โรงเรียน

แมงมุมเพื่อนรัก (Charlotte’s Web) วรรณกรรมเยาวชน หนังสืออ่านนอกเวลา

แมงมุมเพื่อนรัก (Charlotte’s Web) วรรณกรรมเยาวชน หนังสืออ่านนอกเวลา

วรรณกรรมเรื่องแมงมุมเพื่อนรัก ได้รับการตีพิมพ์เกินกว่าถึง 45 ล้านเล่ม และยังมีการแปลเป็นภาษาต่าง ๆ มากกว่า 23 ภาษา  นอกจากนี้วรรณกรรมเรื่อง แมงมุมเพื่อนรัก ยังได้รับรางวัลนิวเบอรี่ (The Newberry Medal) ซึ่งถือเป็นรางวัลออสการ์แห่งวงการวรรณกรรมเยาวชนเหรียญเงิน (Honor) และทางนิตยสาร TIME นิตยสารระดับโลกฉบับก็ได้ยกย่องให้เป็นวรรณกรรมเยาวชนที่ดีที่สุดในศตวรรษ (ปี 1999) เรื่องย่อวรรณกรรมเรื่อง แมงมุมเพื่อนรัก ตัวละครเอกของเรื่องแมงมุมเพื่อนรักคือแม่แมงมุมที่ชื่อ “ชาร์ล็อต” ซึ่งเธอได้ช่วยชีวิตลูกหมูชื่อว่า “วิลเบอร์” เพื่อไม่ให้เจ้าหมูถูกฆ่าเป็นอาหาร โดยการออกอุบายเพื่อทำให้เจ้าหมูกลายเป็นเจ้าหมูวิเศษ ซึ่งชาร์ล็อตได้ชักใยเป็นตัวอักษรว่า “หมูพิเศษ” เมื่อชาวบ้านมาเห็นจึงตกใจและลือกันไปทั่วว่าเจ้าหมูนี้เป็นหมูมหัศจรรย์ นี่เองจึงทำให้มันรอดจากการกลายเป็นเบคอน และทั้งสองก็ได้สานสัมพันธ์เป็นเพื่อนกันเรื่อยมา  และพบเจอกับประสบการณ์การผจญภัยต่าง ๆ จนใกล้วาระสุดท้ายของแมงมุมอย่างชาร์ล็อต ที่แม้ว่าเจ้าหมูจะเอาแต่บอกว่าเขาไม่เคยทำอะไรเพื่อชาร์ล็อตเลย แต่ชาร์ล็อตกลับบอกว่าสิ่งที่เธอต้องการไม่ใช่สิ่งใดเลยนอกจากมิตรภาพดี ๆ ที่เจ้าหมูมอบให้เธอ และเมื่อถึงวันที่ชาร์ล็อตจากไปตามอายุขัย เจ้าหมูก็เศร้ามาก แต่มันก็ไม่ได้เศร้านานนัก เพราะชาร์ล็อตได้ทิ้งลูก ๆ ของเธอให้เป็นเพื่อนกับเจ้าหมูน้อยนั่นเอง ข้อคิดที่ได้จากวรรณกรรมเรื่องแมงมุมเพื่อนรัก -มิตรภาพระหว่างเพื่อนคือสิ่งสวยงามที่เราควรรักษาให้ยืนยาวต่อไป…

“การศึกษาเกาหลีใต้” ติดอันดับ 1 ระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก ยั่วใจให้น่าไปเรียนต่อ

“การศึกษาเกาหลีใต้” ติดอันดับ 1 ระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก ยั่วใจให้น่าไปเรียนต่อ

