหนึ่งของผลรวมในการสอบด้วยนะ!! อย่างที่กล่าวมาแล้วว่า ถ้าวิชานี้ไม่มีประโยชน์ จะไม่ส่งผลต่อคะแนนรวมในการสอบของนักเรียนอย่างแน่นอน บางทีก็มีสอบปฏิบัติในชั่วโมงเรียนอีกด้วย ไม่รวมกับสอบปลายภาคเรียนนะคะ ดังนั้นนักเรียนที่เรียนไม่เก่งวิชานี้ ควรมีการปรับปรุงเพราะวิชานี้ ถ้าคนได้เกรดที่ดีมากๆ เรียกว่าเป็นตัวช่วยให้คะแนน รวมทั้งหมดออกมาแบบดีมากๆอีกด้วย เพราะเราใช้เพียงทักษะเท่านั้น นักเรียนไม่ควรมองข้ามความสำคัญของ การเรียนวิชาพละศึกษา บอกเลยว่า ในการเรียนวิชานี้นั้น เราควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะมันทำให้ร่างกายของเราได้รับประโยชน์ สุขภาพแข็งแรง ไม่ป่วยง่าย ยิ่งนักเรียนที่ชอบออกกำลังกายมากๆด้วยแล้ว บอกได้เลยว่าวิชานี้นั้นได้เกรดที่ดีที่สุดแน่นอน ผู้เรียนไม่ควรมองข้ามความสำคัญของวิชานี้ แม้แต่น้อยเลยนะคะ…

3 ข้อควรระวัง! กับการ เรียนต่อต่างประเทศ ที่ทุกคนต้องรู้

3 ข้อควรระวัง! กับการ เรียนต่อต่างประเทศ ที่ทุกคนต้องรู้

               เนื่องจากนักเรียนนักศึกษาในปัจจุบันให้ความสำคัญต่อการเรียนในต่างแดนมาก ๆ ด้วยข้อดีหลายอย่างที่มีประโยชน์ต่อตัวนักเรียนนักศึกษา เช่น โครงการช่วยนักเรียน ต้องบอกเลยว่าการ เรียนต่อต่างประเทศ ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญของนักเรียนนักศึกษา การเล่าเรียนถือว่าเป็นสิทธิที่ทุกคนตองได้รับอย่างทัดเทียม ดังนั้นประโยชน์ดี ๆ ทุกอย่างนักเรียนนักศึกษาจึงได้เต็ม 100%  ยิ่งการเรียนแบบเทียบโอนได้รับความนิยมมาก ๆ เพราะว่าเด็กไทยไม่ได้โง่! บางคนฉลาดล้ำไปไกล ทว่ากลับต้องมานั่งเรียนเนื้อหาที่ตัวเองรู้อยู่แล้วในทุกวัน การไปเรียนต่อในต่างแดนช่วยให้นักเรียนในกลุ่มนี้มีได้หาความรู้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้รวดเร็วสมกับพัฒนาการทางสมอง ทว่าการเรียนต่อในต่างแดนก็มีข้อควรระวัง ดังนี้ แนะนำ ข้อควรระวัง สำหรับผู้ที่ต้องการ เรียนต่อต่างประเทศ มิจฉาชีพ สืบเนื่องจากการ เรียนต่อต่างประเทศ ไม่ว่าจะ 6 เดือน หรือ มากกว่า 1 ปีจำเป็นต้องมีเงินทุนอย่างน้อย 7 หลัก ผู้ปกครองหลายคนเงินไม่พร้อมก็มองหาช่องทางส่งลูกเรียนเมืองนอกด้วยงบที่ตนเองจ่ายไหว ก็เป็นที่มาของมิจฉาชีพที่แฝงมาด้วยบริษัทเอกชนนำนักเรียนนักศึกษาเรียนต่อเมือนอกด้วยงบหลักหมื่น ซึ่งความจริงแล้วเป็นไปได้น้อยมากที่ค่าใช้จ่ายในการเรียนต่างแดนจะถูกเทียบเท่าประเทศไทย อย่าติดเที่ยว บางคนไป เรียนต่อต่างประเทศ ด้วยทุนการศึกษาของหน่วยงานต่าง ๆ และประเทศที่ไปนั้นก็น่าเที่ยวจนบางคนเที่ยวจนลืมการเรียน จากคนที่จะประสบความสำเร็จอาจกลายเป็นผู้ต้องมานั่งทำงานคืนทุนให้กับหน่วยงานพร้อมค่าปรับที่โหดเอาการ…

