นักศึกษา

ท่าบริหารลดอาการปวด สำหรับนักเรียน

ท่าบริหารลดอาการปวด เนื่องจากนั่งอ่านหนังสือนาน ๆ เหมาะกับนักเรียน นักศึกษา

เด็กนักเรียนนักศึกษาที่ต้องอ่านหนังสือนาน ๆ ทำให้หลายๆ คนมักจะมีอาการหลังงอ ไหล่ห่อ และมีอาการปวดหลัง ปวดไหล่เป็นประจำ เนื่องจากต้องนั่งท่าเดิมนาน ๆ หลายชั่วโมง และด้วยความที่การอ่านหนังสือเรียนทำให้เครียดมาก ร่างกายเด็กจึงตึงเกร็งโดยไม่รู้ตัว ซึ่ง ท่าบริหารลดอาการปวด ที่นำมาแนะนำนี้จะช่วยบรรเทาอาการปวดให้เด็กที่อ่านหนังสือนาน ๆ โดยจะเน้นช่วยให้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลัง คลายอาการปวดหลัง และยังทำให้กระดูกหลังไม่เกิดแรงกดดันมากด้วย แนะนำ ท่าบริหารลดอาการปวด เหมาะสำหรับเด็ก ท่าบริหารลดอาการปวดศีรษะสำหรับนักเรียน นักศึกษา  -เริ่มจากท่ายืนตรง หรือจะนั่งพื้นหรือเก้าอี้ก็ได้ -นำมือซ้ายมาจับที่ศีรษะฝั่งขวาด้านบน ตรงช่วงกระหม่อม -จากนั้นใช้มือข้างซ้ายนั้นออกแรงบิดศีรษะมาทางด้านซ้ายเบาๆ อย่าเกร็งศีรษะ พร้อมกับค้างไว้ นับ 1-20 จึงกลับสู่ท่าเดิม -จากนั้นเปลี่ยนมาใช้มือข้างขวาจับที่ศีรษะฝั่งซ้ายด้านบน แล้วทำเช่นเดิม ท่าบริหารลดอาการปวดไหล่สำหรับเด็กวัยเรียน –เริ่มจากยืนตรง หรือนั่งเก้าอี้ก็ได้ -จากนั้นเอามือไพล่หลัง โดยให้ใช้มือขวาจับที่ข้อมือซ้าย -แล้วออกแรงที่มือขวา พยายามดึงมือซ้ายแรง จนรู้สึกว่าบ่าและไหล่ตึง -ค้างท่านี้ไว้สัก 15 วินาที -จากนั้นให้เปลี่ยนเป็นใช้มือซ้ายจับที่ข้อมือขวา แล้วทำเช่นเดิมอีก ท่าบริหารลดอาการปวดที่หลังสำหรับนักเรียน…