ในปี 2020 การศึกษาเกาหลีใต้ ติดอันดับประเทศที่มี ระบบการศึกษาดีที่สุดในโลก แซงหน้าประเทศจากซีกโลกตะวันตกไปแบบไม่เห็นฝุ่น ทำให้ตอนนี้เกาหลีใต้เป็นอีกประเทศที่ผู้ปกครองในบ้านเรากำลังเล็งไว้เผื่อจะส่งลูกหลานไปเรียนต่อ และเพราะเหตุใดจึงทำให้ระบบการศึกษาของเกาหลีใต้ดีสุดยอดจนใคร ๆ ก็อยากไปเรียนกันล่ะ ถ้าอยากรู้มาดูกัน การศึกษาเกาหลีใต้ ปฏิรูประบบ เพื่ออนาคต ในปี 2001 เกาหลีมีการปรับโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการใหม่ โดยเน้นปรับให้เข้ากับยุคสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลง โดยมีอำหนาจหน้าที่ไม่เพียงแต่เฉพาะการเรียนภายในสถาบันการศึกษาเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงสถาบันอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับอาชีพและการใช้ชีวิต   การศึกษาเกาหลีใต้เน้นผลิตคนให้เหมาะกับงาน หลักสูตรการศึกษาของเกาหลีใต้จะออกแบบมาให้ผู้เรียนมีคุณสมบัติที่เหมาะจะทำงานได้จริง เช่น มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง มีบุคลิกภาพที่ดี รู้จักอุทิศตนเพื่อส่วนรวม รู้จักพัฒนาศักยภาพความสามารถเพื่ออาชีพของตน และที่สำคัญคือคุณสมบัติทุกประการจะอยู่บนพื้นฐานของประชาธิปไตย   การศึกษาเกาหลีใต้ในระดับอุดมศึกษาเด่นมาก ระดับอุดมศึกษาหรือมหาวิทยาลัยในเกาหลีใต้มีชื่อเสียงในระดับโลก เพราะส่วนใหญ่เน้นความเป็นเลิศทางวิชาการ มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ก็มีการแข่งขันกันสูงมากเพื่อให้ก้าวสู่การเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก ทำให้มหาวิทยาลัยต่าง ๆ มีบทบาทต่อสังคมมาก โดยเฉพาะงานวิจัย นวัตกรรม และการสร้างสรรค์ผลงานเพื่อชุมชุนและในระดับโลก โดยเฉพาะในวงการอุตสาหกรรมที่เกาหลีใต้ยืนหนึ่งเรื่องนี้ ดังนั้นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยชั้นนำในเกาหลีใต้จึงได้รับการยอมรับเรื่องคุณภาพในระดับสุง บุคลากรทางการศึกษาเกาหลีใต้มีประสิทธิภาพสูง ครูหรือบุคลากรทางการศึกษาของเกาหลีใต้ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักเรียนนักศึกษามีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง…

