แค่เห็นกองหนังสือตรงหน้าก็รู้สึกเหนื่อยแล้วใช่ไหม ไม่ต้องเปิดสักหน้าก็รู้เลยว่ามันน่าเบื่อขนาดไหน หลายคนมีอาการ ขี้เกียจอ่านหนังสือ เสมอๆ เวลาที่รู้ว่าจำเป็นต้องอ่าน เช่น ช่วงเตรียมตัวก่อนสอบ เป็นต้น แล้วสุดท้ายก็ตีความไปว่าตัวเองเป็นคนขี้เกียจ ไม่สามารถตั้งสมาธิให้อ่านหนังสือได้เลย ทั้งที่เวลาอ่านนิยายหรือการ์ตูนที่ชอบก็สามารถอ่านต่อเนื่องเป็นวันๆ ได้เฉยเลย พฤติกรรม ขี้เกียจอ่านหนังสือ แก้ง่ายๆ ด้วยวิธีเหล่านี้ ข้อเท็จจริงก็คือไม่มีสักคนบนโลกที่มีพื้นฐานเป็นคน ขี้เกียจอ่านหนังสือ เพียงแค่มันไม่มีความชอบในสิ่งที่จะอ่านเท่านั้นเอง และการศึกษาในบ้านเราก็ยิ่งบังคับให้เกิดความจำเป็นต้องอ่าน มากกว่าสร้างความรู้สึกอยากอ่านเสียด้วย มันเลยเป็นปัญหาคาราคาซังเรื่อยไปแบบนี้ บ่มเพาะนิสัยเบื่อหน่ายการเรียนรู้เพิ่มเติมเมื่อเข้าสู่วัยทำงานอีกด้วย ประมาณว่าเรียนมานานแล้ว ไม่อยากเรียนอะไรอีกแล้วนั่นเอง เพื่อไม่ให้สิ่งนี้ก่อให้เกิดปัญหาต่อไป เราลองมาใช้เทคนิคตามหลักจิตวิทยาเพื่อปรับพฤติกรรม ขี้เกียจอ่านหนังสือ กันดีกว่า ก่อนอื่นเลยคือการปรับความคิด ให้เลิกคิดว่าอะไรเป็นสิ่งที่ต้องอ่าน เพราะเมื่อเริ่มจากความคิดแบบนั้นก็จะรู้สึกถูกบังคับโดยอัตโนมัติ ธรรมชาติของมนุษย์จะไม่ชอบการบังคับอยู่แล้ว จึงต่อต้านโดยที่เราไม่รู้ตัว แต่ให้คิดว่าอ่านแล้วได้ประโยชน์อะไร ทำไมถึงควรอ่าน และจะอ่านเมื่อไรก็ได้ที่พร้อมเท่านั้น ทั้งหมดเป็นการลดกำแพงในใจ และทำให้มุมมองที่มีต่อหนังสือเล่มนั้นดีขึ้น ต่อมาคือลดความ ขี้เกียจอ่านหนังสือ ด้วยการเริ่มจากน้อยๆ เสมอ เคยมีการทดสอบแล้วการหากร้องขออะไรที่เป็นเรื่องเล็กน้อยได้สำเร็จ โอกาสในการขอสิ่งที่ใหญ่ขึ้นก็จะสำเร็จตามไปด้วย…
การอ่านหนังสือ เป็นสิ่งที่เราต้องทำกันตั้งแต่ตอนที่เรายังเรียนอยู่ในโรงเรียน ซึ่งช่วงเวลาที่เราอ่านหนังสือมากที่สุดก็จะเป็นช่วงเวลาก่อนสอบเพียงแค่ 1-2 สัปดาห์ เพื่อที่จะเตรียมตัวกับการสอบที่จะมาถึงการทบทวนเนื้อหาต่างๆในหนังสือถือเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่หลังจากที่เราเรียนหนังสือจบมาแล้วไม่ว่าจะเป็นในระดับโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย หลังจากนั้นเชื่อว่าหลายๆคนร้านอ่านหนังสือน้อยลงอย่างแน่นอน การอ่านหนังสือ จะยากหรือง่าย อยู่ที่ความชอบ การอ่านหนังสือ เป็นเรื่องยากสำหรับใครหลายๆคนจริงๆนะสำหรับผู้เขียนก็เช่นเดียวกันสมัยที่เรียนหนังสืออยู่ การอ่านหนังสือนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะเกิดขึ้นเพราะว่าเพียงแค่หยิบหนังสือขึ้นมาเปิดหนังสืออ่านเพียงแค่ 