เบื่อกันไหม…? ท่องตำราเท่าไหร่ก็ไม่เข้าสมองสักที เชื่อว่าปัญหาการท่องหนังสือแล้วไม่เข้าใจนั้นทุกคนต้องเคยพบเจอมาอย่างแน่นอน ยิ่งในช่วงสอบอ่านดึกดื่นขนาดไหน สุดท้ายก็จำไม่ได้สักอย่าง! ดื่มเครื่องดื่มบำรุงสมองก็ไม่เห็นผลต้องทำอย่างไร บทความนี้มี 5 เทคนิคดี ๆ อ่านหนังสือ ให้เข้าใจเข้าสมองได้ใน 7 วัน โดยที่ไม่หักโหมจนเกินไป ดังนี้ เคล็ดลับ อ่านหนังสือ ให้เข้าสมอง ทำแผนการอ่านเนื้อหาสาระที่จะสอบล่วงหน้า 7 วัน ซึ่งการสอบจะสอบติดกันบางโรงเรียน 3 วันเลย ดังนั้นทุกคนต้องวางแผนว่าจะอ่านวิชาใดก่อน – หลัง แต่ละวิชามีเนื้อหามากหรือน้อยเพียงใด แล้วจัดการแบ่งเวลาให้พอเหมาะ ไม่อ่านเนื้อหาติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน หากทุกคน อ่านหนังสือแล้วรู้สึกล้าก็ไม่ควรฟื้นร่างกายควรพักแล้วค่อยเริ่มอ่านใหม่ เพราะการฟื้นร่างกายสมองก็ไม่รับความรู้และยังเป็นการยืดเวลาสมองตันไปอีกจะดีที่สุด หากหยุดพักแล้วกลับมาอ่านใหม่ อ่านเนื้อหา 35 นาที พัก 5 นาที ซึ่งเป็นเทคนิคที่ช่วยให้การอ่านดีขึ้นและอ่านได้นานขึ้นด้วย เพราะจากการวิจัยคนปกติส่วนมากให้ความสนใจกับสิ่ง ๆ หนึ่งได้มากสุดราว 30 นาที ดังนั้นการอ่านหนังสือในช่วงเวลา 35…
ความขยันก็พอมี ความตั้งใจก็เต็มเปี่ยม แต่พอหยิบหนังสือมาอ่านทีไรมันก็เบื่อหน่ายทุกที เพราะ อ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง เลย ขนาดเป็นวิชาที่ใครๆ ก็บอกว่าค่อนข้างง่าย แต่เราอ่านแล้วก็ยังไม่เข้าใจ ต้องวนกลับมาอ่านจุดเดิมซ้ำไปซ้ำมา ทำให้เสียเวลามาก ยิ่งไปกว่านั้น หลายครั้งการอ่านซ้ำที่เดิมก็เพิ่มเติมความสับสนให้เรามากขึ้นอีก แบบนี้ปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว มาสังเกตกันดูสิว่า เรามีปัญหาตรงจุดไหนใน 3 สาเหตุนี้บ้าง จะได้แก้ไขถูกจุด อ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง เกิดจากอะไรบ้าง ? 1. ไม่มีสมาธิในการอ่าน นี่เป็นประเด็นใหญ่ๆ ที่เด็กหลายคนเป็นกัน คือไม่มีสมาธิในระหว่างที่อ่าน ทำให้ อ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง จับต้นชนปลายไม่ถูก เหมือนกับว่ากวาดสายตาผ่านตัวอักษรไปแบบนั้นเอง ทางแก้ก็คือ ก่อนเริ่มอ่านหนังสือให้นั่งอยู่นิ่งๆ เพื่อปรับความคิดก่อน อย่าเล่นมือถือหรือดูโทรทัศน์เสร็จก็มาอ่านเลย ต้องทำสมาธิให้หัวโล่งๆ ก่อนประมาณ 10-15 นาที รับรองว่าจะอ่านเข้าใจมากขึ้นแน่นอน 2. บรรยากาศไม่เหมาะสม ต่อให้เป็นคนสมาธิดีแค่ไหน แต่ถ้าไปนั่งอ่านในตลาดสดก็คงไม่ได้ประโยชน์อะไร เพราะเสียงรบกวนเพียงเล็กน้อยก็ดึงความสนใจจนเรา อ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง ได้…
เพียงแค่เข้าใจสระก็สามารถช่วยให้ลูกของเรานั้น มีพื้นฐาน การอ่านที่ดี ในอนาคตที่ดีอย่างแต่นอน เพราะหากไม่มีความเข้าใจตัวในสระและอักษร จะทำให้การอ่านอาจจะมีปัญหาในอนาคตได้ เพราะเวลาที่เขาจะสะกดคำก็ต้องใช้เสียงของตัวสระบวกกับตัวอักษร เพื่อให้เกิดความหมายของเสียงที่พูดออกมา รวมไปถึงการรวมคำต่าง ๆ ซึ่งทั้งหมดก็ต้องใช้สระในการออกเสียงเวลาที่อ่านหนังสือ แนะนำการอ่านที่ดีเพียงแค่เข้าใจสระให้กับเด็กๆ ซึ่งหากลูกของเรามีพื้นฐานการอ่านที่ไม่ดี มันจะส่งผลตอนเวลาที่ต้องเรียนการอ่านอย่างจริงจัง ก็จะทำให้เขารู้สึกว่าการอ่านนั้นมีความซับซ้อนและยากมาก จนไม่อยากจะแตะหนังสือเลย แต่ต่างกับเด็กบางคนที่มีความเข้าใจในตัวสระอยู่ก่อนแล้ว มักจะชื่นชอบการอ่านเป็นที่สุด เพราะเขาเหมือนได้รู้จักคำที่ตนเองอ่าน จึงทำให้สามารถที่จะบอกความหมายของคำนั้น ๆ ได้ นอกจากนี้จะทำให้การอ่านของเขามีความแม่นยำและจะเป็น การอ่านที่ดี ได้ ไม่ว่าจะไปรวมกับอักษรตัวไหนก็ตาม ก็สามารถที่จะอ่านออกเสียงได้อย่างถูกต้องตามต้นฉบับ รวมไปถึงการออกเสียงสระที่มีความสูงต่ำได้ดี โดยไม่ผิดเพี้ยนอีกด้วย และเหมือนเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับตัวของเด็กเอง ซึ่งการที่เราจะฝึกเขาให้เข้าใจในตัวสระนั้นก็ไม่ยากเลย เพียงแค่มั่นฝึกฝนและให้เวลากับเขาได้เรียนรู้และทำความเข้าใจกับสระนั้น ๆ ไปทีละตัว โดยการฝึกควรให้เด็กได้เข้าใจกับตัวอักษร 1 ตัวไปก่อน อย่าเพิ่งไปสอนทีละหลายตัวรวมกัน เพราะอาจจะทำให้ลูกของเราเกิดความสับสนกับเสียงที่อ่านออกมาได้ ซึ่งถ้าเจอปัญหาเกี่ยวกับเสียงที่ออกมานั้น มันจะแก้ไขค่อนข้างยากเลยทีเดียว เพราะเด็กก็จะออกเสียงแบบที่ตัวเองเข้าใจก่อนเสอม หากไม่ได้รับการแก้ไขเกี่ยวกับปัญหาในการอ่านครั้งนี้ รับรองว่าผลที่ตามมาจะค่อยดีนักเท่าไร ทางกลับกันหากลูกของเรามีความเข้าใจในตัวสระ ก็จะทำให้เขามี การอ่านที่ดี…