ทักษะการอ่าน ของคุณอยู่ระดับใด อยู่ในขั้นไหน ถ้าอยากรู้มาดูกัน

ทักษะการอ่าน ของคุณอยู่ระดับใด อยู่ในขั้นไหน ถ้าอยากรู้มาดูกัน

ใคร ๆ ก็อ่านหนังสือได้ แต่เราอยากจะเป็นคนที่อ่านได้แบบไหนกันล่ะ โดยเฉพาะนักเรียนและนักศึกษา ที่มีความจำเป็นจะต้องอ่านหนังสือ ให้มาก และอย่างสม่ำเสมอ การรู้ว่าตนเองมีทักษะในการอ่านระดับใด ก็จะช่วยให้รู้ตัว ประเมินความสามารถของตนได้ และนำไปใช้พัฒนาปรับปรุง ทักษะการอ่าน ต่อไป ทักษะการอ่าน ของแต่ละคนมี 4 ระดับ ดังนี้ ทักษะการอ่าน ระดับพื้นฐาน : คนที่อ่านออก คือคนที่อ่านหนังสือแบบอ่านออก สะกดคำเป็น อ่านออกเสียถูก อ่านแล้วไม่ค่อยมีผิด แต่เป็นแค่ในระดับที่เพียงแค่อ่านออกเขียนได้เท่านั้น แม้จะสามารถจดจำสิ่งที่อ่านได้ดี แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าใจเนื้อหาในระดับลึก ๆ ได้ คล้าย ๆ กับการอ่านแบบนกแก้วนกขุนทอง ซึ่งทักษะการอ่านระดับนี้มักพบได้ในระดับชั้นประถมต้น ทักษะการอ่าน ระดับพอใช้ : คนที่อ่านแล้วเข้าใจ คือคนที่นอกจากจะอ่านได้ไม่มีผิดแล้ว ก็ยังเข้าใจรูปประโยคของสิ่งที่อ่านด้วย รวมทั้งยังพอสรุปใจความสำคัญ หรือย่อความได้ด้วย  และแม้จะพอวิเคราะห์ได้แต่ก็ไม่ลึกซึ้ง ซึ่งทักษะการอ่านระดับนี้มักพบได้ในระดับชั้นประถมปลายและมัธยมต้น ทักษะการอ่าน ระดับดี : คนที่อ่านแล้วรู้จักคิดวิเคาระห์…

สมัครเรียนต่อมหาวิทยาลัยเกาหลีใต้ เราจะต้องทำอย่างไรบ้าง ?

สมัครเรียนต่อมหาวิทยาลัยเกาหลีใต้ เราจะต้องทำอย่างไรบ้าง ?

“เกาหลี” ใต้คือประเทศที่มีระบบการศึกษาดีที่สุดในโลก ในปี 2020 ดังนั้นจึงทำให้หนุ่มสาวที่กำลังมองหามหาวิทยาลัยเพื่อศึกษาต่อ เล็งมหาวิทยาลัยที่เกาหลีใต้เอาไว้เช่นกัน ถ้าอย่างนั้นมาดูกันว่าหากเราต้องการ สมัครเรียนต่อมหาวิทยาลัยเกาหลีใต้ จะต้องทำอย่างไรบ้าง แนะนำ การเตรียมตัว และเตรียมเอกสาร ต่างๆ ในการ สมัครเรียนต่อมหาวิทยาลัยเกาหลีใต้ การติดต่อสมัครเรียนต่อมหาวิทยาลัยเกาหลีใต้ที่หน่วยงานใด คุณไม่ต้องกังวลว่าจะชั้นจะติดต่อที่ไหนยังไง เพราะตามมหาวิทยาลัยเกาหลีใต้เกือบทุกแห่งเค้าโกอินเตอร์กันแล้ว ดังนั้นจึงมี International Office คอยให้คำปรึกษาแนะนำเรื่องการเรียนต่อของนักศึกษาต่างชาติ ซึ่งคุณสามารถติดต่อผ่านช่องทางออนไลน์ได้เลย เอกสารที่ใช้ สมัครเรียนต่อมหาวิทยาลัยเกาหลีใต้ เอกสารที่ใช้สมัครเรียนต่อมหาวิทยาลัยเกาหลีใต้อาจมีความแตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะต้องมีเอกสารพวกนี้ เช่น -เอกสารการสมัครซึ่งทางมหาวิทยาลัยจะระบุข้อกำหนดมา -สูติบัตรของเราเพื่อยืนยันความสัมพันธ์ของพ่อแม่และเรา   -ตัวสำเนาของพาสปอร์ตตัวเอง และพ่อแม่ของเรา -หลักฐานที่เกี่ยวกับการเข้าและออกประเทศซึ่งออกโดยเจ้าหน้าที่ของเกาหลี     -เอกสารการจบการศึกษาจากสถาบันเดิม หรือเอกสารระบุว่ากำลังศึกษาในระดับชั้นใด –หนังสือรับรองโดยอาจารย์หรือที่จากทำงานเก่าของคุณ ซึ่งจดหมายที่เขียนโดยอาจารย์ที่กล่าวถึงเราในแง่ดีจะยิ่งได้เครดิตมาก -เอกสารแสดงความสามารถทางภาษาอังกฤษ หรือภาษาเกาหลี หรือพวก TOEFL / IELTS    -กรณีที่มีพอร์ตงาน (Portfolio) หรือผลงานตอนที่เคยทำงานก็ควรหนีบไปโชว์เค้าด้วย ขั้นตอนการสมัครเรียนต่อมหาวิทยาลัยเกาหลีใต้คร่าว…

