ดูเหมือนจะกลายเป็นประเด็นทางการศึกษากันไปแล้วในระยะนี้ เกี่ยวกับเรื่องของ ทรงผมนักเรียน แม้ว่าในยุคปัจจุบันหลายโรงเรียน จะอนุญาตให้นักเรียนไว้ทรงผมได้ตามต้องการ แต่ให้อยู่ในทรงที่สุภาพเช่น ทรงผมนักเรียนชาย รองทรงสูง รองทรงต่ำ ทรงนักเรียน ทรงผมนักเรียนหญิง ผมสั้นแบบเรียบร้อย หรืออาจไว้ผมยาวก็ต้องมัดรวบให้ดูสะอาดสะอ้าน ทรงผมนักเรียนแบบไหนคือทางออกที่ดีที่สุด ในทุกๆปีการศึกษาของประเทศไทย ก็จะต้องมีประเด็น ครูกล้อนผมนักเรียนจนกลายเป็นข่าว หากย้อนกลับไปในสมัย 30 ปีก่อนเรื่องของ ทรงผมนักเรียน มันเป็นระเบียบของกระทรวงศึกษากันจริง ๆ ที่เด็กนักเรียนผู้หญิงจะต้องไว้ผมสั้นติ่งหู เด็กนักเรียนผู้ชายจะต้องตัดผมทรงนักเรียนหัวเกรียน และการทำโทษก็เป็นในลักษณะเดียวกับที่เป็นข่าวอยู่ในปัจจุบันนั่นคือการตัดผมจากคุณครูแบบน่าเกลียด เพื่อที่จะให้เด็กไปตัดผมให้ถูกระเบียบอีกนัยหนึ่งมันก็คือการประจานความผิดของนักเรียนนั่นเอง จนกลายเป็นคำถามที่ว่า ทรงผมนักเรียนเกี่ยวอะไรกับการเรียน หากมองในกลุ่มของผู้ใหญ่หรือคนยุคเก่านั้น ก็จะมองว่า ทรงผมนักเรียน ตามระเบียบเก่าของกระทรวงศึกษานั้นค่อนข้างที่จะเรียบร้อยเป็นระเบียบ ดูแล้วเหมาะสมกับการเป็นวัยเรียน แต่ในยุคปัจจุบันเมื่อโลกเปลี่ยนสังคมเปลี่ยน การทำทรงผมตามใจชอบก็หมาย ถึงอิสระเสรี และไม่เกี่ยวกับการศึกษาของเด็กเพราะเด็กจะเรียนดีหรือไม่ดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับทรงผม และยิ่งมีข่าวคุณครูตัดผมเด็กแบบน่าเกลียดจนกลายเป็นกระแสในโลกออนไลน์มีการต่อว่าทั้งผู้ปกครองเด็กนักเรียนและทำให้เป็นประเด็นที่ ทำให้เกิดกระแสต่างๆมากมาย ทางออกของเรื่องทรงผมนักเรียนควรเป็นไปในทิศทางไหน สิ่งที่เราพอจะแนะนำเรื่อง ทรงผมนักเรียน ได้ก็คือทางสายกลาง แม้ว่ากระทรวงออกกฎมาชัดเจน ว่าให้เด็กไว้ผมทรงไหนก็ได้อย่างอิสระ แต่บางโรงเรียนก็ยังยึดในแบบเก่า ซึ่งต้องกลายเป็นปัญหาอย่างที่เป็นข่าว ทางออกที่ดีที่สุดคือให้เด็กมีอิสระในการไว้ทรงผม แต่จะต้องอยู่ในคำว่าสุภาพเรียบร้อย เมื่ออยู่ในชุดนักเรียน หรือ อยู่ในสถาบันการศึกษา ไม่ว่าจะผมสั้นหรือผมยาว…