ส่องเคล็ดไม่ลับ! กับ 5 วิธีเพิ่มเกรด 3.5+ ง่าย ๆ ฉบับคนขี้เกียจ

ส่องเคล็ดไม่ลับ! กับ 5 วิธีเพิ่มเกรด 3.5+ ง่าย ๆ ฉบับคนขี้เกียจ

               เนื่องจากในปัจจุบันทุกคนไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า “การศึกษา” ไม่ใช่สิ่งสำคัญในการประกอบอาชีพ นักเรียนนักศึกษาในประเทศไทยใช้เวลากว่า 8 ชั่วโมงในการเล่าเรียนเพื่อนำความรู้ไปต่อยอดในระดับชั้นที่สูงขึ้นไป ทว่านักเรียนนักศึกษาหลายคนทุ่มเททั้งพลังกายพลังใจแต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่เป็นอย่างหวัง ผลการเรียนตก! เครียด! จะเพิ่มเกรดอย่างไร…? บทความนี้มี วิธีเพิ่มเกรด 3.5+ ง่าย ๆ ฉบับคนขี้เกียจมาแนะนำ แนะนำ วิธีเพิ่มเกรด 3.5+แบบง่าย ๆ ตั้งใจเรียนในห้องเรียน เป็นวิธีเพิ่มเกรด 3.5+แบบง่ายๆ ด้วยการฟังคุณครูสอนมาก ๆ ในห้องสามารถทำให้นักเรียนนักศึกษาไม่ต้องอ่านหนังสือหนัก ๆ ก่อนสอบก็เชื่อมโยงเนื้อหาถึงกันได้และยังเป็นความรู้ความเข้าใจที่ฝังแน่นในสมองที่คงทนมาก ๆ ทบทวนความรู้ การทบทวนความรู้ในที่นี่ คือ หากในเวลาเรียนทุกคนยังไม่เข้าใจอย่างถี่ถ้วนให้กลับมาอ่านหรือทำโจทย์ปัญหาทบทวนมาก ๆ และควรทำวันต่อวันทันที เพราะนักเรียนต้องเรียนหนังสือทุกวัน แต่ละวันมีการจัดการเรียนการสอนที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นควรตั้งใจทบทวนแต่ละวันให้ครบ ส่งงานให้ครบทุกรายวิชา ต้องบอกก่อนว่าภาระงานแต่ละชิ้นทุกคนอย่ามองข้าม! โดยอัตราส่วนการเก็บคะแนนจะแบ่งเป็นการสอบ 50 คะแนน ภาระงาน 50 คะแนน หากทุกคนสามารถกวาดคะแนนภาระงานได้ครบถ้วน ตั้งใจสอบอีก 30…

