การสอบ

สอบแข่งขัน TOEIC

สอบแข่งขัน TOEIC ด้วยแอพพลิเคชั่น โดยที่ไม่ต้องเสียเงินเรียนติวเตอร์

  ในการเข้าทำงาน หรือเรียนต่อในระดับปริญญาโท หรือปริญญาเอก จะมีข้อสอบที่เกี่ยวข้องกับภาษาอังกฤษที่เรียกว่า สอบแข่งขัน TOEIC ถือเป็นแนวข้อสอบที่เรียกว่าโหดอย่างมาก ผู้ที่จะสอบผ่านจะต้องเป็นคนที่เก่งภาษาอังกฤษในระดับหนึ่ง หลายคนที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษ เว็บข้อมูล สอบ กพ การศึกษาไทย สอบสัมภาษณ์ แต่อยากสอบผ่าน เพราะถ้าสอบผ่านถ้าทำงาน ก็จะได้รับเงินพิเศษเพิ่มขึ้น ส่วนการศึกษาต่อ จะการันตีได้เลยว่าได้เข้าเรียนอย่างแน่นอน    สำหรับค่าใช้จ่ายในการติวสอบภาษา TOEIC ก็ถือว่าไม่ใช่น้อย ๆ บางคนถ้ามีทุนทรัพย์ก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าคนที่มีทุนน้อยก็ต้องไปหยิบยืมเพื่อนฝูง แต่วันนี้เราจะมาแนะนำการแก้ปัญหาแบบฟรี ๆ ในการติวสอบ TOEIC ด้วยแอพพลิเคชั่นที่จะช่วยติวสอบบนมือถือสมาร์ทโฟน สามารถไปดาวน์โหลดใช้งานกันได้แบบฟรี จะมีแอพอะไรบ้างนั้นเราไปดูกันเลยดีกว่า 4 แอพพลิเคชั่นสำหรับใช้ สอบแข่งขัน TOEIC บนมือถือสมาร์ทโฟน

สอบชิงทุน

สอบชิงทุน ต่างประเทศเราควรเตรียมตัวอย่างไร 

ถ้าใครที่กำลังหาแนวทางเพื่อที่จะไปเรียนเมืองนอกนั้น เราก็ควรเตรียมตัวกันตั้งแต่เนิน ๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของภาษา โรงเรียนที่จะเลือกสอบไปชิงทุน และที่สำคัญในเรื่องของประเทศที่จะไปพร้อมกับงบประมาณที่เรามี อีกทั้งศึกษาในเรื่องของการสอบแต่ละที่ด้วยว่า คุณสมบัติแบบไหนที่โรงเรียน หรือ มหาวิทยาลัยที่เราจะไปนั้นเขาอยากจะได้เด็กแบบไหน เพื่อให้เราได้เตรียมพร้อมกับการไปสอบนั่นเอง อีกทั้งไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรไทย หรือ หลักสูตรนานาชาติ ก็สามารถที่จะเลือกไป สอบชิงทุน เรียนที่เมืองนอกได้ เพียงแต่ในเรื่องของภาษาที่ถือเป็นตัวสำคัญที่จะทำให้เราได้ไปต่อ อีกทั้งยังง่ายต่อการติดต่อสื่อสารต่าง ๆ อีกด้วย เว็บข้อมูล สอบ กพ การศึกษาไทย สอบสัมภาษณ์ และหากใครที่จะไปเรียนต่างประเทศก็ควรเตรียมตัวอย่างน้อย 1 ถึง 2 ปี และควรศึกษาในเรื่องของโรงเรียนที่เราจะไปทำการสอบชิงทุนด้วย หรือ ไม่ก็หาเอเจนซี่ในเรื่องของการสอบชิงทุนควบคู่กันไปก็ได้  การ สอบชิงทุน ต่างประเทศก็ไม่ยากอย่างที่คิดใคร ๆ ก็ทำได้  ถ้าใครมีแนวโน้มที่คิดอยากจะไปเรียนต่อเมืองนอก ก็ไม่ต้องกังวล หรือ กลัวในเรื่องต่าง ๆ เพียงแค่เราเปิดใจและศึกษาข้อมูลอย่างจริงจัง ก็สามารถช่วยให้เราเลือกโรงเรียนที่เหมาะสมกับเราได้แล้ว และการสอบชิงทุนนั้นเราก็ไม่ควรเลือกเอาไว้เพียงโรงเรียนเดียว เราควรมีตัวเลือกสำรองเอาไว้เสมอ เพราะหากเกิดข้อผิดพลาดเราก็ยังมีโรงเรียนที่สองเอาไว้ให้เราได้อุ่นใจนั่นเอง  และไม่ว่าเราจะเรียนหลักสูตรอะไรมาก็ตาม…