2-3 หน้าก็เหมือนยานอนหลับ พอเริ่มอ่านไปได้เพียงแค่สักพักเดียวหนังสือก็ตกใส่หัวซะแล้ว เรียกแล้วว่าอ่านไม่นานก็ง่วงเอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า และเหตุการณ์ที่ได้ยกตัวอย่างมาข้างต้นนี้ก็คงจะเกิดกับใครหลายคนเช่นเดียวกัน ในประเทศไทยเคยมีการทำวิจัยมาแล้วว่าคนไทยอ่านหนังสือจำนวนน้อยมาก ยิ่งในยุคปัจจุบันที่มีการนำโซเชียลมีเดียเข้ามาในประเทศทำให้การอ่านหนังสือยิ่งน้อยลงไปอีก จริง ๆ แล้วการอ่านหนังสือไม่ใช่เรื่องที่ยากมากมายอะไร เพียงแค่เราได้อ่านหนังสือที่เราไม่ได้ชอบเพียงแค่นั้นเอง สมัยเรียนอยู่คงมีเพื่อนๆของผู้อ่านหลายคนอ่านหนังสือนิยายเป็นเล่ม ๆ โดยที่ไม่รู้สึกเบื่อ พอถึงเวลาว่างก็จะหยิบหนังสือนิยายขึ้นมาอ่าน ใช่แล้วครับสิ่งที่ผู้เขียนกำลังจะบอกก็คือการอ่านหนังสือเรียนนั้นเป็นสิ่งที่นักเรียนไม่ชอบแต่ถ้านักเรียนได้มาอ่านหนังสือที่ตัวเองชอบอย่างหนังสือนิยายก็จะสามารถอ่านจบภายในระยะเวลาอันรวดเร็วแถมยังจำเนื้อหาได้อย่างแม่นยำอีกด้วย สิ่งนี้มันเป็นสิ่งที่เรียกว่าความสนใจของแต่ละคน หากว่าสนใจในสิ่งไหนสิ่งนั้นก็จะเป็นสิ่งที่ทำให้จดจำรายละเอียดได้ดียิ่งขึ้น พอผู้เขียนได้มาเขียนบทความหรือว่า การอ่านหนังสือ นั้นไม่ใช่เรื่องยากแต่เป็นเรื่องของความชอบมากกว่า หากว่าได้อ่านหนังสือเล่มที่ชอบแม้หนังสือจะยาวขนาดไหนก็อ่านมันทุกหน้า แต่เมื่อเป็นหนังสือที่ไม่ได้ชอบแค่บทนำก็ยังไม่อยากอ่านเลย ย้อนกลับสมัยที่เรียนหนังสือสาเหตุที่เราไม่ได้ชอบอ่านหนังสือเรียนก็คงจะเป็นเพราะว่ามันไม่ได้มีความน่าสนใจในหนังสือเรียนมากเท่าไหร่ ถ้าหากว่ามีการปรับเปลี่ยนให้มีเนื้อหาที่ได้รับความสนใจจากนักเรียนแล้วการอ่านหนังสือก็คงจะเป็นเรื่องที่น่าสนุกน่าดู ติดตามบทความ การศีกษา เคล็ดลับการอ่านหนังสือ การสอบ ข่าวการศึกษา ได้ที่นี้ แนะนำ เทคนิคการอ่านหนังสือ อ่านยังไงให้สอบผ่านฉลุยทุกวิชา
เพียงแค่เข้าใจสระก็สามารถช่วยให้ลูกของเรานั้น มีพื้นฐาน การอ่านที่ดี ในอนาคตที่ดีอย่างแต่นอน เพราะหากไม่มีความเข้าใจตัวในสระและอักษร จะทำให้การอ่านอาจจะมีปัญหาในอนาคตได้ เพราะเวลาที่เขาจะสะกดคำก็ต้องใช้เสียงของตัวสระบวกกับตัวอักษร เพื่อให้เกิดความหมายของเสียงที่พูดออกมา รวมไปถึงการรวมคำต่าง ๆ ซึ่งทั้งหมดก็ต้องใช้สระในการออกเสียงเวลาที่อ่านหนังสือ แนะนำการอ่านที่ดีเพียงแค่เข้าใจสระให้กับเด็กๆ ซึ่งหากลูกของเรามีพื้นฐานการอ่านที่ไม่ดี มันจะส่งผลตอนเวลาที่ต้องเรียนการอ่านอย่างจริงจัง ก็จะทำให้เขารู้สึกว่าการอ่านนั้นมีความซับซ้อนและยากมาก จนไม่อยากจะแตะหนังสือเลย