เทคนิคลดความเครียด ของเด็กวัยเรียน อย่างมีประสิทธิภาพ

เทคนิคลดความเครียด ของเด็กวัยเรียน อย่างมีประสิทธิภาพ

ถ้าคุณกำลังอยู่ในวัยเรียน ก็ย่อมต้องประสบกับปัญหาความเครียดที่มาจากการเรียน ดังนั้นสมองของคุณจึงไม่ค่อยผ่อนคลาย และความตึงเครียดก็จะส่งผลเสียต่อพัฒนาการทางสมองโดยตรง ดังนั้นวิธีที่จะเสริมสร้างการทำงานของสมองให้ดียิ่งขึ้น ก็คือการกำจัดความเครียด ซึ่งในที่นี้ขอแนะนำ เทคนิคลดความเครียด วิธีผ่อนคลายความเครียด แบบที่เป็นธรรมชาติ ทำง่าย และเหมาะกับเด็กนักเรียนนักศึกษาอย่างยิ่ง แนะนำ เทคนิคลดความเครียด ของเด็กวัยเรียน แบบที่เป็นธรรมชาติ เทคนิคลดความเครียดผ่อนคลายสมองจากการเรียนด้วยดนตรีเพราะๆ ไม่ว่าจะเป็นดนตรีแบบมีทั้งเนื้อร้องและทำนอง หรือมีแต่ทำนองอย่างเดียว หากเป็นแบบที่เราชอบแล้ว เชื่อได้เลยว่าเราย่อมยิ้มได้ และความสุขในโลกส่วนตัวก็ย่อมเกิด จึงไม่น่าแปลกที่หลายคนมักจะพกพาดนตรีไปกับเขาทุกที่ เพราะดนตรีจะช่วยคลายทุกข์ ลดความเครียด และทำให้จิตใจเบิกบานได้ ขอแนะนำว่าคุณควรเลือกประเภทดนตรีในแบบที่ชอบ และในช่วงที่เครียดมาก ๆ โดยเฉพาะช่วงอ่านหนังสือสอบ ก็ควรเลือกฟังดนตรีแบบที่เสียงไม่ดังมาก หรือไม่หนวกหูจนเกินไป เพราะเสียงที่ดังมากอาจทำให้ตื่นก็จริง แต่ก็จะกระตุ้นให้เครียดมากขึ้นด้วย เทคนิคลดความเครียดบรรเทาความเครียดจากการเรียนด้วยการกินแก้เครียด เด็กนักเรียนนักศึกษามักมีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัว โดยเฉพาะช่วงใกล้สอบ เพราะมักจะกินมากเป็นพิเศษ พอเครียดปุ๊บก็กินปั๊บ คิดว่าการกินนี่แหละที่จะช่วยให้หายเครียดได้ทันที แต่ใช่ว่าอาหารทุกชนิดจะเหมาะสำหรับคลายเครียด อาหารที่ควรเน้นกินมากที่สุดในช่วงที่ใช้สมองมาก ๆ ก็คือ อาหารที่อุดมด้วยวิตามินบี 12 ซึ่งจะช่วยบำรุงระบบประสาท ป้องกันอาการซึมเศร้า และบรรเทาอาการเครียดได้ด้วย  โดยพบได้มากในอาหารต่าง…

นักเรียนแลกเปลี่ยน ที่มาศึกษาต่อ ที่ฟินแลนด์ลดลง ผลกระทบจาก COVID-19

นักเรียนแลกเปลี่ยน ที่ฟินแลนด์ลดลง ผลกระทบจาก COVID-19

               การแลกเปลี่ยนนักศึกษาที่สถาบันอุดมศึกษาของฟินแลนด์ (HEIs) ยังคงดำเนินต่อไปในช่วงปิดเทอมฤดูใบไม้ร่วงปี 2020 แม้ว่าจำนวนจะต่ำกว่ามาก จากสถานการณ์ COVID-19 จำนวน นักเรียนแลกเปลี่ยน ทั้งขาเข้าและขาออกในฟินแลนด์มีจำนวนน้อยกว่าในสถานการณ์ปกติมากสำนักงานเพื่อการศึกษาแห่งชาติฟินแลนด์กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ COVID-19 ทำให้ นักเรียนแลกเปลี่ยน ที่ฟินแลนด์ลดลง ตามการคาดการณ์ของ HEIs จำนวนนักเรียนที่ออกจากฟินแลนด์จะเป็นเพียงหนึ่งในสี่ของจำนวนนักเรียนที่ได้รับในฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา จำนวนนักเรียนแลกเปลี่ยนที่เข้ามาทั้งหมดยังลดลงอย่างชัดเจนกว่าเมื่อก่อน แต่ HEI บางคนยังเห็นจำนวนนักเรียนที่เข้ามาเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ ตามการคาดการณ์ของ HEIs นักเรียนแลกเปลี่ยน ชาวต่างชาติมากกว่า 2,300 คนจะมาที่ฟินแลนด์ซึ่งคิดเป็น 36% ของจำนวนนักเรียนที่เข้ามาในปีที่แล้ว จำนวนนักเรียนที่ออกจากฟินแลนด์ดูเหมือนว่าจะยังคงอยู่ที่หนึ่งในสี่ของตัวเลขของฤดูใบไม้ร่วงที่แล้วตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 900 คน                จำนวน นักเรียนแลกเปลี่ยน ที่ออกไปอาจลดลงอีกเนื่องจากข้อกำหนดที่อื่นในยุโรปจะเริ่มในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงและการแลกเปลี่ยนที่วางแผนไว้บางส่วนอาจยังคงถูกยกเลิกหากสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศปลายทางแย่ลงสถาบันอุดมศึกษาทั้งหมด 11 แห่งได้ยกเลิกการแลกเปลี่ยนนักศึกษาทั้งหมดในปีนี้เนื่องจากการระบาดของไวรัสโคโรนา ตามรายงานของ HEIs จำนวนการแลกเปลี่ยนนักเรียนที่เลื่อนออกไปหรือถูกยกเลิกโดยสิ้นเชิงนั้นสูงมาก การแลกเปลี่ยนนักศึกษาฟินแลนด์เกือบ 2,200 คนและนักเรียนต่างชาติที่เข้ามา 2,700 คนถูกเลื่อนหรือยกเลิก การแลกเปลี่ยนได้ถูกเลื่อนไปยังภาคการศึกษาฤดูใบไม้ผลิปี…