สอบคณิตยังไงให้ผ่าน

สอบคณิตยังไงให้ผ่าน ทริคเอาตัวรอด! ผ่านทุกรอบ 

วันนี้เรามีทริคการ สอบคณิตยังไงให้ผ่าน “คณิตศาสตร์” เป็นศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับตัวเลข ส่งผลให้หลายคนไม่ชอบ เพราะต้องใช้หลักการคำนวณและการคิดวิเคราะห์เยอะมาก ทว่าการเรียนคณิตนั้น ก็แฝงอยู่ในทุกสายอาชีพ และการสอบหลายอย่างที่มีเงินเดือนสูง ก็ต้องใช้วิชาเลขเป็นหลัก เว็บข้อมูล สอบ กพ การศึกษาไทย สอบสัมภาษณ์ ดังนั้นควรเรียนรู้ทริคการเอาตัวรอด สอบคณิตยังไงให้ผ่าน ทุกรอบ ต่อไปนี้ ความรู้พื้นฐานที่ทุกคนมีอยู่นั้น ต้องเชื่อมั่นว่าตนเองมีความรู้พื้นฐานแน่นมาก หากไม่แน่นเลยให้ทุกคนจัดการเรียนรู้เสริมใหม่ จนกว่าความรู้จะแน่นนั้นเอง จะช่วยให้มีรากฐานในการเอาตัวรอดที่แข็งแรง  ไม่จำเป็นต้องไปเรียนรู้กระบวนการแต่แรกใหม่ หากมีพื้นฐานแล้ว ให้ทูกคนมาลองวิชา นำแบบฝึกหัดหลายแบบมาลองทำ จะช่วยให้มีความคุ้นชินกับโจทย์แต่ละข้อ และวิธีการแก้ไขปัญหามากขึ้นได้ ไม่ขาดการฝึกฝนตนเอง วิชาเลข สิ่งที่ช่วยให้ สอบคณิตยังไงให้ผ่าน นั้น คือ การฝึกฝนตนเองตลอด ไม่ขาดการทบทวน การขาดความทบทวน มือจะไม่ชิน สมองจะคิดอะไรได้ยากมากขึ้นนั้นเอง แล้วในทุกครั้งที่ตะสอบอะไร สิ่งที่ควรมีให้ได้ก่อน คือ เป้าหมาย และทุกคนก็จะทราบได้ทันที ว่าจะสู้ไปเพราะอะไร และเมื่อท้อ ก็จะมีแรงในการคิดคำนวณได้ง่ายขึ้นนั้นเอง เหตุผลที่ควรหวิธี…