ปัจจุบันโรคสมาธิสั้นกลายเป็นโรคยอดฮิตของเด็กยุคดิจิตอลเพราะมีการสำรวจและพบว่าร้ายครอบครัวมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้เริ่มในกลุ่ม เด็กสมาธิสั้น นั้นก็จะมีพฤติกรรมที่แตกต่างจากเด็กปกติทั่วไป เช่นบางรายมีพฤติกรรมก้าวร้าว บางรายอยู่ไม่นิ่ง เด็กบางคนไม่สามารถเรียนหนังสือร่วมกับเด็กปกติได้ และเมื่อถ้าพบว่าเด็กมีอาการสมาธิสั้น เราต้องดูแลอย่างไร ให้เด็กสามารถเรียนหนังสือได้เหมือนเด็กปกติในวัยเดียวกัน วันนี้เรามาดูวิธีการแกไข้ปัญหาที่ถูกต้องกันค่ะ พฤติกรรมของเด็กสมาธิสั้น ซึ่งการสังเกตพฤติกรรมของ เด็กสมาธิสั้น สามารถสังเกตได้ตั้งแต่ช่วงวัย 2 ขวบขึ้นไป เพราะเด็กบางรายอาจจะมีอาการบ่งชี้บางอย่างว่าแตกต่างจากเด็กทั่วไป ทำให้พ่อแม่พอจะเข้าใจหรือรู้ว่ามีความแตกต่างเช่น งอแงผิดปรกติ ซนมากกว่าเด็กวัยเดียว อยู่ไม่นิ่ง เด็กสมาธิสั้นทำอย่างไรให้เรียนหนังสือได้เหมือนเด็กปกติ การเลือกที่จะไปพบแพทย์เพื่อปรึกษาและปรับพฤติกรรมของเด็กตั้งแต่เนิ่นๆ จะเป็นการช่วยให้เด็กที่มีสมาธิสั้นมีพฤติกรรมที่สามารถเรียนหนังสือได้เหมือนเด็กปกติ อาการ เด็กสมาธิสั้น แต่ละรายก็อาจจะแตกต่างกันไปบางรายไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ยาบำบัดอาการ ก็สามารถที่จะเรียนหนังสือได้แต่ก็ต้องสังเกตพฤติกรรมอื่นด้วยว่ามีภาวะอื่นร่วมด้วยหรือไม่ส่วนใหญ่แล้ว เด็กที่เป็นสมาธิสั้นมักจะมีภาวะของ LD ร่วมด้วย เด็กสมาธิสั้น อาจจะมีพฤติกรรมบางอย่างที่แตกต่างจากเด็กทั่วไป ซึ่งการใช้ยานั้นทางจิตแพทย์จะเป็นผู้กำหนดว่าเด็กควรจะได้รับยาในระดับไหนเพื่อปรับสารเคมีในสมองให้อยู่ในระดับที่ปกติ สามารถเรียนหนังสือและไม่มีพฤติกรรมที่รบกวนเด็กคนอื่น เพราะจากประสบการณ์จากกลุ่มผู้ปกครองที่มีลูกเป็นสมาธิสั้นนั้น เด็กบางรายมีพฤติกรรมอยู่ไม่นิ่ง ไม่สามารถนั่งเรียนหนังสือแบบคนอื่นได้ กลายเป็นการรบกวนคนอื่นตลอดเวลา ก็ทำให้เกิดปัญหาระหว่างครูกับเด็กนักเรียน เด็กสมาธิสั้นรักษาได้ ดังนั้นหากมีความสงสัยว่า เด็กในบ้านมีพฤติกรรมสื่อเป็น เด็กสมาธิสั้น หรือไม่ ก็สามารถไปปรึกษาจิตแพทย์ได้ เพื่อช่วยให้กับพฤติกรรมหรือรักษาอย่างถูกวิธีเพื่อให้เด็กมีพฤติกรรมปฐมวัยและสามารถเรียนหนังสือได้เหมือนเด็กในวัยเดียวกันอย่ามองว่าเป็นปัญหาเพราะสาเหตุที่แท้จริงในทางการแพทย์ก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเกิดจากอะไรไม่ว่าจะเป็นสมาธิสั้นหรือภาวะการเรียนรู้บกพร่องต่างๆ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสารเคมีในสมองซึ่งหาสาเหตุได้ยาก ติดตามบทความ การศีกษา เคล็ดลับการสอบ เคล็ดลับการอ่านหนังสือ…