4 ข้อดีของการศึกษาสิงคโปร์ ประเทศที่ติดอันดับ 3 ระบบการศึกษาดีที่สุดในโลก

4 ข้อดีของการศึกษาสิงคโปร์ ประเทศที่ติดอันดับ 3 ระบบการศึกษาดีที่สุดในโลก

“สิงคโปร์” ประเทศในกลุ่มอาเซียนที่ใกล้บ้านเรา ซึ่งระบบการศึกษาของสิงคโปร์ดีมาก ดังนั้นสิงคโปร์จึงเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับเด็กไทยที่สนใจจะเรียนต่อต่างประเทศ ควรลองหาข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาต่อ เพราะ ข้อดีของการศึกษาสิงคโปร์ เอื้อในการศึกษาต่อมากมาย ข้อดีของการศึกษาสิงคโปร์ ประเทศที่มีระบบการศึกษาดี ติดอันดับโลก ข้อดีของการศึกษาสิงคโปร์กำลังจะยกเลิกการสอบในระดับชั้นต่าง ๆ ในสิงคโปร์ได้เตรียมการจะยกเลิกการสอบของเด็กที่เรียนในหลายระดับชั้น โดยจะใช้ผลรายงานการวัดการเรียนรู้จากครูผู้สอน เพราะเขาเห็นว่าเด็กจะไม่ค่อยมีความสุขหากเอาแต่มุ่งไปที่การทำเกรด เด็กจะกดดันและเครียดจนเกินไป ซึ่งสิ่งที่สำคัญกว่าเกรดที่ดีก็คือความสุขและการรู้จักเรียนรู้การใช้ชีวิตนั่นเอง ข้อดีของการศึกษาสิงคโปร์ได้ใช้ภาษาอังกฤษ แม้ว่าภาษาราชการของสิงคโปร์จะมีมากถึง  4  ภาษา  คือ  ภาษาอังกฤษ  จีนกลาง  มลายู  และทมิฬ  แต่เด็ก ๆ ก็จะพูดภาษาอังกฤษกันเป็นหลัก ดังนั้นเมื่อได้เรียนที่สิงคโปร์เด็กจึงมีโอกาสใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันได้อย่างคล่องแคล่ว ข้อดีของการศึกษาสิงคโปร์จะเข้มข้น ระบบการศึกษาของสิงคโปร์จะเข้มข้น มีความเอาจริงเอาจัง เน้นการคิดวิเคราะห์ การสร้างสรรค์ เป็นที่ยอมรับของนานาชาติว่าได้มาตรฐานสากล  โดยเฉพาะการเรียนที่เด็กสามาถนำไปประยุกต์ใช้ในแขนงต่าง ๆ ได้จริง ข้อดีของการศึกษาสิงคโปร์การศึกษาในระดับต่าง ๆ แยกออกเป็นระดับได้ ดังต่อไปนี้ ระดับประถม : เมื่อจบชั้น ป. 6  จะต้องทำข้อสอบ…