แอพพลิเคชั่น

แอพพลิเคชั่น ที่ช่วยให้การศึกษาภาษาอังกฤษง่ายขึ้น

แอพพลิเคชั่น ในทุกๆวันนี้โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนนับว่าเป็นส่วนหนึ่ง ของการใช้ชีวิตประจำวัน สร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้เป็นจำนวนมากไม่ว่าจะทำอะไรแค่เพียง ติดตั้งแอพพลิเคชั่น พี่มีมากมายก็สามารถเลือกใช้ได้ตามความต้องการรวมถึงในปัจจุบันนี้ยังมีแอพพลิเคชั่นที่ช่วยสอนช่วยฝึกภาษาอังกฤษให้สามารถเข้าใจได้อย่างมากขึ้น ลองมาดูว่ามี แอพอะไรที่น่าสนใจบ้างที่เป็นยอดที่นิยมในปัจจุบัน แอพพลิเคชั่นEcho English Application นี้เป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่างภาครัฐบาลส่วนกระทรวงศึกษาธิการและภาคสถาบันการศึกษาเอกชนซึ่งมีหลักสูตรให้ผู้เรียนสามารถฝึกฝนได้ถึง 200 บทเรียนที่เกี่ยวข้องกับ การใช้ภาษาทั้งการพูดการอ่านและการเขียน ในฟีเจอร์ของแอพพลิเคชั่นนี้ก็จะมีรูปแบบวีดีโอให้ฝึกฝนและเรียนรู้ถึงสถานการณ์ต่างๆว่าต้องใช้ภาษาแบบไหน สถานการณ์ในชีวิตประจำวัน ภาษาอังกฤษที่ใช้ติดต่อสื่อสารทั้งด้านธุรกิจ วิชาชีพต่างๆ อีกทั้งยังมีพื้นฐานการใช้ภาษา ประเภท การถามทางบทสนทนาพื้นฐาน ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน รวมถึง ยังมีระบบการทดสอบเพื่อประเมินผล การเรียนจากในแอพพลิเคชั่นว่าอยู่ในระดับใดเพื่อพัฒนาทักษะเพิ่มเติมมากขึ้นซึ่งรองรับการใช้งาน Smart Phone ทั้งระบบ iOS และ Android และเป็น Application ที่เปิดใช้บริการฟรี แอพพลิเคชั่น Speak Practice your English อันนี้เป็นแอพพลิเคชั่นที่เน้นทักษะในการพูดและฟังภาษาอังกฤษ โดยแอพพลิเคชั่นมีรูปแบบแอพพลิเคชั่นคล้ายคลึงกับแอพพลิเคชั่นสนทนาทั่วไปที่มีการฝึกพิมพ์รูปประโยคต่างๆและยังส่งเสียงตอบโต้กันได้ รูปแบบการใช้ App เหมือนการเล่นเกมเพราะว่าเมื่อผ่านตัวละครที่สนทนาเป็นตัวอย่างแล้วก็จะปลดล็อคตัวละครอื่นๆในแอพพลิเคชั่น ให้สนทนาในสถานการณ์ที่แตกต่างๆกัน มีความโดดเด่นก็คือการพูดเข้าในแอพนี้จะมีการบอกแสดงให้รู้ว่าประโยคที่พูดออกไปเป็นประโยคที่สื่อสารได้รู้เรื่องหรือไม่ และรองรับการใช้งานผ่าน Smart Phone…

เรียนออนไลน์

5 เว็บการเรียนรู้ออนไลน์ รวมมาให้แล้วสำหรับนักเรียน

5 เว็บการเรียนรู้ออนไลน์ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส-19 ทำให้เกิดสถานการณ์ต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของประเทศ ทำให้หน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ ต้องปรับเปลี่ยน เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ ซึ่งในส่วนของการเรียนหรือการศึกษาก็ได้รับผลกระทบจำนวนไม่น้อย ดังนั้นเราจะมาแนะนำ เว็บไซต์สำหรับเรียนรู้ออนไลน์เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบัน                 Khan Academy                เป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมการเรียนรู้ในด้านของ คณิตศาสตร์วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ศิลปะ และความรู้ในด้านอื่นๆอีกมากมาย โดยใช้เป็นสื่อวิดีโอในการสอน และยังมีการเก็บสถิติ การเรียนของผู้ที่เข้าเรียนเอาไว้เพื่อให้ได้เปรียบเทียบ อีกด้วย TED-Ed                เป็นอีกเว็บไซต์หนึ่งที่มีบทเรียนมากมายและยังมีบทเรียน ที่ได้รับรางวัลต่าง ได้นำมาให้ผู้เรียนได้เข้ามาศึกษากัน รวมถึง ยังมีระบบที่ให้ผู้เรียนสามารถอัพ โหลดวิดีโอของตัวเอง ลงไปในเว็บไซต์ได้อีกด้วย Udemy                เป็นเว็บไซต์ที่ได้ร่วมบทเรียนต่างๆเอาไว้มากมาย กว่า30,000บทเรียน ที่จะ แยกออกเป็นแต่ละหมวดหมู่วิชา และยังเป็นอีกหนึ่งเว็บไซต์ที่มีการอัพเดท บทเรียนอยู่ตลอดเวลา โดยมีผู้เชี่ยวชาญในแต่ละแขนงวิชา ให้ความรู้และอีกด้วย Project Gutenberg ในเว็บนี้มีหลายคนได้เปรียบไว้ว่า ดังห้องสมุดออนไลน์ที่ขนาดใหญ่ ที่มี E-Book ให้ผู้ที่สนใจเข้าไปดาวน์โหลดกัน มากกว่า 50,000 แบบไม่ต้องเสียเงินเลย…