เร็วเกินไปไหม? กับการเลือก แนวทางวิชาชีพ ตั้งแต่มัธยมต้น

เร็วเกินไปไหม? กับการเลือก แนวทางวิชาชีพ ตั้งแต่มัธยมต้น

               หลักสูตรการเรียนการสอนสมัยก่อน มันจะมีการกำหนดรายวิชาแต่ละหลักสูตร เอาไว้ค่อนข้างชัดเจน แล้วก็เหมือนๆ กันทั้งประเทศ ต่างกันแค่บรรยากาศและสไตล์การสอนของครูเท่านั้น แต่เมื่อวิถีชีวิตของคนในสังคมเปลี่ยนแปลงไป หลักสูตรก็ทำให้สอดคล้องกับ แนวทางวิชาชีพ มากขึ้น เช่น มีการเรียนเพื่อเตรียมเป็นหมอ เรียนเพื่อเตรียมเป็นวิศวกร เป็นต้น ยิ่งในตอนนี้ บางโรงเรียนก็ยิ่งพัฒนาไปไกลกว่านั้น คือไม่จำกัดแค่สายวิทย์หรือศิลป์ แต่จำแนกไปตามสายอาชีพเลย แนะนำ แนวทางวิชาชีพ ให้เด็กๆ ทุกคนได้รู้จัก                โรงเรียนหนึ่งที่น่าสนใจคือกรุงเทพคริสเตียน ที่สร้างแผนการเรียนที่เป็น แนวทางวิชาชีพ มากถึง 15 สาขา เช่น วิศวกรรมศาสตร์ นิเทศศาสตร์ ศิลปะการอาหาร บริหารธุรกิจ แพทย์ศาสตร์ เป็นต้น ทั้งหมดนี้เด็กจะต้องเลือกให้ได้ก่อนจบมัธยมต้น เพื่อให้เป็นแผนเรียนในระดับชั้นมัธยมปลาย เหมือนกับสมัยที่ต้องเลือกสายวิทย์หรือศิลป์นั่นเอง แถมยังเปลี่ยนสายได้เมื่อเรียนไปแล้วรู้สึกว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ชื่นชอบ แต่จะต้องเปลี่ยนภายในระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น คือก่อนที่จะขึ้นระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ซึ่งก็ถือว่าเพียงพอแล้วกับการทำความรู้จักตัวเอง                รูปแบบการแบ่งหลักสูตรแบบนี้ก็นับว่ามีข้อดีค่อนข้างมาก แต่พอมองว่ามันเป็นการเลือก แนวทางวิชาชีพ ที่เราสนใจจะทำงานจริงๆ…

ชีทสรุป ที่มีขายแบบออนไลน์ ช่วยเพิ่มเกรดได้จริงหรือไม่

ชีทสรุป ที่มีขายแบบออนไลน์ ช่วยเพิ่มเกรดได้จริงหรือไม่

            เคยหาซื้อสมุดขนาดพกพาเล่มสวย กับปากกาหลากสีสัน เพื่อมาจดสรุปเนื้อหาวิชาที่เรียนไปแล้วกันบ้างไหม บ้างก็เรียนไปจดไป บ้างก็เอาไปสรุปแบบให้มันน่าอ่านหลังเลิกเรียน สุดท้ายเราก็เอา ชีทสรุป เหล่านี้มาอ่านทบทวนก่อนสอบ และแน่นอนว่าจะมีเพื่อนบางคนมาขอยืมสรุปของเราไปถ่ายเอกสารเพื่ออ่านสอบด้วยเช่นกัน ใครที่เรียนเก่งๆ และจดประเด็นสำคัญของเนื้อหาได้ครบถ้วน ก็จะเป็นที่รักของเพื่อนๆ มากหน่อยในช่วงสอบนี้ ชีทสรุป ช่วยน้องๆ นักเรียน ได้จริงหรือ                และด้วยวงจรการทำ ชีทสรุป แบบนี้นี่เอง ที่ทำให้เกิดเป็นธุรกิจการเขียนสรุปเพื่อจำหน่ายให้เด็กนักเรียนโดยเฉพาะ เราจะเห็นว่ามีขายในสื่อโซเชียลค่อนข้างมาก ลักษณะของชีทก็จะทำไว้แบบแยกรายวิชา เน้นสีสันและรูปภาพน่ารักสดใส แล้วเนื้อหาก็ไม่ยืดเยื้อจนน่ารำคาญ เน้นให้เอาไปอ่านทำความเข้าใจได้ในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งก็ได้การตอบรับจากนักเรียนดีมากๆ เพราะหลายคนก็มองว่าเรียนในห้องไม่เข้าใจเลย เพื่อนก็ไม่มีใครเข้าใจ การได้รุ่นพี่ที่จบไปแล้วมาสรุปให้ก็น่าจะดีกว่า                คำถามก็คือว่า การซื้อ ชีทสรุป เหล่านี้มาใช้มันจะได้ประโยชน์จริงๆ หรือไม่ ทำไมคนที่ยืมสรุปของเพื่อนไปอ่านถึงได้คะแนนน้อยกว่าเพื่อนที่ทำสรุปเสมอกันหล่ะ มันก็เข้าทำนองเดียวกันคือ ถ้าเราเป็นคนตั้งใจเรียนในห้องอยู่แล้ว เข้าใจและจับประเด็นได้ เพียงแค่ขี้เกียจอ่านเนื้อหาหลายรอบ แถมไม่ชอบเขียนสรุป ชีทที่วางขายแบบนี้จะเป็นประโยชน์มากทีเดียว                ในทางกลับกัน หากเวลาเรียนก็ไม่ได้สนใจอะไรมากอยู่แล้ว คิดแค่ว่าเดี๋ยวอาศัยการอ่าน ชีทสรุป…