5 จุดเด่น ระบบการศึกษาสิงคโปร์ ที่มีดีระดับโลก แม้แต่เด็กไทยก็อยากไปเรียนต่อ

5 จุดเด่น ระบบการศึกษาสิงคโปร์ ที่มีดีระดับโลก แม้แต่เด็กไทยก็อยากไปเรียนต่อ

อย่ามองข้ามการศึกษาต่อที่ “สิงคโปร์” เพราะแม้จะเป็นประเทศที่มีพื้นที่เล็ก ๆ แต่ ระบบการศึกษาสิงคโปร์  เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องระบบการศึกษาในระดับโลก จนทำให้ตอนนี้บ้านเรามีพ่อแม่หลายคน อยากจะส่งลูกไปเรียนต่อที่สิงคโปร์ นั่นก็เพราะว่า ระบบการศึกษาสิงคโปร์ ดีเยี่ยมอย่างแท้จริง ระบบการศึกษาสิงคโปร์ มีโครงสร้างทางการศึกษาที่ดี โครงสร้างทางระบบการศึกษาสิงคโปร์มีความเคร่งครัด สถาบันการศึกษาทั้งของรัฐและอิสระจะต้องดำเนินงานให้สอดคล้องกับโครงสร้างทางการศึกษาที่กำหนดไว้ แต่หลัก ๆ แล้วคือ ในระดับชั้นต่าง ๆ จะมีโครงสร้างทางการศึกษา ดังนี้ -ก่อนประถมศึกษา (ไม่ได้บังคับไว้) -ประถมศึกษา 6 ปี (ประถมต้น 4 ปี และประถมปลาย 2 ปี) -มัธยมศึกษา 4-5 ปี -การศึกษาหลังจบระดับมัธยม โดยจะเข้าระดับอุดมศึกษา หรือเรียนต่อวิชาชีพตามสถาบันต่าง ๆ ที่ตนสนใจหรือถนัด -อุดมศึกษา หรือระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งสิงคโปร์มีมหาวิทยาลัยเพียงไม่กี่แห่งแต่เด่นกันไปคนละทาง และเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในระดับโลกมากมาย ระบบการศึกษาสิงคโปร์มีหลักสูตรที่ได้มาตรฐาน เนื่องจากรัฐบาลสิงคโปร์เห็นความสำคัญของการจัดหลักสูตรการศึกษามาก ดังนั้นจึงมีงบจัดทำหลักสูตรใหม่ๆ เสมอ…