ใกล้เข้ามาแล้วสำหรับช่วงเวลาแห่งการเปิดเทอม ไม่ว่าจะเป็นระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น หรือตอนปลาย ระดับมหาวิทยาลัย หรือสูงไปกว่านั้น ในการศึกษาไม่ว่าจะเป็นระดับ หรือวุฒิใดก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสอบ สอบเพื่อให้ผ่านไปสู่การเลื่อนระดับ หรือจบการศึกษา การที่จะทำคะแนนสอบให้สูง หรือสอบผ่านในแต่ละวิชานั้น ต้องมีความขยัน และอดทนในการอ่านหนังสือ บางคนอ่านเยอะเท่าไหร่ก็จำไม่ได้ สอบไม่ผ่านซักที วันนี้เรามี เทคนิคการอ่านหนังสือ อ่านยังไง ให้สอบผ่านฉลุยทุกวิชา มาฝากกันค่ะ เทคนิคการอ่านหนังสือให้สอบผ่านทุกวิชา เทคนิคการอ่านหนังสือวิธีที่ 1 เราต้องตัดขาดจากโลกภายนอก ต้องตัดขาดจากโลกโซเชียลไม่ว่าจะเป็นการเล่น Facebook, Line, หรือการท่องโลกอินเตอร์เน็ตอื่น ๆ ซึ่งการเล่นโซเชียลเป็นวิธีที่ทำให้เราไม่มีสมาธิกับการอ่านหนังสือเป็นอย่างมาก ก่อนที่จะอ่านหนังสือ ควรที่จะหยุดเล่นโซเชียลแล้วหันมาให้ความสำคัญกับการอ่านหนังสืออย่างเต็มที่ เทคนิคการอ่านหนังสือวิธีที่ 2 เรียงลำดับความสำคัญของหนังสือแต่ละเล่ม ขึ้นอยู่กับว่าในการสอบครั้งนั้น เราสอบวิชาใดเป็นวิชาแรก เราก็ควรที่จะหยิบหนังสือ ชีท หรือเลคเชอร์ของวิชาแรกที่สอบมาอ่านก่อน และเรียงลำดับตามวิชาที่ต้องสอบต่อ ๆ ไปตามกันมา เทคนิคการอ่านหนังสือวิธีที่ 3 เรียกสมาธิ รวบรวมสติ…
คณะที่เราสามารถเลือกเรียนมีมากมายตามความชอบส่วนบุคคล ซึ่งคนส่วนใหญ่มักที่จะเรียนหมอ วิศวกรรม ครู หรืออะไรก็ตามที่ตลาดต้องการเพื่อที่อนาคตจะได้มีงานที่ดีทำ และมีความมั่นคงในเรื่องของอาชีพจากการศึกษาที่ได้เรียนมา ซึ่งยังมีคณะอีกมากมายที่ไม่เป็นที่นิยมในการศึกษาแต่เป็นที่นิยมที่ตลาดต้องการตัวคนที่เรียนไปทำงานด้วย วันนี้แอดอยากที่จะมาแนะนำ 3 คณะลับๆ ที่หลายคนไม่รู้จัก แต่ถ้าเรียนจบแล้ว มีงานทำแน่นอน คณะลับๆ ที่หลายคนอาจไม่รู้จัก คณะลับๆ ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก ที่แอดอยากที่จะมาแนะนำ คณะแรก คือ คณะทัศนมาตรศาสตร์ เป็นคณะที่เรียนเกี่ยวกับสายตา ทั้งโครงสร้างของตาการมองเห็น และการตรวจสอบรวมไปถึงการคัดกรองโรคที่เกี่ยวกับสายตา มันจะเห็นทัศนมาตร ทำงานอยู่ตาร้านขายแว่น เพื่อที่จะช่วยตรวจสอบสายตาได้อย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพที่สุด และสามารถที่จะแนะนำในส่วนของการเลือกแว่นที่เข้ากับโครงหน้ารูปตาให้เราได้อีกด้วย คณะลับๆ ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก ที่แอดอยากที่จะมาแนะนำ คณะที่สอง คือ คณะวนศาสตร์ เป็นคณะที่มีความเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมการอนุรักษ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ปลา