เพิ่มตัวช่วย เพื่อกระตุ้นเรียนรู้ ในชั่วโมงเรียนด้วย กลิ่นเสริมสร้างความจำ

เพิ่มตัวช่วย เพื่อกระตุ้นเรียนรู้ ในชั่วโมงเรียนด้วย กลิ่นเสริมสร้างความจำ

               มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้ของมนุษย์ องค์ความรู้ที่ได้จากผลการวิจัยนั้น เราก็สามารถนำไปต่อยอดได้หลายทาง อย่างเช่น คลื่นเสียงต่อการสร้างสมาธิ ระดับแสงที่พอเหมาะกับการเพิ่มทักษะใหม่ๆ เป็นต้น  และ กลิ่นเสริมสร้างความจำ ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย จากการทดสอบและวัดผล พบว่าลักษณะของกลิ่นแต่ละแบบ จะส่งผลต่อการตอบสนองของสมองไม่เหมือนกัน อย่างที่เราเคยได้ยินเรื่องของกลิ่นบำบัดนั่นเอง กลิ่นเสริมสร้างความจำ ช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ได้ดี                การเลือกใช้กลิ่นให้เหมาะสมจะกระตุ้นการเรียนรู้ได้มากกว่าปกติหลายเท่า แล้วก็สามารถทำได้โดยง่ายด้วยตัวเอง ไม่มีอันตรายใดๆ ขอเพียงแค่ใช้ กลิ่นเสริมสร้างความจำ ที่เป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติก็พอแล้ว เนื่องจากเราต้องสูดดมไอระเหยอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าสารสังเคราะห์จะให้กลิ่นหอมได้เหมือนกัน แต่มันมีสรรพคุณแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มิหนำซ้ำยังเสี่ยงต่อการระคายเคืองเยื่อโพรงจมูกอีกด้วย ว่าแต่ว่ากลิ่นอะไรบ้างที่ดีกับสมองของเรา              ข้อดีของบ้านเราก็คือ เรามีวัตถุดิบธรรมชาติเยอะมากสำหรับการทำ กลิ่นเสริมสร้างความจำ ถ้าเป็นผลไม้ก็สามารถใช้ส้มสายพันธุ์ต่างๆ ได้ ถ้าเป็นพืชผักสมุนไพรก็ยิ่งมีหลากหลายมากขึ้น เช่น ใบสะระแหน่ ตะไคร้ ยูคาลิปตัส กะเพรา เป็นต้น นอกจากกลิ่นที่แตกต่างกันของแต่ละวัตถุดิบแล้ว มันก็ยังมีสรรพคุณเฉพาะตัวที่เราจะต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมด้วย บ้างก็มีส่วนช่วยเรื่องลดความวิตกกังวล ช่วยกระตุ้นระบบประสาทให้ตื่นตัวเต็มที่ ช่วยปรับคลื่นสมองให้อยู่ในช่วงแห่งการเรียนรู้ ไปจนถึงช่วยกระตุ้นให้สมองเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น               …