นักศึกษาในอังกฤษ ที่มหาวิทยาลัยเอ็กเซเตอร์ ถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยและถูกส่งกลับบ้านขณะที่รองอธิการบดีทั่วประเทศปราบปรามการละเมิดกฎระเบียบ Covid 19

นักศึกษาในอังกฤษ ถูกส่งตัวกลับบ้าน จากมาตรการป้องกันโควิด 19

นักศึกษาในอังกฤษ ที่มหาวิทยาลัยเอ็กเซเตอร์ ถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยและถูกส่งกลับบ้านขณะที่รองอธิการบดีทั่วประเทศปราบปรามการละเมิดกฎระเบียบ Covid 19 ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นสาเหตุของอัตราการติดเชื้อ เอ็กเซเตอร์ยืนยันว่าได้กักกันนักศึกษาบางส่วน เนื่องจากฝ่าฝืนกฎโควิดของมหาวิทยาลัยท่ามกลางการติดเชื้อ คะแนนของนักเรียนที่อื่นถูกปรับตามฝ่ายที่ผิดกฎหมายโดยมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งขู่ว่าจะลงโทษสูงถึง 500 ปอนด์ นักศึกษาในอังกฤษ ไม่พอใจมาตรการป้องกันโควิด 19 สหภาพนักศึกษาแห่งชาติ (NUS) อธิบายว่าค่าปรับดังกล่าวเป็นเรื่องลามกอนาจารและเรียกร้องให้มีแนวทางที่ “เน้นการดูแล” มากขึ้นสำหรับนักเรียนซึ่งหลายพันคนติดเชื้อในช่วงสัปดาห์แรกของภาคเรียนหรือแยกตัวเองในหอพักลาริสซา เคนเนดี้ประธาน NUS กล่าว นักศึกษาได้ทำทุกอย่างที่ถูกขอให้ทำในช่วงที่มีการระบาดใหญ่นี้และได้กลับไปที่วิทยาเขตของมหาวิทยาลัยตามคำแนะนำของรัฐบาล” นักศึกษาในอังกฤษ ส่วนมากปฏิบัติตามกฎระเบียบเธอกล่าวพร้อมเสริมว่า เราได้เห็นหลาย ๆ มหาวิทยาลัยใช้มาตรการที่เข้มงวดเช่นค่าปรับอนาจารล็อคประตูหนีไฟการรักษาความปลอดภัยส่วนตัวและสุนัขเฝ้ายาม การแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ในมหาวิทยาลัยในระดับนี้ไม่เพียง แต่ผิดเท่านั้น แต่ไม่มีประสิทธิผลสูง นักเรียนสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า มหาวิทยาลัยอเบอร์ดีนซึ่งมีนักศึกษา 122 คนที่ทดสอบผลบวกเมื่อวันจันทร์ได้ดำเนินการทางวินัยกับนักศึกษา 29 คน ในขณะที่ 22 คนถูกปรับ 125 ปอนด์จากการละเมิดแนวทางโควิด แต่อีก 7 คนได้รับคำเตือน มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์เมโทรโพลิแทน – เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่ามีนักเรียน 901 คนได้รับการทดสอบในเชิงบวกระหว่างวันที่…