น้ำ ป่าไม้ เรียกได้ว่าศึกษาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมการดูแลผืนป่า ป่าไม้และการอนุรักษ์ถือว่าเป็นอีกคณะลับ ๆ ที่น่าสนใจในการเลือกเรียนมาก คณะลับๆ ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก ที่แอดอยากที่จะมาแนะนำ คณะที่สาม คือ คณะสัตวศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตร…
ในเรื่องของการศึกษาคณะที่ค่อนข้างจะเป็นที่นิยมของตลาดอันดับต้น ๆ ก็คงไม่พ้นคณะวิศวกรรมที่เด็ก ๆ นิยมและอยากที่จะเข้ามาเรียน ซึ่งการสอบเข้ามาเรียนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งในเรื่องของสาขาวิชาของวิศวกรรม และปัญหาอีกหนึ่งอย่างที่เด็กๆต้องเจอคือจะเลือกเรียนสาขาอะไรดี วันนี้แอดจึงอยากที่จะมาแนะนำ 3 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มาแรง และเป็นที่นิยมในการเลือกเรียนจบแล้วมีงานทำ คณะวิศวกรรมศาสตร์มาแรง คณะวิศวกรรมศาสตร์ มาแรงที่แอดอยากที่จะแนะนำ สาขาวิชาแรกก็คือ วิศวกรรมซอฟแวร์ เป็นการเรียนเกี่ยวกับซอฟแวร์เป็นนักพัฒนาที่ดีแต่มีความซับซ้อนในเรื่องของโปรแกรมและในเรื่องของการทำงานเพราะแล้วแต่ทางหลักสูตรของมหาวิทยาลัย แต่หลัก ๆ จะเน้นในเรื่องของการเขียนโปรแกรมหรือการเขียนแอพพลิเคชั่นเพื่อที่จะช่วยให้สามารถที่จะทำงานได้สะดวกขึ้นและควบคุมการทำงานของสิ่งของต่าง ๆ ถือว่าเป็นคณะวิศวกรรมสาขาที่กำลังเป็นที่ต้องการและน่าสนใจมาก ๆ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มาแรงที่แอดอยากที่จะแนะนำ สาขาวิชาที่สองก็คือ วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เป็นการศึกษาในเรื่องมีใช้ร่วมกับระบบของไฟฟ้า เกี่ยวกับการออกแบบ ควบคุม เกี่ยวกับวงจรและการผลิตต่าง ๆ ที่ใช้ในการควบคุม สามารถที่จะซ่อมและบำรุงในเรื่องของสิ่งของที่มีอยู่หรือวงจรเมื่อเกิดความชำรุด สามารถที่จะทราบสาเหตุได้ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มาแรงที่แอดอยากที่จะแนะนำ สาขาวิชาที่สามก็คือ วิศวกรรมเครื่องกล เป็นสาขาการศึกษาการทำงานเกี่ยวกับระบบการทำงานของเครื่องจักรที่ทำงานพัฒนาระบบเครื่องจักรกล ซ่อมบำรุงและสร้างเครื่องกลเพื่อที่จะเพิ่มความสะดวกสบายและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้นนั้นเอง ทั้งหมดเป็นสาขาใน คณะวิศวกรรมศาสตร์ ที่แอดอยากแนะนำมาปังมาก ๆ บอกเลยว่ามาแรงมากและจบมาไม่ตกงานแน่นอน…