ห้องเรียนกลับด้าน การเรียนการสอนแบบใหม่ที่ตรงใจนักเรียน

ห้องเรียนกลับด้าน การเรียนการสอนแบบใหม่ ที่ตรงใจนักเรียน

อย่าเพิ่งตกใจว่า ห้องเรียนกลับด้าน เป็นการเรียนในห้องเรียนเอียงๆ หรือกลับด้านแบบเอาขาชี้ฟ้า…  แต่เป็นการเรียนการสอนแบบใหม่ที่ปฏิวัติการศึกษาและความเชื่อเดิมๆ ของทั้งครูและนักเรียน  ซึ่งทางอเมริกาเขาวิจัยมาแล้วว่าทำให้นักเรียนมีผลการเรียนดีขึ้นอย่างชัดเจน  มาดูกันว่าคืออะไร ห้องเรียนกลับด้าน คืออะไร ดีอย่างไร ห้องเรียนแบบเก่า สิ่งที่เกิดในห้องเรียนจะมีการเรียนการสอนปกติ  บางโรงเรียนที่มีเทคโนโลยีหน่อยก็จะให้นักเรียนศึกษาหาความรู้ผ่านทางอินเทอร์เน็ต  และเมื่อนักเรียนกลับบ้านแล้วก็จะมีการบ้านติดตัวไปให้ทำเพื่อฝึกฝน ห้องเรียนกลับด้านหรือที่เรียกว่า  Flipped  Classroom  มีรายละเอียดที่น่าศึกษา  ดังนี้ สิ่งที่เกิดในห้องเรียน คือ  จัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อการเรียนรู้  (เป็นการจัดกิจกรรมหรือให้ทำงานที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในวิดีโอที่ให้นักเรียนดู  โดยครูมีหน้าที่ชี้แนะแต่ไม่ชี้นำ  เรียกว่าเป็นผู้ช่วยเหลือในยามที่เด็กติดขัดและกระตุ้นให้สามารถคิดด้วยตัวเอง)  ที่สำคัญการเรียนการสอนแบบใหม่นี้ยังเปิดโอกาสให้นักเรียนนำการบ้านมาทำได้  ซึ่งการทำการบ้านในห้องเรียนมีข้อดีหลายประการ  ได้แก่  1.  ช่วยลดปัญหาการลอกการบ้านเพื่อนในทุกเช้า  หากเด็กบางคนไม่สามารถทำเองได้ 2.  เด็กสามารถปรึกษาเพื่อน  นั่งทำการบ้านกันเป็นกลุ่มๆ ได้ 3.  เด็กสามารถสอบถามการบ้านจากครูผู้สอนเพื่อความกระจ่าง 4.  เด็กมีเวลาส่วนตัวมากขึ้นเมื่อกลับบ้านแล้ว 5.  เด็กเรียนอย่างมีความสุขเพราะไม่มีการบ้านต้องทำที่บ้าน  และการทำการบ้านที่ห้องเรียนก็ไม่ต่างจากการทำกิจกรรมสนุกๆ กับเพื่อน สิ่งที่เกิดนอกห้องเรียน สิ่งที่เกิดนอกห้องเรียน  (นอกเวลาเรียน)  ของห้องเรียนกลับด้าน  คือ  จัดให้นักเรียนศึกษาหาความรู้ผ่านทางอินเทอร์เน็ต …