ผลสำรวจสาเหตุ การอ่านหนังสือของเด็ก ในเด็กวัย 6-14 ปี

ผลสำรวจสาเหตุ การอ่านหนังสือของเด็ก ในเด็กวัย 6-14 ปี

ในยุคที่โลกเต็มไปด้วยเทคโนโลยีและสิ่งเร้ามากมาย เราอาจมีความกังวลว่าเด็กที่เป็นอนาคตของชาติจะหลงมัวเมาไปกันสิ่งนั้นหรือไม่ ทำให้วันนี้จะนำข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติมาอ้างอิงและวิเคราะห์ถึงสาเหตุ การอ่านหนังสือของเด็ก ว่าเป็นอย่างไรบ้าง อีกทั้งมีอะไรที่น่าเป็นกังวลหรือไม่   วิเคราะห์ถึงสาเหตุ การอ่านหนังสือของเด็ก ในเด็กวัย 6-14 ปี ได้ดังนี้ 77% การอ่านหนังสือของเด็ก อ่านหนังสือเพื่อการศึกษา จากตัวเลขที่สูงนี้อาจไม่ใช่เรื่องที่น่าดีใจนัก เพราะเป็นเรื่องที่สมควรแล้วกับการที่เด็กต้องเข้าถึงระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ทำให้เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้สำหรับการอ่านหนังสือ แต่ในอีกมุมหนึ่งอาจต้องเพิ่มตัวเลขให้มากกว่านี้ เพื่อให้ครอบคลุมกับกลุ่มเด็กที่อยู่ห่างไกลในชนบทและขาดโอกาสทางการศึกษาอีกจำนวนมาก 60.1% การอ่านหนังสือของเด็ก อ่านหนังสือเพื่อเพิ่มพูนความรู้ จากสถิติแบบนี้นับว่าน่าภูมิใจอย่างยิ่งที่เด็กใฝ่หาในสิ่งที่ตนเองสนใจ นับจากนี้จงเป็นหน้าที่ของผู้ปกครองด้วยที่ต้องสนับสนุนเด็กตามสมควร เพื่อให้การอ่านของเขายั่งยืนไปกระทั่งตอนโต ซึ่งหากสนับสนุนและปลูกฝังจนกลายเป็นนิสัยก็ยิ่งดีเข้าไปอีก 21.5% การอ่านหนังสือของเด็ก อ่านเพื่อความบันเทิง ในส่วนนี้มีข้อดี คือช่วยให้เด็กอ่านหนังสือได้คล่องและเป็นการผ่อนคลายสมองได้ แต่ในมุมกลับกันการอ่านในประเภทนี้ต้องอยู่ในระดับที่พอดี เพราะหากอ่านมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อตัวเด็กในแง่ของการเรียน จนถึงการใช้ชีวิตในสังคมได้ 11.5% การอ่านหนังสือของเด็ก อ่านเพราะความสนใจและอยากรู้ ในส่วนนี้นับว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะสื่อให้เห็นว่าเด็กเริ่มรู้ตัวตนของตัวเอง ฉะนั้นการจะตอบโจทย์ความใคร่รู้ของตัวเองก็ต้องหาหนังสือมาอ่าน แต่ถึงกระนั้นจากตัวเลขนี้นับว่ายังน้อยไปสักหน่อย เพราะมันก็สื่อให้เห็นว่ายังมีเด็กอีกจำนวนมากที่ไม่สามารถค้นหาตัวเองได้ โดยอาจจะเป็นที่สภาพแวดล้อมและตัวผู้ปกครองที่กำหนดกรอบไปยังตัวเด็ก จนกระทั่งเด็กไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง ซึ่งหากสถิติตรงนี้ถ้าในอนาคตเพิ่มขึ้นเกิน 50% ขึ้นไป วันข้างหน้าประเทศไทยของเราจะมีทรัพยากรมนุษย์ที่ฉลาด…

ความรู้นอกตำรา ว่าด้วยเรื่องของ วิวัฒนาการของ ภาษามลายู

ความรู้นอกตำรา ว่าด้วยเรื่องของ วิวัฒนาการของ ภาษามลายู

ภาษามลายูกับอินโดนีเซีย มีความคล้ายคลึงกัน สามารถสื่อสารกันได้รู้เรื่อง ซึ่งมีผู้ใช้ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่ชายแดนใต้ของไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์และหมู่เกาะต่างๆ โดยสาเหตุที่ทำให้ภาษานี้ถูกใช้อย่างแพร่หลาย มาจากการไปมาหาสู่ด้วยการคมนาคมทางเรือตั้งแต่โบราณแล้วนั่นเอง สำหรับวิวัฒนาการทางภาษาในช่วงแรกจะเป็นภาษาพูด แต่ไม่มีภาษาเขียน อีกทั้งยังเป็นภาษาสำหรับการเผยแพร่พุทธศาสนาในโลกของชาวมลายูเมื่อครั้งอดีต ทำให้มีคำบาลีและสันสกฤตปะปนอยู่ในภาษามลายูมาจนถึงปัจจุบัน กระทั่งการเข้ามาเผยแพร่ศาสนาอิสลามจากนักเดินเรือแถบตะวันออกกลางและอินเดีย ซึ่งใช้ภาษาอาหรับ ทำให้นับตั้งแต่นั้น ภาษามลายู มีภาษาเขียนด้วยตัวอักษรอาหรับเป็นเวลาหลายร้อยปี จุดเปลี่ยนของ ภาษามลายู ที่มีความสำคัญมาก วิวัฒนาการของ ภาษามลายู มาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้ง จากการเข้ามาของเจ้าอาณานิคมอังกฤษในดินแดนแถบนี้ ซึ่งพวกเขาต้องมีการติดต่อสื่อสารกับผู้ปกครองและชาวพื้นเมือง กระทั่งเกิดอุปสรรคในเรื่องการสื่อสาร แม้ว่าจะมีการศึกษาเรียนรู้ภาษาท้องถิ่น แต่เจ้าอาณานิคมอังกฤษมองว่าภาษามลายู ที่ถูกวางไว้ในระบบภาษาอาหรับ เป็นระบบภาษาที่มีการเรียนรู้ยากและใช้เวลานานสำหรับการเรียน ไล่ตั้งแต่วิธีการเขียนที่เริ่มต้นจากขวามาซ้าย ตัวพยัญชนะที่มีอยู่จำนวนมากที่จะมีอุปสรรคต่อการผสมคำ  ทำให้ท้ายที่สุดได้เปลี่ยนระบบภาษามลายูใหม่ ด้วยการใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษแบบโรมัน มีพยัญชนะและสระเหมือนภาษาอังกฤษ แต่มีการเพิ่มพยัญชนะที่เป็นคำควบอีก 10 ตัว เช่น sy ny ให้เสียงครบ รวมถึงเพิ่มกฎการเติมคำอุปสรรค mem , me ,men หน้าคำกิริยาให้มีความสมบูรณ์ ที่เหลือก็มีเพียงการท่องจำคำศัพท์ให้ได้มากที่สุด…