อยากรู้จังเลย ว่าการศึกษาของแต่ละประเทศจะเหมือนกันไหม ? และการศึกษาของแต่ละประเทศจะเป็นอย่างไร แต่ละประเทศมุ่งเน้นไปทางไหน ? อยากลองไปเรียนที่ต่างประเทศบ้างจังต้องทำอย่างไรดี วันนี้เรามีคำตอบมาให้ กับการเปรียบเทียบ ความแตกต่างระหว่าง การศึกษาไทยกับต่างประเทศ แบบชัดแจ้ง ที่แอดจะมาบรรยายให้เห็นกันชัดๆเลยว่า การศึกษาของประเทศไทย ของเรานั้น แตกต่างกับการศึกษาของต่างประเทศอย่างไร และ แตกต่างกันที่ตรงไหนบ้าง เช่น เวลาการเรียน เนื้อหาการเรียน การศึกษาค้นคว้า วันนี้ เราจะได้ทราบถึง การศึกษาไทย และ การศึกษาต่างประเทศ ว่าทั้ง 2 แตกต่างกันอย่างไร ความแตกต่างระหว่างการศึกษาไทยกับต่างประเทศ เวลาในการเรียน – ความแตกต่างระหว่างการศึกษาไทยกับต่างประเทศ เรื่องเวลาเรียนในแต่ละวัน เวลาของแต่ละประเทศจะไม่เท่ากันอยู่แล้ว เนื่องจากเวลาโลกอีกทวีปนึง (กรณีทางยุโรป) แต่ ถ้าพูดถึงระยะเวลาที่ใช้ในการเรียนของแต่ละวัน การศึกษาของประเทศไทยใช้เวลาใน 1 วัน เฉลี่ย 7-8 ชั่วโมงในการเรียน แต่การศึกษาของต่างประเทศใช้ในการเรียนเฉลี่ยเพียงวันละ 3-5 ชั่วโมงเท่านั้น…
ว่าด้วยเรื่องของการศึกษาสาขาวิชาต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยที่ไม่คิดว่าจะมีสาขาวิชาเหล่านี้เปิดให้เราศึกษาได้ เพื่อที่จะหาวิชาความรู้ให้กับตัวเอง ซึ่งอาจจะเสริมในเรื่องของความรู้รอบตัวให้เราสามารถที่จะมีทักษะการใช้ชีวิตที่รอบด้านมากขึ้น วันนี้แอดอยากที่จะมาแนะนำ 3 สาขาวิชาแปลกใหม่ ในการศึกษาไทย บอกเลยว่าแปลกแต่น่าเรียน บอกเลยว่าใครที่ทางมหาวิทยาลัยเปิดสอนวิชาแปลก ๆที่หาเรียนได้ยาก หรือไม่สามารถเรียนได้ทั่วไปเพราะอาจจะมีความเฉพาะทาง ควรที่จะลงเรียนมากเมื่อมีโอกาส สาขาวิชาแปลกใหม่ที่เปิดให้ศึกษาในไทย สาขาวิชาแปลกใหม่ ที่เปิดให้ศึกษาในไทย วิชาแรกที่แอดอยากจะแนะนำ คือ วิชา AI กับชีวิตประจำวัน เป็นวิชาที่น่าสนใจมาก ๆ อีกวิชาหนึ่งที่นำเอา AI ที่ไม่สามารถหาเรียนได้ง่าย ๆ เพราะเป็นวิชาที่มีความเฉพาะทาง เป็นวิชาที่นำเอา AI มาประยุกต์ให้สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้ และประยุกต์อย่างไรและนำมาใช้งานได้อย่างไร ปัจจุบันเปิดสอนเป็นวิชาเลือกของ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ซึ่งก็มีความแปลก แต่ก็เปิดโลกในการศึกษาอยู่นะ สาขาวิชาแปลกใหม่ ที่เปิดให้ศึกษาในไทย วิชาที่สองที่แอดอยากจะแนะนำ คือ วิชาการตายอย่างมีคุณภาพ แค่ชื่อโปรแกรมก็แปลกมาก ๆ แล้ว เป็นวิชาที่น่าสนใจอยู่ไม่นอนเลยนะ เกี่ยวกับการจากไปของมนุษย์ ซึ่งจริง ๆ…