เทคนิคลดความเครียด ของเด็กวัยเรียน อย่างมีประสิทธิภาพ

เทคนิคลดความเครียด ของเด็กวัยเรียน อย่างมีประสิทธิภาพ

ถ้าคุณกำลังอยู่ในวัยเรียน ก็ย่อมต้องประสบกับปัญหาความเครียดที่มาจากการเรียน ดังนั้นสมองของคุณจึงไม่ค่อยผ่อนคลาย และความตึงเครียดก็จะส่งผลเสียต่อพัฒนาการทางสมองโดยตรง ดังนั้นวิธีที่จะเสริมสร้างการทำงานของสมองให้ดียิ่งขึ้น ก็คือการกำจัดความเครียด ซึ่งในที่นี้ขอแนะนำ เทคนิคลดความเครียด วิธีผ่อนคลายความเครียด แบบที่เป็นธรรมชาติ ทำง่าย และเหมาะกับเด็กนักเรียนนักศึกษาอย่างยิ่ง แนะนำ เทคนิคลดความเครียด ของเด็กวัยเรียน แบบที่เป็นธรรมชาติ เทคนิคลดความเครียดผ่อนคลายสมองจากการเรียนด้วยดนตรีเพราะๆ ไม่ว่าจะเป็นดนตรีแบบมีทั้งเนื้อร้องและทำนอง หรือมีแต่ทำนองอย่างเดียว หากเป็นแบบที่เราชอบแล้ว เชื่อได้เลยว่าเราย่อมยิ้มได้ และความสุขในโลกส่วนตัวก็ย่อมเกิด จึงไม่น่าแปลกที่หลายคนมักจะพกพาดนตรีไปกับเขาทุกที่ เพราะดนตรีจะช่วยคลายทุกข์ ลดความเครียด และทำให้จิตใจเบิกบานได้ ขอแนะนำว่าคุณควรเลือกประเภทดนตรีในแบบที่ชอบ และในช่วงที่เครียดมาก ๆ โดยเฉพาะช่วงอ่านหนังสือสอบ ก็ควรเลือกฟังดนตรีแบบที่เสียงไม่ดังมาก หรือไม่หนวกหูจนเกินไป เพราะเสียงที่ดังมากอาจทำให้ตื่นก็จริง แต่ก็จะกระตุ้นให้เครียดมากขึ้นด้วย เทคนิคลดความเครียดบรรเทาความเครียดจากการเรียนด้วยการกินแก้เครียด เด็กนักเรียนนักศึกษามักมีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัว โดยเฉพาะช่วงใกล้สอบ เพราะมักจะกินมากเป็นพิเศษ พอเครียดปุ๊บก็กินปั๊บ คิดว่าการกินนี่แหละที่จะช่วยให้หายเครียดได้ทันที แต่ใช่ว่าอาหารทุกชนิดจะเหมาะสำหรับคลายเครียด อาหารที่ควรเน้นกินมากที่สุดในช่วงที่ใช้สมองมาก ๆ ก็คือ อาหารที่อุดมด้วยวิตามินบี 12 ซึ่งจะช่วยบำรุงระบบประสาท ป้องกันอาการซึมเศร้า และบรรเทาอาการเครียดได้ด้วย  โดยพบได้มากในอาหารต่าง…