รวบรวมกิจกรรมที่โควิด-19 ทำให้ นักเรียนชั้น ม. 6 มีอันต้องพลาด

รวบรวมกิจกรรมที่โควิด-19 ทำให้ นักเรียนชั้น ม.6 มีอันต้องพลาด

โควิด-19 ได้เข้ามามีผลกระทบกับผู้คนในวงกว้างให้มีวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปรวมไปถึงในแวดวงการศึกษา ที่ต้องมีการปรับตัวตามไปด้วย แต่สำหรับเด็กนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่6 หลายกิจกรรมที่พวกเขาจะได้พบเจอและสัมผัสมันเพียงแค่ครั้งเดียวในชีวิต แต่โควิด-19 ก็ดันพรากสิ่งเหล่านั้นไปเรียบร้อย ซึ่งในวันนี้เราจะไปดูกันว่าอะไรบ้างที่โควิด-19 พรากไปจากน้องๆ นักเรียนชั้น ม.6 จนทำให้พลาดและไม่มีโอกาสได้แก้ตัวอีก กิจกรรมที่ นักเรียนชั้น ม.6 ต้องพลาด เพราะพิษโควิด-19 กิจกรรมกีฬาสี คือกิจกรรมแรกที่นักเรียนชั้น ม.6 ต้องพลาดไป เพราะสถานศึกษาเกือบทั้งหมดล้วนแต่ยกเลิกไปเพื่อความปลอดภัย ซึ่งนับว่าจะเป็นเรื่องน่าเสียดายที่กิจกรรมสำคัญนี้สำหรับนักเรียนชั้น ม.6 ที่จะมีโอกาสเป็นผู้กำกับและลงมือทำด้วยตนเอง น้องๆในรุ่นนี้จะไม่มีโอกาสได้ทำและได้ประสบการณ์ดีๆจากมัน กิจกรรม open house  คือกิจกรรมต่อมาที่น้องๆหลายคนยังไม่มีโอกาสไปสัมผัส เพราะมีเพียงไม่กี่มหาลัยเท่านั้นที่จัดก่อนโควิด-19 จะระบาดรอบใหม่ ทำให้นับจากนี้หากน้องๆนักเรียนชั้น ม.6 คนไหนที่ยังไม่ได้ไป open house ก็คงไม่มีโอกาสอีกแล้ว เพราะด้วยสถานการณ์เช่นนี้ที่น่าต้องใช้เวลาอีกแรมเดือนหรือนานกว่านั้นกว่าที่ทุกอย่างจะเข้าสู่สภาวะปกติที่ไม่เสี่ยงอันตราย ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นน้องๆนักเรียน ม.6 อาจจบการศึกษาแล้ว กิจกรรมปัจฉิมนิเทศ ในภาวะปกติเมื่อน้องๆนักเรียน ม.6 ใกล้จบ จะมีงานอำลาหรือที่เรียกว่าปัจฉิมนิเทศ แต่ในยุคโควิด19แบบนี้ การจะมามอบดอกไม้ รวมตัวกันถ่ายรูป…