แต่ต่างกับเด็กบางคนที่มีความเข้าใจในตัวสระอยู่ก่อนแล้ว มักจะชื่นชอบการอ่านเป็นที่สุด เพราะเขาเหมือนได้รู้จักคำที่ตนเองอ่าน จึงทำให้สามารถที่จะบอกความหมายของคำนั้น ๆ ได้ นอกจากนี้จะทำให้การอ่านของเขามีความแม่นยำและจะเป็น การอ่านที่ดี ได้ ไม่ว่าจะไปรวมกับอักษรตัวไหนก็ตาม ก็สามารถที่จะอ่านออกเสียงได้อย่างถูกต้องตามต้นฉบับ รวมไปถึงการออกเสียงสระที่มีความสูงต่ำได้ดี โดยไม่ผิดเพี้ยนอีกด้วย และเหมือนเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับตัวของเด็กเอง ซึ่งการที่เราจะฝึกเขาให้เข้าใจในตัวสระนั้นก็ไม่ยากเลย เพียงแค่มั่นฝึกฝนและให้เวลากับเขาได้เรียนรู้และทำความเข้าใจกับสระนั้น ๆ ไปทีละตัว โดยการฝึกควรให้เด็กได้เข้าใจกับตัวอักษร 1 ตัวไปก่อน อย่าเพิ่งไปสอนทีละหลายตัวรวมกัน เพราะอาจจะทำให้ลูกของเราเกิดความสับสนกับเสียงที่อ่านออกมาได้ ซึ่งถ้าเจอปัญหาเกี่ยวกับเสียงที่ออกมานั้น มันจะแก้ไขค่อนข้างยากเลยทีเดียว เพราะเด็กก็จะออกเสียงแบบที่ตัวเองเข้าใจก่อนเสอม หากไม่ได้รับการแก้ไขเกี่ยวกับปัญหาในการอ่านครั้งนี้ รับรองว่าผลที่ตามมาจะค่อยดีนักเท่าไร ทางกลับกันหากลูกของเรามีความเข้าใจในตัวสระ ก็จะทำให้เขามี การอ่านที่ดี…
ใกล้เข้ามาแล้วสำหรับช่วงเวลาแห่งการเปิดเทอม ไม่ว่าจะเป็นระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น หรือตอนปลาย ระดับมหาวิทยาลัย หรือสูงไปกว่านั้น ในการศึกษาไม่ว่าจะเป็นระดับ หรือวุฒิใดก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสอบ สอบเพื่อให้ผ่านไปสู่การเลื่อนระดับ หรือจบการศึกษา การที่จะทำคะแนนสอบให้สูง หรือสอบผ่านในแต่ละวิชานั้น ต้องมีความขยัน และอดทนในการอ่านหนังสือ บางคนอ่านเยอะเท่าไหร่ก็จำไม่ได้ สอบไม่ผ่านซักที วันนี้เรามี เทคนิคการอ่านหนังสือ อ่านยังไง ให้สอบผ่านฉลุยทุกวิชา มาฝากกันค่ะ เทคนิคการอ่านหนังสือให้สอบผ่านทุกวิชา เทคนิคการอ่านหนังสือวิธีที่ 1 เราต้องตัดขาดจากโลกภายนอก ต้องตัดขาดจากโลกโซเชียลไม่ว่าจะเป็นการเล่น Facebook, Line, หรือการท่องโลกอินเตอร์เน็ตอื่น ๆ ซึ่งการเล่นโซเชียลเป็นวิธีที่ทำให้เราไม่มีสมาธิกับการอ่านหนังสือเป็นอย่างมาก ก่อนที่จะอ่านหนังสือ ควรที่จะหยุดเล่นโซเชียลแล้วหันมาให้ความสำคัญกับการอ่านหนังสืออย่างเต็มที่ เทคนิคการอ่านหนังสือวิธีที่ 2 เรียงลำดับความสำคัญของหนังสือแต่ละเล่ม ขึ้นอยู่กับว่าในการสอบครั้งนั้น เราสอบวิชาใดเป็นวิชาแรก เราก็ควรที่จะหยิบหนังสือ ชีท หรือเลคเชอร์ของวิชาแรกที่สอบมาอ่านก่อน และเรียงลำดับตามวิชาที่ต้องสอบต่อ ๆ ไปตามกันมา เทคนิคการอ่านหนังสือวิธีที่ 3 เรียกสมาธิ รวบรวมสติ…