การเรียนรู้แบบ New Normal บ้านและการเรียนรู้ในยุคโควิด 19

การเรียนรู้แบบ New Normal บ้านและการเรียนรู้ในยุคโควิด 19

“บ้านคือโรงเรียนแห่งแรก พ่อแม่คือครูคนแรก” จากคำกล่าวข้างต้น พบได้ชัดเจนในช่วง โควิด 19 เนื่องจากเหล่าน้อง ๆ หนู ๆ ต้องปรับเปลี่ยนการเรียนในชั้นเรียนเป็นการเรียนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งเป็น การเรียนรู้แบบ New Normal ซึ่งสิ่งที่ยากจะควบคุมมาก ระหว่าง สมาธิของเด็กวัยนี้ กับการจดจ่อในการเรียนออนไลน์ ผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยมตลอดทั้งวัน ต่างจากบรรยากาศการเรียนในชั้นเรียนอย่างสิ้นเชิง การเรียนรู้แบบ New Normalการศึกษาที่เหมาะ ในยุคโควิด 19 การปิดโรงเรียนเพื่อให้นักเรียนเรียนออนไลน์จากที่บ้าน การเรียนรู้แบบ New Normalส่งผลกระทบต่อนักเรียนและผู้ปกครองอย่างมาก โดยเฉพาะ เด็กอนุบาล และเด็กประถม เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถอยู่บ้านคนเดียวหรือไม่สามารถเรียนรู้ออนไลน์ด้วยตัวเองได้ มีหลายวิธีที่ผู้ปกครองสามารถสนับสนุนการเรียนรู้ของบุตรหลานด้วยกิจกรรมง่ายๆราคาประหยัด เช่นการอ่านหนังสือ หรือการร้องเพลงกล่อมเด็กเป็นประจำ ซึ่งสามารถสนับสนุนทักษะภาษาขั้นพื้นฐานของพวกเขาได้ หรือการนำเสนอประสบการณ์ต่าง ๆ รอบตัวเรา เช่นการสำรวจชุมชนในท้องถิ่น สามารถกระตุ้นให้เกิดความอยากรู้ อยากเห็น และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโลก ได้เป็นอย่างดี และสนับสนุนด้านทักษะวิชาการให้เชื่อมโยงกับการใช้ชีวิต เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และการพัฒนาทางกายภาพ เป็นการเรียนรู้ทั้งการปฏิบัติ…

ผลสำรวจสาเหตุ การอ่านหนังสือของเด็ก ในเด็กวัย 6-14 ปี

ผลสำรวจสาเหตุ การอ่านหนังสือของเด็ก ในเด็กวัย 6-14 ปี

ในยุคที่โลกเต็มไปด้วยเทคโนโลยีและสิ่งเร้ามากมาย เราอาจมีความกังวลว่าเด็กที่เป็นอนาคตของชาติจะหลงมัวเมาไปกันสิ่งนั้นหรือไม่ ทำให้วันนี้จะนำข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติมาอ้างอิงและวิเคราะห์ถึงสาเหตุ การอ่านหนังสือของเด็ก ว่าเป็นอย่างไรบ้าง อีกทั้งมีอะไรที่น่าเป็นกังวลหรือไม่   วิเคราะห์ถึงสาเหตุ การอ่านหนังสือของเด็ก ในเด็กวัย 6-14 ปี ได้ดังนี้ 77% การอ่านหนังสือของเด็ก อ่านหนังสือเพื่อการศึกษา จากตัวเลขที่สูงนี้อาจไม่ใช่เรื่องที่น่าดีใจนัก เพราะเป็นเรื่องที่สมควรแล้วกับการที่เด็กต้องเข้าถึงระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ทำให้เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้สำหรับการอ่านหนังสือ แต่ในอีกมุมหนึ่งอาจต้องเพิ่มตัวเลขให้มากกว่านี้ เพื่อให้ครอบคลุมกับกลุ่มเด็กที่อยู่ห่างไกลในชนบทและขาดโอกาสทางการศึกษาอีกจำนวนมาก 60.1% การอ่านหนังสือของเด็ก อ่านหนังสือเพื่อเพิ่มพูนความรู้ จากสถิติแบบนี้นับว่าน่าภูมิใจอย่างยิ่งที่เด็กใฝ่หาในสิ่งที่ตนเองสนใจ นับจากนี้จงเป็นหน้าที่ของผู้ปกครองด้วยที่ต้องสนับสนุนเด็กตามสมควร เพื่อให้การอ่านของเขายั่งยืนไปกระทั่งตอนโต ซึ่งหากสนับสนุนและปลูกฝังจนกลายเป็นนิสัยก็ยิ่งดีเข้าไปอีก 21.5% การอ่านหนังสือของเด็ก อ่านเพื่อความบันเทิง ในส่วนนี้มีข้อดี คือช่วยให้เด็กอ่านหนังสือได้คล่องและเป็นการผ่อนคลายสมองได้ แต่ในมุมกลับกันการอ่านในประเภทนี้ต้องอยู่ในระดับที่พอดี เพราะหากอ่านมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อตัวเด็กในแง่ของการเรียน จนถึงการใช้ชีวิตในสังคมได้ 11.5% การอ่านหนังสือของเด็ก อ่านเพราะความสนใจและอยากรู้ ในส่วนนี้นับว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะสื่อให้เห็นว่าเด็กเริ่มรู้ตัวตนของตัวเอง ฉะนั้นการจะตอบโจทย์ความใคร่รู้ของตัวเองก็ต้องหาหนังสือมาอ่าน แต่ถึงกระนั้นจากตัวเลขนี้นับว่ายังน้อยไปสักหน่อย เพราะมันก็สื่อให้เห็นว่ายังมีเด็กอีกจำนวนมากที่ไม่สามารถค้นหาตัวเองได้ โดยอาจจะเป็นที่สภาพแวดล้อมและตัวผู้ปกครองที่กำหนดกรอบไปยังตัวเด็ก จนกระทั่งเด็กไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง ซึ่งหากสถิติตรงนี้ถ้าในอนาคตเพิ่มขึ้นเกิน 50% ขึ้นไป วันข้างหน้าประเทศไทยของเราจะมีทรัพยากรมนุษย์ที่ฉลาด…