ผลสำรวจ สาเหตุเด็กไม่อ่านหนังสือ ของเด็กในช่วงอายุ 6-14 ปี

ผลสำรวจ สาเหตุเด็กไม่อ่านหนังสือ ของเด็กในช่วงอายุ 6-14 ปี

กลุ่มเด็กในช่วงวัย 6-14 ปี นับว่าอยู่ในช่วงของการเรียนรู้สิ่งต่างๆในระดับพื้นฐาน ก่อนที่จะถูกต่อยอดหลังจากนั้น ทำให้การอ่านหนังสือของเด็ก ก็มีความสำคัญที่จะช่วยให้เด็กเหล่านี้เติบโตไปแบบมีคุณภาพ  แต่ถึงกระนั้นในโลกที่มีเทคโนโลยี และสิ่งเร้าเกิดขึ้นมากมาย ทำให้เด็กในช่วงวัยนี้หันเหไปยังสิ่งอื่นที่ไม่ใช่การอ่านหนังสือ ซึ่งจะมี สาเหตุเด็กไม่อ่านหนังสือ อะไรบ้างเราไปดูกัน สรุปผลสำรวจ สาเหตุเด็กไม่อ่านหนังสือ 8.9% สาเหตุเด็กไม่อ่านหนังสือ เพราะชอบเล่นเกม หากจะว่าไปเกมก็มีข้อดีอยู่ในตัว เพราะช่วยผ่อนคลายความเครียดได้ แต่ต้องมีการแบ่งเวลาที่เป็นสัดส่วนและเหมาะสม ซึ่งหากเอนเอียงไปทางเล่นเกมจนละเลยการอ่านหนังสือ ก็ย่อมไม่เป็นผลดีต่อตัวเด็กที่อาจส่งผลถึงการเรียนให้ต่ำกว่ามาตรฐานลง   17.9% ไม่ชอบ ในส่วนนี้อาจจะไม่ใช่กลุ่มที่ต้องกังวล เพราะในบางครั้งเด็กเหล่านี้เจอหนังสือที่ไม่ถูกใจ หรือไม่ตรงกับความชื่นชอบของตัวเอง ฉะนั้นในส่วนนี้หากเสริมจิตวิทยาแก่เด็กให้รู้จักคิดและค้นหาตัวตน อาจทำให้เด็กรู้จักตัวเองและรู้ว่าตัวเองชอบอะไร แล้วหลังจากนั้นตัวเด็กจะเป็นฝ่ายออกไปตามหาหนังสือในเรื่องที่เขาชื่นชอบ 26.7% ชอบดูโทรทัศน์ เป็นเรื่องปกติที่ทุกบ้านต้องมีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ผู้ปกครองต้องกวดขันคือ ประเภทของรายการที่ดูและระยะเวลาในการรับชมต่อครั้ง เพื่อให้การดูโทรทัศน์เกิดประโยชน์และได้ความผ่อนคลาย มิใช่จนทำให้เป็น สาเหตุเด็กไม่อ่านหนังสือ เพราะหมดเวลาไปกับมันจนมากเกินไป กระทั่งส่งผลเสียต่อตัวเด็ก   35.6% อ่านไม่คล่อง ยังถือว่าไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติ เพราะภาษาไทยมีขั้นตอนการเรียนที่ซับซ้อน ฉะนั้นนอกเหนือจากการเรียนในห้อง ผู้ปกครองต้องทำหน้าเรื่องที่เป็นผู้ช่วยครูอีกทีหนึ่ง ด้วยการให้เด็กเริ่มอ่านจากสิ่งที่ชอบบ่อยๆ…