การปรับตัวครั้งใหญ่ กับ โรงเรียนในเขตนวัตกรรม นักเรียนควรทำอย่างไร

การปรับตัวครั้งใหญ่ ให้เข้ากับ โรงเรียนในเขตนวัตกรรม นักเรียนควรทำอย่างไร

               เคยได้ยินข่าวคราวของ โรงเรียนในเขตนวัตกรรม กันบ้างหรือไม่ นี่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงในวงการศึกษาที่น่าจับตามองอย่างมากทีเดียว เพราะหากระบบมีความเสถียรและลงตัวทุกช่องทางเรียบร้อยแล้ว มันจะลดความเหลื่อมล้ำของนักเรียนไปได้มาก แล้วก็จะเกิดความสร้างสรรค์ภายในโรงเรียนมากกว่าเดิมอีกด้วย ซึ่งในตอนนี้ก็จะมีเพียงแค่บางพื้นที่เท่านั้นที่อยู่ในโครงการ คาดว่าเป็นการทดลองเพื่อวัดประสิทธิภาพ ก่อนที่จะทำเป็นแผนการจริงจังเพื่อขยายไปสู่เขตอื่นๆ ทำความรู้จัก โรงเรียนในเขตนวัตกรรม                ต้นกำเนิดของ โรงเรียนในเขตนวัตกรรม เริ่มมาจาก โครงการสร้างพื้นที่ย่านนวัตกรรมของภาครัฐและเอกชน โดยจับเอาพื้นที่เศรษฐกิจที่มีแนวโน้มว่าจะทำกำไรให้กับประเทศได้ในด้านในด้านหนึ่ง มาพัฒนาต่อยอดให้มีความสามารถในด้านนวัตกรรม เข้าถึงเทคโนโลยีได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างของพื้นที่เหล่านี้ได้แก่ เชียงใหม่ ของแก่น ระยอง ชลบุรี เป็นต้น พอกลายเป็นพื้นที่นวัตกรรมแล้ว การศึกษาในย่านนั้นก็ต้องพัฒนาในสอดคล้องกันไปด้วย งานนี้โรงเรียนเลยต้องปรับตัวกันยกใหญ่ ไม่เว้นว่าจะเป็นโรงเรียนขนาดไหน                ทางโรงเรียนจะต้องจัดหลักสูตรให้เอื้อต่อการเรียนรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมของนักเรียน อย่างน้อยต้องมีคอมพิวเตอร์ให้นักเรียนได้ใช้กัน โรงเรียนในเขตนวัตกรรม ที่เป็นโรงเรียนประจำอำเภอ หรือโรงเรียนประจำจังหวัด ก็จะไม่ค่อยมีปัญหาในเรื่องนี้เท่าไร เนื่องจากมีทุนสนับสนุนอยู่แล้ว แต่ในโรงเรียนที่ค่อนข้างห่างไกล บางแห่งก็ยังต้องรอรับอุปกรณ์ต่างๆ ที่โรงเรียนใหญ่โละทิ้งอยู่เลย ทำให้การเรียนรู้ของเด็กไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร แต่อย่างไรเสียการบังคับให้เกิดการเรียนรู้ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี                ทีนี้มันก็ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีอย่างเดียว โรงเรียนในเขตนวัตกรรม จะต้องมีโครงการให้เด็กๆ รู้จักใช้ประโยชน์จากนวัตกรรม โดยให้มีความสอดคล้องกับท้องถิ่นด้วย…