ความรู้นอกตำรา ว่าด้วยเรื่องของ วิวัฒนาการของ ภาษามลายู

ความรู้นอกตำรา ว่าด้วยเรื่องของ วิวัฒนาการของ ภาษามลายู

ภาษามลายูกับอินโดนีเซีย มีความคล้ายคลึงกัน สามารถสื่อสารกันได้รู้เรื่อง ซึ่งมีผู้ใช้ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่ชายแดนใต้ของไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์และหมู่เกาะต่างๆ โดยสาเหตุที่ทำให้ภาษานี้ถูกใช้อย่างแพร่หลาย มาจากการไปมาหาสู่ด้วยการคมนาคมทางเรือตั้งแต่โบราณแล้วนั่นเอง สำหรับวิวัฒนาการทางภาษาในช่วงแรกจะเป็นภาษาพูด แต่ไม่มีภาษาเขียน อีกทั้งยังเป็นภาษาสำหรับการเผยแพร่พุทธศาสนาในโลกของชาวมลายูเมื่อครั้งอดีต ทำให้มีคำบาลีและสันสกฤตปะปนอยู่ในภาษามลายูมาจนถึงปัจจุบัน กระทั่งการเข้ามาเผยแพร่ศาสนาอิสลามจากนักเดินเรือแถบตะวันออกกลางและอินเดีย ซึ่งใช้ภาษาอาหรับ ทำให้นับตั้งแต่นั้น ภาษามลายู มีภาษาเขียนด้วยตัวอักษรอาหรับเป็นเวลาหลายร้อยปี จุดเปลี่ยนของ ภาษามลายู ที่มีความสำคัญมาก วิวัฒนาการของ ภาษามลายู มาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้ง จากการเข้ามาของเจ้าอาณานิคมอังกฤษในดินแดนแถบนี้ ซึ่งพวกเขาต้องมีการติดต่อสื่อสารกับผู้ปกครองและชาวพื้นเมือง กระทั่งเกิดอุปสรรคในเรื่องการสื่อสาร แม้ว่าจะมีการศึกษาเรียนรู้ภาษาท้องถิ่น แต่เจ้าอาณานิคมอังกฤษมองว่าภาษามลายู ที่ถูกวางไว้ในระบบภาษาอาหรับ เป็นระบบภาษาที่มีการเรียนรู้ยากและใช้เวลานานสำหรับการเรียน ไล่ตั้งแต่วิธีการเขียนที่เริ่มต้นจากขวามาซ้าย ตัวพยัญชนะที่มีอยู่จำนวนมากที่จะมีอุปสรรคต่อการผสมคำ  ทำให้ท้ายที่สุดได้เปลี่ยนระบบภาษามลายูใหม่ ด้วยการใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษแบบโรมัน มีพยัญชนะและสระเหมือนภาษาอังกฤษ แต่มีการเพิ่มพยัญชนะที่เป็นคำควบอีก 10 ตัว เช่น sy ny ให้เสียงครบ รวมถึงเพิ่มกฎการเติมคำอุปสรรค mem , me ,men หน้าคำกิริยาให้มีความสมบูรณ์ ที่เหลือก็มีเพียงการท่องจำคำศัพท์ให้ได้มากที่สุด…