หลาย ๆ คนเคยสงสัยกันไหมว่าระดับชั้นการศึกษาของไทย ถ้านำไปเปรียบเทียบกับการเรียนที่อเมริกา ที่เราเคยได้ยินกันมากว่า เกรด 7 เกรด 8 นั้นคืออะไร แล้วเท่ากับระดับชั้นอะไรของประเทศไทย โดยเฉพาะสำหรับนักเรียนที่อยากไปศึกษาต่อต่างประเทศนั้น จำเป็นต้องทราบระดับชั้นในการเข้าเรียน เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ซึ่งการเปรียบเทียบระดับชั้น การศึกษาไทยกับอเมริกา มีดังนี้ เทียบชัดๆระดับชั้นการศึกษาไทยกับอเมริกา ระดับชั้นอนุบาล : หรือเรียกว่า Kindergarten ในอเมริกาจะมีการเรียนเตรียมอนุบาล หรือโรงเรียนอนุบาลเฉกเช่นกับของไทยเรานั่นเอง ระดับชั้นประถมศึกษา : เข้าสู่ช่วงวัยประถมศึกษา ในอเมริกาจะเริ่มนับเกรด 1 ในช่วงอายุ 6 ปี ซึ่งจะเท่ากับประถมศึกษาปีที่ 1 ของไทยเรา โดยระดับชั้นประถมศึกษานั้นจะเริ่มที่ เกรด 1 ไปจนถึง เกรด 6 เช่นเดียวกับประเทศไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษา : สำหรับระดับชั้น การศึกษาไทยกับอเมริกา ช่วงมัธยมศึกษา ที่อเมริกานั้นจะแตกต่างกับของไทยเล็กน้อย ตรงที่การแบ่งช่วงชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นจะมีเพียงแค่ 2…
ในโลกยุคดิจิตัลแบบนี้ นักเรียนจะต้องใช้เวลาในการศึกษาที่โรงเรียนและมหาวิทยาลัยควบคู่ไปกับการเรียนรู้ในชีวิตจริงให้มากขึ้น เพื่อว่าจะได้เป็นการฝึกเรื่องการเรียนรู้ด้านการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีไปในตัว เจ้าสัวธนินท์ เจ้าของ CP คุณธนินท์ เจียรวนนท์ กล่าว จากการให้สัมภาษณ์กับบางกอกโพสต์ ที่ปารีส เขาได้พูดถึงหัวข้อเกี่ยวกับการศึกษาของโลก ประธานใหญ่องค์กลุ่มเจริญโภคภัณฑ์กล่าวว่านักเรียนไทยควรใช้เวลาในการเรียนรู้ที่โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยให้ลดน้อยลง โดยเขายังเชื่อว่า เด็กเยาวชนที่อายุ 18 ปีสามารถก้าวเข้าสู่ตลาดแรงงานได้แล้ว แต่ว่าที่ไทยนั้นโดยปกติแล้ววัยรุ่นจะก้าวเข้าสู่แรงงานเมื่อวัย 20 ปีขึ้นไป บทสัมภาษณ์เจ้าสัวธนินท์ เจ้าของ CP เกี่ยวกับการศึกษา เจ้าสัวธนินท์ เจ้าของ CP กล่าวว่าในความคิดเห็นของผมนักเรียนใช้ชีวิตในการเรียนรู้มากเกินไป โดยการเรียนชั้นประถมควรจะลดจำนวนปีการศึกษาลงจาก 6 เหลือ 4 ปี ทำให้ร่นระยะเวลาการจบการศึกษาระดับปริญญาตรีลงมาได้ และช่วยให้เด็กพร้อมทำงานในอายุเพียงแค่ 18 ปี คุณธนินท์กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ นักเรียนไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ศาสตร์จากตัวหนังสือมากเกินไป