รูมเมท ผู้ที่เข้าทำให้เราไม่เงียบเหงา หรือโดดเดี่ยวอีกต่อไป

“รูมเมท” ผู้ร่วมห้อง ที่เข้ามาทำให้เราไม่เงียบเหงา หรือโดดเดี่ยวอีกต่อไป

นอกจากการอยู่บ้าน แล้วอีกสถานที่หนึ่งที่นักเรียนหรือนักศึกษามักจะเลือกอาศัยก็คือ “หอพัก” ซึ่งหอพักก็จะมีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นอพาร์ทเม้นท์ แมนชั่น หอพักนักเรียนหรือนักศึกษา หรือห้องเช่าต่างๆ โดยในหอพักบางแห่งนั้น ก็สามารถที่จะเช่าอยู่คนเดียวได้ แต่ในบางครั้งก็ต้องแชร์พื้นที่ห้องกับผู้อื่น ซึ่งผู้ที่มาแชร์ห้องร่วมกับเรา นั่นคือ รูมเมท รูมเมทผู้ที่ต้องมาอยู่ห้องพักในหอพักเดียวกับเรา แต่โดยส่วนใหญ่หอพักในมหาวิทยาลัย มักจะมีการสุ่ม รูมเมท ในแต่ละห้อง ซึ่งการสุ่มรูมเมท ทำให้เราไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าใครจะมาเป็นผู้ที่ร่วมแชร์พื้นที่ให้ห้องของเรากัน ในสังคมมหาวิทยาลัยเป็นสังคมที่ขนาดใหญ่ ทำให้การได้รูมเมทจึงมีความหลากหลายของนักศึกษาเป็นอย่างมาก เราอาจจะได้รูมเมทต่างชั้นปี ต่างคณะที่เรียน หรือคณะเดียวกันแต่คนละสาขาก็เป็นได้ แต่สิ่งที่เป็นไปไมได้เลยในหารอยู่หอพักในมหาวิทยาลัยคือ การอยู่หอพักรวมชาย-หญิง โดยทางมหาวิทยาลัย จะไม่มีหอพักที่สามารถอยู่ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง เพราะเนื่องด้วยความเหมาะสม ความปลอดภัย และเป็นการตัดปัญหาต่างๆที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นเหตุเลย ถ้าหากถามว่าเป็นหอพักข้างนอกโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย เช่น แมนชั่น อพาร์ทเม้นท์ หรือห้องเช่าต่างๆ เราจะมีรูมเมทได้อย่าง? คำตอบก็คือ รูมเมท จากการที่เราได้ตกลงกันไว้ว่าจะอยู่ด้วยกัน เช่น เพื่อนสนิท เพื่อนในสาขาหรือคณะที่เรียนด้วยกัน หรือเพื่อนจากโรงเรียนเก่า เป็นต้น รูมเมทไม่เพียงแต่จะเป็นคนที่เกิดจากการสุ่มเท่านั้น แต่คำว่ารูมเมทนั้น ยังหมายถึงเพื่อนหรือผู้ที่อยู่ร่วมบ้านหรือหอพักในห้องเดียวกันอีกด้วย…

ข้อเสียของ การซิ่วไปเรียน

ข้อเสียของ “การซิ่วไปเรียน” แย่กว่าที่ใครหลายๆ คนได้คิดไว้ !

               หลายคนอาจจะงงกับคำว่า “ซิ่วไปเรียน” มันคือ การที่นักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่ในคณะหรือสาขานั้นๆ แต่ไม่ได้รู้สึกชอบหรือใช่ แล้วต้องการที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยในคณะที่ตนเองชอบและใฝ่ฝันใหม่อีกครั้ง โดย การซิ่วไปเรียน นั้นจะต้องมีการเตรียมตัวในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยไปพร้อมกับการเรียนในคณะปัจจุบันด้วย ซึ่งใครหลายๆคนไม่ค่อยเลือกในการซิ่วแบบไปเรียน เพราะมีข้อเสียหลายอย่างมาก ข้อเสียของการซิ่วไปเรียน เหนื่อย การซิ่วไปเรียน จะต้องตื่นไปเรียนพร้อมทั้งอ่านหนังสือสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่เหนื่อยมากๆ เพราะว่าจะต้องไปเรียนในห้องเรียน มีการบ้านในแต่ละวิชา ต้องวางแผนในการอ่านหนังสือสอบเข้ามหาวิทยาลัย รวมไปถึงการทำกิจกรรมต่างๆอีกด้วย โดยปกติการไปเรียนในแต่ละวันก็ทำให้นักศึกษาหมดพลังไปเยอะแล้ว มีเวลาค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับการซิ่วอยู่บ้าน ที่มีเวลาในการเตรียมตัวแบบเต็มที่ในระยะเวลาโดยประมาณ 1 ปี ซึ่งแตกต่างกับ การซิ่วไปเรียน ที่จะต้องทำหลายๆอย่างพร้อมกัน ดังนั้นการวางแผนจะต้องดีที่สุดสำหรับตัวเราเอง ร่างกายรับไม่ไหว ในการเรียนคณะปัจจุบันของเราต้องมีหลายหน้าที่ด้วยกัน พร้อมทั้งที่เราต้องเตรียมตัวในการสอบเข้าในครั้งใหม่อีกด้วย ทำให้เวลาในการพักผ่อนมีน้อยมากๆ บางครั้งอาจจะทำให้รู้สึกเครียด วิตกกังวลไม่สบาย เจ็บไข้ได้ป่วย หรืออาจจะทำให้เกิดโรคร้ายต่างๆได้ ความกดดัน การที่เราเลือกที่จะไปคณะหรือสาขาใหม่ ทำให้คนรอบข้างมักจะตั้งคำถามกับเรา และพยายามที่จะชี้แนะในสิ่งที่พวกเขาคิด ซึ่งคำพูดเหล่านั้นอาจจะทำให้เรารู้สึกท้อแท้ หมดกำลังใจ ไม่สู้ต่อได้ ซึ่งกำลังใจชั้นดีสำหรับเด็กซิ่วก็คือ ครอบครัวที่พร้อมจะเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการ เพื่อนที่คอยช่วยเหลือเราอยู่เสมอ และคนที่สำคัญที่สุดก็คือ…

การใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัย แตกต่างกับใน โรงเรียน หรือ วิทยาลัย อย่างไร ?

การใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัย แตกต่างกับใน โรงเรียน หรือ วิทยาลัย อย่างไร ?

               น้องๆ มัธยมหลายๆคน ที่กำลังจะเตรียมตัวก้าวเข้าไปศึกษาในมหาวิทยาลัย ในสถานะนักศึกษาหรือนิสิต ก็คงมีความกังวลในเรื่องของ การใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัย บทความนี้จะมาเล่าถึงการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยกัน ในรั้วมหาวิทยาลัย การใช้ชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนไป ค่อนข้างที่จะแตกต่างกับในโรงเรียน หรือวิทยาลัย เป็นอย่างไรมาดูกัน การใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยกับชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนไป จัดตารางเรียนด้วยตนเอง ในโรงเรียนเมื่อเปิดเทอมเราก็คงจะได้ตารางเรียนที่ทางโรงเรียนได้จัดสรรมาให้เราแล้ว โดยเราไม่ต้องมานั่งคิดและจัดการกับมันเลย ซึ่งแตกต่างกันมากกับ การใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัย ที่เราจะต้องศึกษาหลักสูตรและมาจัดตารางเรียนด้วยตนเองทั้งหมด ซึ่งบางครั้งน้องปี1 อาจจะมีพี่กลุ่ม พี่รหัสหรือพี่ในคณะที่จะคอยช่วยเหลือบ้าง กิจกรรมต่างๆ การเป็นน้องปี1หรือเฟรชชี่ที่เพิ่งเข้ามาในมหาวิทยาลัย ก็มักจะมีกิจกรรมมากมาย เช่น การรับน้อง การสันทนาการ กิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ หรือค่ายอาสาต่างๆที่มีจำนวนมากในมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นสิ่งที่น้องๆปี1 สนใจมากๆ เพราะนอกจากจะได้ไปพบผู้คนใหม่ๆ ยังได้ช่วยเหลือสังคมอีกด้วย การเรียนในห้อง จากที่โรงเรียนเป็นห้องเรียนเล็กๆมีนักเรียนประมาณ 30-40 คน แต่เมื่อมาเรียนในมหาวิทยาลัยความกว้างของห้องก็ใหญ่มากขึ้น ทำให้จำนวนของผู้เรียนก็มากตามขึ้นไปด้วย สิ่งนี้อาจจะทำให้เราเสียสมาธิหรือไปสนใจเพื่อนๆในห้องมากกว่าเนื้อหาการเรียน ผู้คนมากหน้าหลายตา ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในมหาวิทยาลัย มีคนจำนวนมากกว่าในโรงเรียนเป็นหลายเท่า ซึ่งการเข้าสังคมก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จำเป็นอย่างมากในมหาวิทยาลัย เพราะเราไม่เพียงที่จะเจอแค่เพื่อนในสาขาของเราเท่านั้น แต่การเรียน การทำกิจกรรมต่างๆเราก็ยังจะต้องพบเจอกับผู้อื่นอีกมากมาย ความรับผิดชอบของ…