เพราะว่าพวกเขาทั้งหมดสามารถเรียนรู้ได้ง่ายเพียงแค่ปลายนิ้วผ่านอินเตอร์เน็ตเท่านั้น ดังนั้นเรื่องของ machine learning และ artificial intelligence จะช่วยให้เรื่องของข้อมูลสารสนเทศ,กาจดจำและการคำนวณได้เร็วขึ้นและขึ้นมากกว่ามนุษย์ ดังนั้นมันไม่มีเหตุผลเลยที่เราจะต้องใช้วิธีการเรียนรู้แบบเดิมๆ ที่โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยส่วนมากเขาใช้กัน…
นอกจากแบรนด์ Marimekko, Nokia, Moomin, และฤดูร้อนที่ไม่มีความมืดมิด ฟินแลนด์ยังเป็นที่รู้จักในด้านความเป็นเลิศด้านการศึกษา ในปี 1968 ประเทศในยุโรปเหนือได้ผ่านการปฏิรูปการศึกษาครั้งใหญ่ ในทศวรรษต่อ ๆ มานักเรียนชาวฟินแลนด์ได้รับผลเฉลี่ยสูงสุดหรือใกล้เคียงที่สุดในโครงการประเมินผลนักศึกษานานาชาติ International Student Assessment (Pisa) อย่างสม่ำเสมอ ระบบ การศึกษาฟินแลนด์ ไม่ได้มุ่งหวังที่ต้องการเป็นระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก แต่ประเทศได้มุ่งเน้นไปที่การเรียนรู้มากกว่าการสอบไล่ และเน้นที่ทุกคนต้องมีความเสมอภาคในการเข้าถึงการศึกษา การศึกษาฟินแลนด์แนวทางการศึกษาที่ดี ในการประชุมประจำปีของ Educa เพื่อการพัฒนาครูมืออาชีพ เคิร์สตี้ เวสต์ฟาเล่น เอกอัครราชทูตฟินแลนด์ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเมื่อปีที่แล้วพูดคุยกับ Life เกี่ยวกับแนวปฏิบัติของ การศึกษาฟินแลนด์ แนวทางการศึกษาที่ดีที่สุดในการนำมาปฏิรูปการศึกษาและสิ่งที่ประเทศไทยสามารถเรียนรู้ได้ เราควรเปิดให้เรียนฟรีตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงมหาวิทยาลัย ทุกคนได้รับการศึกษาคุณภาพสูงเหมือนกันไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ไม่มีความแตกต่างระหว่างโรงเรียน – มีเพียงความแตกต่าง 5% ระหว่างโรงเรียนที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดและโรงเรียนที่มีประสิทธิภาพต่ำที่สุด การศึกษาฟินแลนด์ และการศึกษาทั่วโลก เรามีเส้นทางการเรียนรู้ในสายสามัญและสายอาชีพเหมือนกับไทย สายสามัญมักจะถูกได้รับการยกย่องว่าคนที่จบสายนี้จัดว่าเป็นหัวกะทิเช่นเดียวกับที่ไทย แต่ว่าบัณฑิตส่วนมากจบออกมาไม่มีงานทำ ด้านอาชีวศึกษานั้นไม่ได้ถูกเหลียวแลเลย แต่ในปัจจุบันคนที่เก่งในสายอาชีพก็สามารถทำเงินเดือนที่ดี และสามารถกลับไปเรียนต่อในสายสามัญหรือระดับปริญญาตรีได้ต่อตามที่พวกเขาต้องการ ซึ่งการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด ประมาณ…